ปปง.เสนอให้แบงก์พาณิชย์ทุกแห่งออกระเบียบหน่วงเวลากดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ และให้รัดกุมในการเก็บข้อมูลลูกค้า ป้องกันถูกแฮกข้อมูลขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และให้แบงก์ตั้งคอลเซ็นเตอร์เปิดเบอร์กลางรับแจ้งเหตุ หลังเหยื่อถูกแก๊งนี้หลอกโอนเงินเสียหาย 15 ล้าน
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นประธานการประชุมกำหนดมาตรการป้องกันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างหน่วยงานราชการโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม มีผู้บริหารของธนาคาร 38 แห่ง และตัวแทนสมาคมธนาคารเข้าร่วมหารือ ซึ่งเบื้องต้น ปปง.ได้เสนอให้ธนาคารทุกแห่งออกระเบียบหน่วงเวลาในการกดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศไว้ และให้ธนาคารมีระบบจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่รัดกุมป้องกันการลักลอบนำข้อมูลส่วนตัวลูกค้าไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังมีผู้เสียหาย 56 ราย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินมูลค่าความเสียหาย 15 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์ต่อ ปปง.
รักษาการเลขาธิการสำนักงาน ปปง.กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ให้ความสำคัญต่อปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับรากหญ้า โดยเฉพาะปัญหาประชาชนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์หลอกให้โอนเงินจนสร้างความเสียหายตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างชื่อ ปปง.หลอกให้โอนเงิน 205 ราย และมีผู้หลงเชื่อโอนเงินให้คนร้าย 56 ราย มูลค่า 15 ล้านบาท ตนจึงได้เรียกประชุมตัวแทนธนาคารทุกแห่งและสมาคมธนาคาร เพื่อหารือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบขุดรากถอนโคน เพื่อไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดสร้างความเดือดร้อน โดยตนจะเสนอมาตรการแก้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 ประเด็น คือ 1.ให้ธนาคารมีระบบหน่วงเวลาการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ ประมาณ 10 นาที เพราะประชาชนผู้เสียหายจะรู้สึกตัวเมื่อกดปุ่มเอนเทอร์กดเงินเข้าบัญชีคนร้ายเรียบร้อย หากมีระบบหน่วงเวลาไว้เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวก็จะสามารถโทรศัพท์แจ้งธนาคารให้ระงับการโอนเงินได้ทันท่วงที โดยการแก้ปัญหาเห็นว่าต้องตัดโอกาสช่วงนาทีทองของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
รักษาการเลขาธิการ ปปง.กล่าวอีกว่า 2.จะเสนอให้ธนาคารมีเบอร์คอลเซ็นเตอร์กลาง เพื่อรับแจ้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะที่ผ่านมาเมื่อผู้เสียหายพลาดท่าโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อไปติดต่อกับธนาคาร บางแห่งก็บอกกับลูกค้าว่าใครๆ ก็โดน ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปขอข้อมูลก็บอกว่าไม่รู้จะทำเช่นไร ดังนั้น ธนาคารควรผนึกกำลังตั้งคอลเซ็นเตอร์โดยเปิดเบอร์กลางรับแจ้งเหตุสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อสามารถระงับการทำธุรกรรมต้องสงสัยได้ทันที ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถโอนเงินของผู้เสียหายไปได้ ซึ่งเชื่อว่าถ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กดเงินที่หลอกผู้เสียหายไปไม่ได้ โดยในที่สุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะเลิกราพฤติการณ์ นอกจากนี้จะขอให้ธนาคารมีระบบจัดเก็บประวัติลูกค้าที่รัดกุมป้องกันปัญหาการนำข้อมูลลูกค้าไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
“หลังจาก ปปง.พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะโทร.ไปหลอกเฉพาะคนที่มีฐานะ มีหน้าที่การงาน เราจึงสงสัยว่ามีการเอาข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไปขายให้คนร้ายหรือไม่ เบื้องต้นผลการประชุมในวันนี้ ธนาคารทุกแห่งเห็นด้วยในการเชื่อมโยงระบบเบอร์คอลเซ็นเตอร์ของแต่ละธนาคารเข้าด้วยกัน หากผู้เสียหายพลาดท่าโอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย ให้รีบพลิกหลังบัตรเอทีเอ็มดูเบอร์บริการลูกค้าธนาคารหรือคอลเซ็นเตอร์ และให้รีบโทร.แจ้งในทันที ธนาคารทุกแห่งจะประสานระงับการถอนเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทันที ส่วนเรื่องหน่วงเวลากดเงินในต่างประเทศ ธนาคารขอกลับไปศึกษารายละเอียดอีกครั้ง” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว