นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 54 บริษัทฯคาดว่ามีรายได้และกำไรสุทธิต่ำกว่าไตรมาส 1 ปี 54 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ฝนมาเร็วกว่าปกติ ทำให้การก่อสร้างลด วันหยุดมากในช่วงเม.ย.และร้านค้าชะลอการสั่งซื้อสินค้าเนื่องจากรอดูผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนก.ค.นี้ แม้ว่าการฟื้นตัวภาคอสังหาฯยังต่อเนื่อง มั่นใจว่าทั้งปีบริษัทฯมีรายได้เติบโตขึ้น 10%จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,300 ล้านบาท และกำไรสุทธิดีขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากรับรู้รายได้จากไลน์การผลิตที่ 9 ประมาณ 400-500 ล้านบาท รวมทั้งกระเบื้องคอนกรีตผลิตเพิ่มอีก 20% และการสร้างแบรนด์กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มียอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างตราเพชรเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 85% ของกำลังการผลิตรวม
นายสาธิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการลงทุนไลน์การผลิตที่ 10 เพื่อผลิตบอร์ด ฝ้าเพดานกำลังผลิต 7.2 หมื่นตัน/ปี ใช้เงินลงทุน 480 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี 55 สร้างรายได้ให้บริษัทฯเพิ่มขึ้นอีกปีละ 400-500 ล้านบาท โดยปี 55 จะสร้างรายได้ประมาณ 200-300 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายการขายตรงให้กับโครงการอสังหาฯเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันอยู่ระดับ 5%เพิ่มขึ้นเป็น 10%ภายใน 1-2 ปีนี้ แม้ว่ามาร์จินการจำหน่ายให้กับโครงการจะต่ำกว่าการขายให้เอเย่นต์เล็กน้อย ส่วนการส่งออกจะรักษาระดับการส่งออก 10%ของรายได้รวม โดยจะส่งออกกระเบื้องหลังคาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เล็งขยายตลาดส่งออกไปยังฟิลิปปินส์และเวียดนามด้วย เมื่อเร็วๆนี้บริษัทตัดสินใจซื้อที่ดินเพิ่มเติม 140 ไร่ ในบริเวณไม่ห่างจากพื้นที่ตั้งโรงงานในปัจจุบันจังหวัดสระบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินใจว่าจะลงทุนขยายการผลิตสินค้าใหม่เพื่อเสริมตลาด คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้
ส่วนกรณีที่มีกระแสออกมาเรียกร้องห้ามการใช้ใยหินว่า ปัจจุบันสายการผลิตกระเบื้องของบริษัทฯทั้ง 14 ไลน์มีการผลิตกระเบื้องใยหินเพียง 4ไลน์ เนื่องจากลูกค้ายังนิยมกระเบื้องใยหินเพราะมีความทนทาน และรัฐบาลยังไม่มีการประกาศห้ามการผลิตแต่อย่างใด ทั้งนี้หากรัฐห้ามการใช้ใยหิน บริษัทฯก็จะปรับสายการผลิตไปผลิตสินค้าชนิดอื่นแทนซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อรายได้บริษัท ผลการดำเนินงานของบริษัทฯไตรมาส 1/2554 บริษัทฯมีรายได้รวม 950.73 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% และกำไรสุทธิ 129.04 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน14%
ทั้งนี้ เนื่องจากรับรู้รายได้จากไลน์การผลิตที่ 9 ประมาณ 400-500 ล้านบาท รวมทั้งกระเบื้องคอนกรีตผลิตเพิ่มอีก 20% และการสร้างแบรนด์กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มียอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างตราเพชรเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 85% ของกำลังการผลิตรวม
นายสาธิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการลงทุนไลน์การผลิตที่ 10 เพื่อผลิตบอร์ด ฝ้าเพดานกำลังผลิต 7.2 หมื่นตัน/ปี ใช้เงินลงทุน 480 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี 55 สร้างรายได้ให้บริษัทฯเพิ่มขึ้นอีกปีละ 400-500 ล้านบาท โดยปี 55 จะสร้างรายได้ประมาณ 200-300 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายการขายตรงให้กับโครงการอสังหาฯเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันอยู่ระดับ 5%เพิ่มขึ้นเป็น 10%ภายใน 1-2 ปีนี้ แม้ว่ามาร์จินการจำหน่ายให้กับโครงการจะต่ำกว่าการขายให้เอเย่นต์เล็กน้อย ส่วนการส่งออกจะรักษาระดับการส่งออก 10%ของรายได้รวม โดยจะส่งออกกระเบื้องหลังคาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เล็งขยายตลาดส่งออกไปยังฟิลิปปินส์และเวียดนามด้วย เมื่อเร็วๆนี้บริษัทตัดสินใจซื้อที่ดินเพิ่มเติม 140 ไร่ ในบริเวณไม่ห่างจากพื้นที่ตั้งโรงงานในปัจจุบันจังหวัดสระบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินใจว่าจะลงทุนขยายการผลิตสินค้าใหม่เพื่อเสริมตลาด คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้
ส่วนกรณีที่มีกระแสออกมาเรียกร้องห้ามการใช้ใยหินว่า ปัจจุบันสายการผลิตกระเบื้องของบริษัทฯทั้ง 14 ไลน์มีการผลิตกระเบื้องใยหินเพียง 4ไลน์ เนื่องจากลูกค้ายังนิยมกระเบื้องใยหินเพราะมีความทนทาน และรัฐบาลยังไม่มีการประกาศห้ามการผลิตแต่อย่างใด ทั้งนี้หากรัฐห้ามการใช้ใยหิน บริษัทฯก็จะปรับสายการผลิตไปผลิตสินค้าชนิดอื่นแทนซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อรายได้บริษัท ผลการดำเนินงานของบริษัทฯไตรมาส 1/2554 บริษัทฯมีรายได้รวม 950.73 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% และกำไรสุทธิ 129.04 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน14%