ASTVผู้จัดการรายวัน - เปิดดัชนราคาห้องชุดครึ่งปี 54 ทุกระดับราคา ดัชนีเท่ากับ 108.57 เพิ่มขึ้น 2.98 จุด เทียบครึ่งหลังปี 53 แต่กระโดดตัวขึ้น 7.14 จุด เทียบครึ่งแรกปี 53 หรือเพิ่มขึ้น 7% ในรอบ 1 ปี เผยระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตร.ม.รอบ 1 ปี ดัชนีเพิ่มขึ้น 11.67 จุด เพิ่มขึ้น 11.5% สูงสุด ปัจจัยทางการเมืองนิ่ง โครงข่ายรถไฟฟ้าออกนอกเมือง หนุนตลาดคอนโดฯระดับล่างเติบโต ไม่เสี่ยงจากเหตุจลาจล ด้าน "AREA" ชี้ เม.ย.คอนโดฯแชมป์ หน่วยพัฒนามากถึง 49% ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทถึง5แสนบาท สัดส่วนรวม 53%
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ร่วมกับสมาคมอาคารชุดไทย จัดทำ “ดัชนีราคาห้องชุด” รายครึ่งปี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวของราคาห้องชุดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยเริ่มจากงวดครึ่งปีแรกปี 2553 และใช้ราคาในครึ่งหลังปี 2552 เป็นปีฐาน จากการสำรวจพบว่า ดัชนีราคาห้องชุดรวมทุกระดับราคา สำหรับครึ่งแรกของปี 2554 มีค่าดัชนีเท่ากับ 108.57 ปรับเพิ่มขึ้น 2.98 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับตัวขึ้น 7.14 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553 หรือ ดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 7% ในรอบ 1 ปี (จากครึ่งแรกปี 53 ถึงครึ่งแรกปี 54)
ทั้งนี้ เมื่อลึกลงแต่ละช่วงระดับราคา พบว่า ห้องชุดที่มีระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร(ตร.ม.) มีค่าดัชนีเท่ากับ 113.14 ปรับเพิ่มขึ้น 2.97 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้นถึง 11.67 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 53 หรือดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 11.5%
ห้องชุดที่มีระดับราคา 50,000 - 79,999 บาท/ตารางเมตร มีค่าดัชนีเท่ากับ 109.48 ปรับเพิ่มขึ้น 2.67 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 6.06 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553 ดัชนีราคาเพิ่ม 5.9 %
ห้องชุดที่มีระดับราคาตั้งแต่ 80,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป มีค่าดัชนีเท่ากับ 103.46 ปรับเพิ่มขึ้น 0.14 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 3.75 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553 ดัชนีราคาเพิ่ม 3.8 %
" ถึงแม้ราคาห้องชุดคอนโดฯในช่วงครึ่งแรก ปี 2554 โดยภาพรวมนั้น มีการปรับตัวขึ้นในทุกกลุ่มราคา แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหวือหวาดังเช่นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดคอนโดฯเฟื่องฟูสูงสุด ประกอบกับมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2554 และความไม่แน่นอนทางการเมือง จะทำให้ตลาดคอนโดฯชะลอความร้อนแรงลงในปี 2554 นี้ "
และเป็นที่น่าสังเกตว่า ห้องชุดระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร มีการปรับราคาขึ้นสูงกว่าระดับราคาอื่นๆ (ดัชนีเพิ่มขึ้น 11.67 จุด ในรอบปี) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าราคาได้ปรับตัวสูง เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ผู้ซื้อ ขณะเดียวกัน ช่วงครึ่งแรกของปี 53 ปัญหาทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจนและมีความรุนแรง ขณะที่หลังผ่านพ้นช่วงเหตุการณ์แล้ว โครงการต่างๆในครึ่งหลังของปี 53 มีการเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมาก ที่สำคัญ คอนโดฯระดับราคาดังกล่าว มีการขยายตัวออกไปนอกเมือง ตามโครงการข่ายรถไฟฟ้าที่ออกไป เช่น สุขุมวิทตอนปลาย
ห้องชุดระดับราคา 50,000-79,999 บาท/ตร.ม. มีการปรับราคาขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับครึ่งหลังของปีก่อน เนื่องจากตลาดราคาระดับกลางเป็นตลาดที่มีการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมากกว่าการลงทุน จึงทำให้ราคามีการปรับขึ้นตามกลไกของตลาด
ห้องชุดราคาสูงกว่า 80,000 บาท/ตร.ม. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (ดัชนีเพิ่มขึ้นเพียง 0.14 จุดในรอบครึ่งปี และเพิ่มขึ้น 3.75 จุดในรอบปี) โดยตลาดห้องชุดราคาสูงมีความผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสัดส่วนผู้ซื้อเพื่อการลงทุนให้เช่าสูงกว่าการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และเป็นตลาดที่อ่อนไหวง่ายต่อเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์จลาจลขึ้นมา เช่น โซนราชประสงค์ เพลินจิต ที่มีคอนโดฯระดับบนอยู่จำนวนมาก มีกลุ่มผู้ซื้อที่อาจจะรวมถึงต่างชาติด้วย
"AREA"ชี้คอนโดฯต่ำ2ล้านมาแรง
ด้านของดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) ระบุว่าในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีโครงการเปิดใหม่รวมทั้งหมด 40 โครงการ จำนวนหน่วยขายรวม 10,829 หน่วย มูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 32,097 ล้านบาท
โดยอาคารชุดมีการพัฒนามากที่สุด จำนวน 5,270 หน่วย (49%) ทาวน์เฮาส์ 3,638 หน่วย (34%) บ้านเดี่ยว 1,476 หน่วย (14%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบจำนวนหน่วยขายกับเดือนที่ผ่านมา จะพบว่าทาวน์เฮาส์มีหน่วยขายเพิ่มมากขึ้นจำนวน 1,274 หน่วย (54%) ส่วนอาคารชุดลดลงเล็กน้อย จำนวน 266 หน่วย (5%) และบ้านเดี่ยวลดลงประมาณ 1,403 หน่วย (49%) ซึ่งแสดงว่าทาวน์เฮาส์มีแนวโน้มการเปิดตัวสูงขึ้น
ลักษณะการพัฒนาอสังหาฯในเดือนนี้ อาคารชุดยังมีความร้อนแรงต่อเนื่อง และแซงหน้าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เป็นเดือนที่ 3 ในรอบปี 2554 ซึ่งอาคารชุดที่เปิดขายประมาณ 41% มีระดับราคา 0.5-1.0 ล้านบาท และประมาณ 16% มีระดับราคา 1-2 ล้านบาท ซึ่งที่ตั้งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณส่วนต่อขยายของแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แจ้งวัฒนะ-รามอินทรา) แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) และแนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เป็นต้น
สำหรับมูลค่ารวม 32,397 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 2,627 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 9% ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะมีลักษณะแตกต่างจากเดือนที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนการพัฒนาที่ระดับราคาค่อนข้างถูกถึงปานกลางจำนวนประมาณ 53% และอีก 47% เป็นการพัฒนาในระดับราคาปานกลางค่อนข้างสูงจนถึงที่อยู่อาศัยราคาแพง ซึ่งจะพบว่าในเดือนนี้มีที่อยู่อาศัยระดับราคา 0.501-1.000 ล้านบาทเปิดขายจำนวน 2,362 หน่วย (22%) ที่ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท มีจำนวน 3,394 หน่วย (31%) หากพิจารณาหน่วยขายเฉพาะ 2 กลุ่มนี้ก็มีจำนวนหน่วยขายประมาณ 53% ของจำนวนที่เปิดขายทั้งหมด ส่วนที่เหลือประมาณ 47% จึงเป็นหน่วยขายที่ราคาเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป.
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ร่วมกับสมาคมอาคารชุดไทย จัดทำ “ดัชนีราคาห้องชุด” รายครึ่งปี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวของราคาห้องชุดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยเริ่มจากงวดครึ่งปีแรกปี 2553 และใช้ราคาในครึ่งหลังปี 2552 เป็นปีฐาน จากการสำรวจพบว่า ดัชนีราคาห้องชุดรวมทุกระดับราคา สำหรับครึ่งแรกของปี 2554 มีค่าดัชนีเท่ากับ 108.57 ปรับเพิ่มขึ้น 2.98 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับตัวขึ้น 7.14 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553 หรือ ดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 7% ในรอบ 1 ปี (จากครึ่งแรกปี 53 ถึงครึ่งแรกปี 54)
ทั้งนี้ เมื่อลึกลงแต่ละช่วงระดับราคา พบว่า ห้องชุดที่มีระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร(ตร.ม.) มีค่าดัชนีเท่ากับ 113.14 ปรับเพิ่มขึ้น 2.97 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้นถึง 11.67 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 53 หรือดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 11.5%
ห้องชุดที่มีระดับราคา 50,000 - 79,999 บาท/ตารางเมตร มีค่าดัชนีเท่ากับ 109.48 ปรับเพิ่มขึ้น 2.67 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 6.06 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553 ดัชนีราคาเพิ่ม 5.9 %
ห้องชุดที่มีระดับราคาตั้งแต่ 80,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป มีค่าดัชนีเท่ากับ 103.46 ปรับเพิ่มขึ้น 0.14 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 3.75 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553 ดัชนีราคาเพิ่ม 3.8 %
" ถึงแม้ราคาห้องชุดคอนโดฯในช่วงครึ่งแรก ปี 2554 โดยภาพรวมนั้น มีการปรับตัวขึ้นในทุกกลุ่มราคา แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหวือหวาดังเช่นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดคอนโดฯเฟื่องฟูสูงสุด ประกอบกับมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2554 และความไม่แน่นอนทางการเมือง จะทำให้ตลาดคอนโดฯชะลอความร้อนแรงลงในปี 2554 นี้ "
และเป็นที่น่าสังเกตว่า ห้องชุดระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร มีการปรับราคาขึ้นสูงกว่าระดับราคาอื่นๆ (ดัชนีเพิ่มขึ้น 11.67 จุด ในรอบปี) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าราคาได้ปรับตัวสูง เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ผู้ซื้อ ขณะเดียวกัน ช่วงครึ่งแรกของปี 53 ปัญหาทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจนและมีความรุนแรง ขณะที่หลังผ่านพ้นช่วงเหตุการณ์แล้ว โครงการต่างๆในครึ่งหลังของปี 53 มีการเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมาก ที่สำคัญ คอนโดฯระดับราคาดังกล่าว มีการขยายตัวออกไปนอกเมือง ตามโครงการข่ายรถไฟฟ้าที่ออกไป เช่น สุขุมวิทตอนปลาย
ห้องชุดระดับราคา 50,000-79,999 บาท/ตร.ม. มีการปรับราคาขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับครึ่งหลังของปีก่อน เนื่องจากตลาดราคาระดับกลางเป็นตลาดที่มีการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมากกว่าการลงทุน จึงทำให้ราคามีการปรับขึ้นตามกลไกของตลาด
ห้องชุดราคาสูงกว่า 80,000 บาท/ตร.ม. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (ดัชนีเพิ่มขึ้นเพียง 0.14 จุดในรอบครึ่งปี และเพิ่มขึ้น 3.75 จุดในรอบปี) โดยตลาดห้องชุดราคาสูงมีความผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสัดส่วนผู้ซื้อเพื่อการลงทุนให้เช่าสูงกว่าการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และเป็นตลาดที่อ่อนไหวง่ายต่อเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์จลาจลขึ้นมา เช่น โซนราชประสงค์ เพลินจิต ที่มีคอนโดฯระดับบนอยู่จำนวนมาก มีกลุ่มผู้ซื้อที่อาจจะรวมถึงต่างชาติด้วย
"AREA"ชี้คอนโดฯต่ำ2ล้านมาแรง
ด้านของดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) ระบุว่าในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีโครงการเปิดใหม่รวมทั้งหมด 40 โครงการ จำนวนหน่วยขายรวม 10,829 หน่วย มูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 32,097 ล้านบาท
โดยอาคารชุดมีการพัฒนามากที่สุด จำนวน 5,270 หน่วย (49%) ทาวน์เฮาส์ 3,638 หน่วย (34%) บ้านเดี่ยว 1,476 หน่วย (14%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบจำนวนหน่วยขายกับเดือนที่ผ่านมา จะพบว่าทาวน์เฮาส์มีหน่วยขายเพิ่มมากขึ้นจำนวน 1,274 หน่วย (54%) ส่วนอาคารชุดลดลงเล็กน้อย จำนวน 266 หน่วย (5%) และบ้านเดี่ยวลดลงประมาณ 1,403 หน่วย (49%) ซึ่งแสดงว่าทาวน์เฮาส์มีแนวโน้มการเปิดตัวสูงขึ้น
ลักษณะการพัฒนาอสังหาฯในเดือนนี้ อาคารชุดยังมีความร้อนแรงต่อเนื่อง และแซงหน้าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เป็นเดือนที่ 3 ในรอบปี 2554 ซึ่งอาคารชุดที่เปิดขายประมาณ 41% มีระดับราคา 0.5-1.0 ล้านบาท และประมาณ 16% มีระดับราคา 1-2 ล้านบาท ซึ่งที่ตั้งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณส่วนต่อขยายของแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แจ้งวัฒนะ-รามอินทรา) แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) และแนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เป็นต้น
สำหรับมูลค่ารวม 32,397 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 2,627 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 9% ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะมีลักษณะแตกต่างจากเดือนที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนการพัฒนาที่ระดับราคาค่อนข้างถูกถึงปานกลางจำนวนประมาณ 53% และอีก 47% เป็นการพัฒนาในระดับราคาปานกลางค่อนข้างสูงจนถึงที่อยู่อาศัยราคาแพง ซึ่งจะพบว่าในเดือนนี้มีที่อยู่อาศัยระดับราคา 0.501-1.000 ล้านบาทเปิดขายจำนวน 2,362 หน่วย (22%) ที่ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท มีจำนวน 3,394 หน่วย (31%) หากพิจารณาหน่วยขายเฉพาะ 2 กลุ่มนี้ก็มีจำนวนหน่วยขายประมาณ 53% ของจำนวนที่เปิดขายทั้งหมด ส่วนที่เหลือประมาณ 47% จึงเป็นหน่วยขายที่ราคาเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป.
