“ซิโน-ไทย” วางเป้าโกยรายได้งานก่อสร้างภาครัฐ-เอกชน ปี 54 ถึง 15,000 ล้านบาท รอลุ้นผลประมูล 60,000 ล้านบาท ลั่นเข้าประมูลงานใหม่กว่า 70,000 ล้านบาท ยอมรับพิษแอร์พอร์ตลิงก์มีผลขาดทุนสะสมถึง 1,000 ล้านบาท มั่นใจล้างขาดทุนได้แน่
นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) เปิดเผยว่า รายได้ปีนี้มีโอกาสแตะ 15,000 ล้านบาท จากเดิมคาดไว้ 14,000 ล้านบาท หรือเติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9,300 ล้านบาท โดยหากบริษัทสามารถเริ่มงานต่างๆ ได้เร็วขึ้น หรือชนะงานประมูลใหม่ได้เข้ามาเพิ่มเติม ก็น่าจะทำให้มีรายได้สูงกว่าที่คาด โดยในไตรมาสแรกของปี 54 ทางบริษัทจะบริหารรายได้ไว้ที่ 14,000 ล้านบาทก่อน และจะมาพิจารณาในไตรมาส 2 อีกครั้ง ส่วนกำไรทั้งปีคาดว่าจะมากกว่า 443 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) แล้ว 48,000 ล้านบาท ทั้งที่เซ็นสัญญาแล้วและยังไม่ได้เซ็นสัญญา ซึ่งงานหลักเป็นงานรถไฟฟ้า 3 สาย ทั้งสายสีม่วง สีเขียวอ่อน สีน้ำเงิน, งานโรงไฟฟ้า SPP 7 โรง และโรงไฟฟ้า IPP 1 โรง ของกลุ่ม Gulf JP, งานโรงไฟฟ้า SPP 1 โรง ของ GLOW เป็นต้น
ขณะที่มีงานที่อยู่ระหว่างรอผลประมูล และเตรียมเข้าประมูลใหม่อีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท คาดหวังจะได้รับงานในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท โดยเป็นงานที่รอผลประมูล 60,000 ล้านบาท ได้แก่ งานรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ทั้ง 2 สัญญา โดยสัญญาที่ 1 มูลค่า 2,600 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 มูลค่า 1,900 ล้านบาท, งานโรงไฟฟ้า IPP เอกชน 1 โรง, งานโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 2 โรง ที่ อ.จะนะ และ อ.วังน้อย, งานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นต้น
ส่วนงานที่เตรียมเข้ามประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท เช่น งานรถไฟฟ้าสายสีชมพู, รถไฟฟ้ารางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-แก่งคอย มูลค่าโครงการ 11,000 ล้านบาท คาดว่า จะเปิดประมูลช่วงปลายปีนี้, งานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท, งานสร้างศูนย์วัฒนธรรม, งานสร้างโรงพยาบาลราชวิถี รวมทั้งโรงไฟฟ้าต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ในด้านของกำไร อัตรากำไรขั้นต้นปี 54 คาดว่า อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 8% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 9.3% เนื่องจากได้เข้ารับงานจากภาครัฐมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิน่าจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 5% จาก 4.7% ในปีก่อน เนื่องจากงานส่วนใหญ่เป็นงานโรงไฟฟ้าที่มีอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างสูง
นายวรพันธ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/54 คาดว่า รายได้และกำไรสุทธิจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/54 ที่มีรายได้ 3,300 ล้านบาท กำไร 166 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานที่เข้ามาเพิ่มขึ้น และในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 400 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม
บริษัทยังมีปัญหาขาดทุนสะสมทางภาษีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท กว่า 70% มาจากโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีหน้า จากกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้และปีหน้า
นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) เปิดเผยว่า รายได้ปีนี้มีโอกาสแตะ 15,000 ล้านบาท จากเดิมคาดไว้ 14,000 ล้านบาท หรือเติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9,300 ล้านบาท โดยหากบริษัทสามารถเริ่มงานต่างๆ ได้เร็วขึ้น หรือชนะงานประมูลใหม่ได้เข้ามาเพิ่มเติม ก็น่าจะทำให้มีรายได้สูงกว่าที่คาด โดยในไตรมาสแรกของปี 54 ทางบริษัทจะบริหารรายได้ไว้ที่ 14,000 ล้านบาทก่อน และจะมาพิจารณาในไตรมาส 2 อีกครั้ง ส่วนกำไรทั้งปีคาดว่าจะมากกว่า 443 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) แล้ว 48,000 ล้านบาท ทั้งที่เซ็นสัญญาแล้วและยังไม่ได้เซ็นสัญญา ซึ่งงานหลักเป็นงานรถไฟฟ้า 3 สาย ทั้งสายสีม่วง สีเขียวอ่อน สีน้ำเงิน, งานโรงไฟฟ้า SPP 7 โรง และโรงไฟฟ้า IPP 1 โรง ของกลุ่ม Gulf JP, งานโรงไฟฟ้า SPP 1 โรง ของ GLOW เป็นต้น
ขณะที่มีงานที่อยู่ระหว่างรอผลประมูล และเตรียมเข้าประมูลใหม่อีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท คาดหวังจะได้รับงานในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท โดยเป็นงานที่รอผลประมูล 60,000 ล้านบาท ได้แก่ งานรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ทั้ง 2 สัญญา โดยสัญญาที่ 1 มูลค่า 2,600 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 มูลค่า 1,900 ล้านบาท, งานโรงไฟฟ้า IPP เอกชน 1 โรง, งานโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 2 โรง ที่ อ.จะนะ และ อ.วังน้อย, งานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นต้น
ส่วนงานที่เตรียมเข้ามประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท เช่น งานรถไฟฟ้าสายสีชมพู, รถไฟฟ้ารางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-แก่งคอย มูลค่าโครงการ 11,000 ล้านบาท คาดว่า จะเปิดประมูลช่วงปลายปีนี้, งานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท, งานสร้างศูนย์วัฒนธรรม, งานสร้างโรงพยาบาลราชวิถี รวมทั้งโรงไฟฟ้าต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ในด้านของกำไร อัตรากำไรขั้นต้นปี 54 คาดว่า อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 8% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 9.3% เนื่องจากได้เข้ารับงานจากภาครัฐมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิน่าจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 5% จาก 4.7% ในปีก่อน เนื่องจากงานส่วนใหญ่เป็นงานโรงไฟฟ้าที่มีอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างสูง
นายวรพันธ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/54 คาดว่า รายได้และกำไรสุทธิจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/54 ที่มีรายได้ 3,300 ล้านบาท กำไร 166 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานที่เข้ามาเพิ่มขึ้น และในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 400 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม
บริษัทยังมีปัญหาขาดทุนสะสมทางภาษีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท กว่า 70% มาจากโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีหน้า จากกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้และปีหน้า