ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ปัญหาข้อขัดแย้งในการอ้างกรรมสิทธิ์ในโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ยังวุ่น ผู้เช่าโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ เจรจาผู้บริหาร บ.หาดใหญ่หรรษาฯ ที่เป็นเจ้าของรายใหม่ ไม่ได้ข้อสรุป “อัครเดช เชื้อชูวงศ์ “ผู้เช่ากิจการ เผยเตรียมฟ้องเรียกสิทธิ์คืนจากแบงก์ทมหารไทย หลังยกเลิกสัญญาเช่าและโอนให้เจ้าของรายใหม่โดยไม่แจ้ง แถมยังใช้กำลังบุกยึดทำให้ได้รับความเสียหาย ด้านนายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ - สงขลา ชี้มีนัดเจรจาอีกรอบ และคาดว่าจะตกลงกันได้ภายในวันจันทร์หน้า
ภายหลังจากที่มีการบุกยึดโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ด้วยกำลังชายฉกรรจ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าของรายใหม่คือ บริษัท หาดใหญ่หรรษาพลาซ่า จำกัด ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในการทำธุรกิจบันเทิงรายใหญ่ของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำให้สถานการณ์อยู่ในภาวะตึงเครียด โดยขณะนี้ โรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ และนำไปสู่การเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย คือ ระหว่างนายสุทธิ สุทธิสมิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หาดใหญ่หรรษาพลาซ่า จำกัด และนายอัครเดช เชื้อชูวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เซาเทิร์นโฮเตล แมเนจ จำกัด ผู้เช่าดำเนินกิจการโรงแรมจากธนาคารทหารไทย โดยมีนายอำเภอหาดใหญ่เป็นคนกลาง แต่ไม่เปิดให้สื่อมวลชนร่วมรับฟัง โดยการประชุมดังกล่าว ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะต่างฝ่ายต่างยืนยันสิทธิ์อันพึงมีจากการเข้าบริหารโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่
ขณะที่ นายอัครเดช เชื้อชูวงศ์ เปิดเผยภายหลังการเจรจาว่า ตอนนี้ภาพลักษณ์ของโรงแรมและการท่องเที่ยวในหาดใหญ่เสียหายมาก และโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาโดยตลอด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้เจ้าของรายใหม่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถบุกรุกได้ เพราะที่ผ่านมาธนาคารขายโดยไม่แจ้งตนที่เป็นผู้เช่าดำเนินกิจการ และมีการยกเลิกสัญญาที่ธนาคารส่งให้ในเดือนเม.ย. 2554 แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยที่ตนยังไม่ยินยอม และถือว่ายังมีสิทธิ์ที่จะดำเนินกิจการต่อ จึงได้มีการฟ้องร้องเรียกสิทธิ์ซื้อคืนจากธนาคารทหารไทย และขอให้ศาลใช้กระบวนการยุติธรรมตัดสินในความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งการลงทุนปรับปรุงโรงแรมในห้วงที่เปิดให้บริการไปกว่า 100 ล้านบาท นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดในเมืองหาดใหญ่และน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2553
“ในขณะที่เช่าดำเนินกิจการโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่นั้น ผมมีความตั้งใจมาโดยตลอดว่าจะซื้อคืนกิจการ ซึ่งผู้ที่ประมูลได้ในราคา 461 ล้านบาทเท่านั้น โดยมีการนำทรัพย์สินไปจดจำนองธนาคารกรุงเทพ 450 ล้านบาท และควักเงินเพียง 11 ล้านบาทเท่านั้นในการซื้อกิจการและทรัพย์สินทั้งหมด นั่นหมายความว่าถ้าผมจะซื้อคืนก็ต้องให้ราคามากกว่า 461 ล้าน” นายอัครเดชกล่าวต่อและว่า
ในการเจรจากับเจ้าของรายใหม่นั้น ตนได้เสนอทางออกร่วมกันและกลุ่มพนักงานที่มีกว่า 200 คน ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญในการขับเคลื่อนให้โรงแรมดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งมีบางคนสั่งสมประสบการณ์นานถึง 24 ปี โดยเสนอให้เจ้าของใหม่รับโอนบริษัท เซาเทิร์นโฮเตล แมเนจ จำกัด โดยจ่ายเงินก้อนหนึ่งให้ตน เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ลงทุนปรับปรุงโรงแรมไปกว่า 100 ล้านบาท แต่ยังตกลงกันไม่ได้ว่าเท่าไหร่ และให้รับพนักงานเดิมทำงานต่อโดยนับอายุงานต่อไป เพื่อไม่ต้องมีการจ่ายเงินชดเชยการออกจากงาน ซึ่งจะทำให้เจ้าของรายใหม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้เลย แต่ก็ยังไม่มีการรับข้อเสนอนี้ เพราะเจ้าของใหม่ต้องการรับพนักงานเดิมโดยเริ่มนับอายุงานใหม่
สำหรับในส่วนของ ผู้บริหารของ บริษัท หาดใหญ่หรรษาพลาซ่า ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในเรื่องที่เกิดขึ้น
ด้านนายสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร ในฐานะนายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ - สงขลา ได้แสดงความคิดเห็นว่า อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาข้อสรุปโดยเร็ว เพราะมีผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะลูกค้าที่จองห้องพัก ห้องสัมมนาที่ต้องหาสถานที่ใหม่อย่างกะทันหัน และสมาคมฯ ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เนื่องจากโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ได้ออกจากการเป็นสมาชิกโรงแรมฯ มาปีกว่า
ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายปิดโรงแรม แม้จะผิดกฎหมาย และทำให้เสียภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยว เป็นเพราะผู้เช่าไม่ยอมออกแม้ธนาคารจะมีการแจ้งยกเลิกสัญญาไปแล้ว และหากดำเนินการตามกฎหมายจะต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน - 1 ปี จึงอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายเร่งเจรจาหาข้อยุติโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าน่าจะตกลงกันเรียบร้อยภายในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า จากการใช้กำลังบุกยึดโรงแรมนั้น ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายถึงภาพลักษณ์การเป็นมาเฟียของเมืองหาดใหญ่ ที่ใช้กำลังในการแก้ไขปัญหา และหากจะมีการดำเนินกิจการโรงแรมต่อไป การใช้ชื่อเก่า คือ เจ.บี. ซึ่งมาจากชื่อย่อของผู้ก่อตั้ง คือ นายจุติ บุญสูง รวมกับชื่อของกลุ่มทุนใหม่ว่า โรงแรมหรรษา เจ.บี. ย่อมกระทบต่อความรู้สึกที่ยังจะติดภาพลักษณ์เดิมของโรงแรมชั้นนำ ที่มีบริการเป็นที่ยอมรับในมาตรฐานสากล อีกทั้งกลุ่มหรรษาฯที่เตรียมเข้ามาบริหารนั้น แม้จะดำเนินกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว แต่มีชื่อเสียงทางด้านการทำธุรกิจบันเทิงกลางคืนเสียมากกว่า
ดังนั้น หากโรงแรมแห่งนี้เปิดดำเนินการใหม่แล้ว ก็ต้องใช้เวลาอีกนานในการเรียกคืนความเชื่อมั่นและล้างภาพลักษณ์เดิมที่มีต่อการแสดงตัวเป็นเจ้าของโรงแรมอย่างสมบูรณ์ในวันแรก ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว