xs
xsm
sm
md
lg

บุกยึดโรงแรมดังหาดใหญ่โยงเอี่ยวนายทุนนักการเมือง??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริษัท หาดใหญ่หรรษาพัฒนาพลาซ่า จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของที่โอนกรรมสิทธิ์ถูกต้องแล้ว ประกาศปิดกิจการชั่วคราวและงดรับลูกค้าตั้งแต่คืนวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากใช้กำลังกลุ่มชายฉกรรจ์ปิดล้อมโรงแรม
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่

เหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ราว 50 คน ของบริษัท หาดใหญ่หรรษาพัฒนาพลาซ่า จำกัด เข้าล็อกประตูโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ เมื่อเวลาค่ำวันที่ 23พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับติดป้ายประกาศปิดปรับปรุงห้ามเข้า-ออกโรงแรมเด็ดขาด ต่อหน้าพนักงานโรงแรมที่กำลังปฎิบัติงาน นอกจากสร้างความแตกตื่นแก่ลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติที่เข้าพักและงานเลี้ยงฉลองหลายร้อยคนที่ต้องเดินทางออกอย่างโกลาหลแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองหาดใหญ่อย่างมาก

ทั้งนี้ โรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่เป็นสัญลักษณ์คู่เมืองหาดใหญ่ 25 ปีแห่งนี้จะตกเป็นข่าวการประกาศขายมาโดยตลอด ด้วยขาดทุนสะสมนับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และประสบเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ซ้ำในปี 2543 จนกลุ่มก่อตั้งโดย นายจุติ บุญสูง นักธุรกิจรายใหญ่ของภาคใต้ และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีซูซุฝั่งอันดามัน ซึ่งกู้เงินจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) ต้องเปลี่ยนผู้บริหารและจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติมากู้วิกฤต และตกอยู่ภายใต้การดูแลของ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่ง IFCT ถูกยุบรวมกัน กลายเป็นเจ้าหนี้ในที่สุด

ก่อนจะให้นายอัครเดช เชื้อชูวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เซาเทิร์นโฮเตล แมเนจ จำกัด ได้เข้ามาดำเนินกิจการโรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ ต่อในฐานะผู้เช่าดำเนินกิจการ เพื่อให้โรงแรมยังคงเปิดบริการได้ต่อไป

ทั้งนี้ นายอัครเดช เคยเปิดเผยต่อ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ตลอดเวลาที่บริหารกิจการ ต้องล้มลุกคลุกคลานกับสถานการณ์ไฟใต้ที่ช่วง 2-3 ปีแรก ทำให้ขาดทุนยับถึง 70 ล้านบาท ถึงขนาดต้องเฉือนที่ดินส่วนตัวขายและยืมเงินเพื่อนฝูงมาสร้างสภาพคล่อง เพิ่งเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเยอะ โดยเฉพาะหน้าเทศกาลที่ห้องพักในหาดใหญ่เต็มทั้งหมดจนล้นไปยังอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง

ขณะเดียวกันต้องปวดหัวกับนายหน้าที่เกิดขึ้นนับร้อยราย ที่เข้ามาประกาศขายโรงแรม ทำได้แม้กระทั่งติดป้ายบนเสาไฟฟ้าริมถนน จนเสียความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ รวมถึงกลุ่มนักการเมืองชื่อดังของภาคใต้ที่กำลังอยู่ในตำแหน่งใหญ่พยายามฮุบซื้อกิจการในราคาถูก และมีการข่มขู่ฟ้องจะขับไล่ออกจากโรงแรม และจะเอาหมายศาลมาติดหากไม่ออกไป เพื่อจะนำมาทำธุรกิจอื่นเกี่ยวกับการเสี่ยงโชคเข้าไปแอบแฝง แต่ตนก็ไม่รู้สึกกลัวและสู้ไม่ถอย เพราะทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่ได้ไปปล้นใคร และหากสถานการณ์ผลกระทบความไม่สงบคลี่คลาย เชื่อว่าภายใน 5 ปีจะสามารถระดมทุนจากนักลงทุนมาเลเซีย สิงคโปร์ ซื้อคืนกิจการในอนาคตได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม การประมูลขายโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ครั้งล่าสุดนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2553 ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดประมูลขายโรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ ซึ่งจากราคาที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท ตกลงเหลือ 626 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่ามีผู้ชนะการประมูลแต่อย่างใด จนกระทั่งในวันที่ 29 เม.ย.2554 บริษัท หาดใหญ่หรรษาพัฒนาพลาซ่า จำกัด โดยนายสุทธิ สุทธิสมิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร ได้ออกมาแถลงข่าวเปิดตัวเป็นผู้ชนะการประมูลขายตัวจริงในราคา 700 ล้านบาท ทั้งที่ดินตามโฉนดเลขที่ 50718 และ 50721 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งหมด โดยจะมีการเปลี่ยนชื่อโรงแรมแห่งนี้ใหม่ว่า “โรงแรมหรรษา เจ.บี.” โดยตั้งงบในการปรับปรุงภาพลักษณ์ถึง 200 ล้านบาท และประกาศให้พนักงานของโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ที่ต้องการทำงานต่อเขียนใบสมัครยื่นที่บริษัทได้นับแต่นั้นเป็นต้นไป

ด้านแหล่งข่าววงในเผยว่า โรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่ ซึ่งมีห้องพักกว่า 400 ห้องธนาคารทหารไทยเคยตั้งราคาขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ก่อนจะลดลงมาเรื่อยๆ เหลือประมาณ 626 ล้านบาท และที่ผ่านมาได้อะลุ่มอล่วยและพยายามรักษาไว้ให้เป็นสัญลักษณ์อยู่คู่เมืองหาดใหญ่ ทั้งการลดค่าเช่า ส่วนสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างธนาคารทหารไทย และบริษัท เซาเทิร์นโฮเตลฯ ในการเช่าดำเนินกิจการว่า นอกจากจะไม่ได้ระบุระยะเวลาและสิ้นสุดสัญญา แต่ได้เปิดช่องว่างว่าเมื่อมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินได้แล้วจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้า 30 วัน และยังให้สิทธิ์บริษัทเซาเทิร์นโฮเตลฯ ได้ซื้อก่อนรายอื่นอีกด้วย

ทว่าในวันที่ 23 พ.ค. 2554 ที่บริษัท หาดใหญ่หรรษาพัฒนาพลาซ่า จำกัด ได้โอนกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยกลับเกิดเหตุการณ์ชายฉกรรจ์บุกล้อมและปิดโรงแรมในยามวิกาลเช่นนี้ขึ้น จนต้องมีการแจ้งความและขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัย และได้รับความเสียหายทั้งจากภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และการไม่สามารถให้บริการลูกค้าที่มีการจองล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เก็บตัวเงียบ และอยู่ระหว่างการเจรจา ท่ามกลางกระแสข่าวที่โยงว่า การบุกยึดโรงแรมครั้งนี้ น่าจะมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง ที่พยายามจะครอบครองกิจการนี้มาโดยตลอด ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น