ASTVผู้จัดการรายวัน – “อีลิทการ์ด” เล็งเปิดหน้าเว็บไซต์ ขอคำแนะนำสมาชิกและประชาชน หาทางออกปิดบริษัท ระบุต้องไม่กระทบใน 3 ประเด็นหลัก ชื่อเสียงประเทศ พนักงานและสมาชิก รักษาการผู้อำนวยการ ยอมรับหลังครม.มีมติปิดกิจการ ทั้งสมาชิกและซัพพลายเออร์ส่งอีเมล์ถามเพียบ ถึงขั้นขู่ฟ้องเรียกเงิน 30 ล้านบาท บ้างบุกถึงบริษัท
นางจันทิมา ศิริแสงทักษิณ รักษาการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจคาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการ บัตรไทยแลนด์ อีลิทการ์ด เปิดเผยว่า มีแนวคิดจะเปิดหน้าในเว็บไซต์ www.thailandelite.com เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกผู้ถือบัตรอีลิทการ์ด ซัพพลายเออร์ และบุคคลทั่วไป ที่ต้องการจะแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะทางออกให้แก่ทีพีซี ต่อกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเมื่อวันที่ 26 เม.ย.54 ให้ปิดกิจการบริษัท
โดยเบื้องต้นจะนำแนวคิดนี้เข้าหารือกับ ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% หากเห็นดีด้วยจะเริ่มดำเนินการทันที ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาเก็บข้อมูลนาน 1 เดือน จากนั้นจะรวบรวมและนำความคิดเห็นที่ได้เสนอต่อ ททท.อีกครั้ง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแนวทางออกของการปิดกิจการของอีลิทการ์ด เน้น 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1.สมาชิกต้องรับได้ 2. ชื่อเสียงประเทศยังคงอยู่และ3พนักงานไม่เดือดร้อน
“ถึงวันนี้เราต้องดำเนินการตามมติครม. แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานว่า ไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย สมาชิกผู้ถือบัตร ซัพพลายเออร์ และพนักงาน รวมถึงประเทศต้องไม่เสียผลประโยชน์ด้วย เพราะอีลิทการ์ดไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ แต่เป็นชื่อเสียงของประเทศ ดังนั้น เราจึงต้องหาทางออกที่ดีที่สุด และก็คิดว่า การเปิดทูเวย์คอมมูนิเคชั่น จะได้ทางออกที่ดีที่สุดโดยจะแจ้งความคืบหน้าให้สมาชิกและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หลังจาก ครม.มีมติให้ปิดกิจการ ตั้งแต่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ก็มีทั้งซัพพลายเออร์ และ สมาชิก อีเมล มาสอบถามข้อเท็จจริงจำนวนมาก โดยในส่วนของซัพพลายเออร์ มีการให้กำลังใจบริษัทด้วย ขณะนี้ในส่วนของสมาชิก คาดว่ามีกว่า 40 ราย ที่อีเมล์มาสอบถามและมีประมาณ 10 รายที่ต่อว่า ถึงขั้นขู่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงินรายละ 20-30 ล้านบาท ซึ่งสิ่งที่ทีพีซีดำเนินการในช่วงนั้น คือทำจดหมายชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังซัพพลายเออร์ และสมาชิกทั้งหมด โดยให้ความเชื่อมั่นว่า ณ วันนี้ อีลิทการ์ด ยังให้บริการตามปกติเหมือนเดิม เพราะการปิดบริษัทยังอยู่ในกระบวนการ และขอยืนยันว่า ทางบริษัทจะเร่งหาทางออกให้ดีที่สุดและทุกฝ่ายพอใจ
ส่วนความเห็นที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันคือขอชมเชยเรื่องการให้บริการของอีลิทการ์ด
“สมาชิกบางรายเดินทางมาถามข้อเท็จจริงถึงออฟฟิศ ซึ่งเราก็ได้ชี้แจงให้เขาเข้าใจ ล่าสุด มีสมาชิกอีก 1 ราย ขอนัดพบในสิ้นเดือน พ.ค.นี้ เพื่อฟังข้อเท็จจริงเช่นกัน”
ในส่วนของพนักงาน หลังครม.มีมติ ทางบริษัทก็ทำได้เพียงเดินสายตรวจเยี่ยมการทำงาน ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ และที่ออฟฟิศ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานด้านการให้บริการต่อไป และสัญญาว่าจะดูแลเรื่องสวัสดิการให้ดีที่สุดหากถึงวันที่บริษัทต้องปิดกิจการ
ล่าสุดเตรียมทำหนังสือถึงบมจ.การบินไทย เพื่อขอต่อสัญญาการให้บริการสมาชิก ในเรื่องของส่วนลดซื้อตั๋วโดยสารระดับเฟิร์สคลาสใบที่ 2 ในราคาลด 50% เนื่องจากสัญญาเดิมหมดอายุไปเมื่อ 31 ธ.ค.53 ปัจจุบันยังไม่ดำเนินการต่อสัญญา
นางจันทิมา ศิริแสงทักษิณ รักษาการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจคาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการ บัตรไทยแลนด์ อีลิทการ์ด เปิดเผยว่า มีแนวคิดจะเปิดหน้าในเว็บไซต์ www.thailandelite.com เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกผู้ถือบัตรอีลิทการ์ด ซัพพลายเออร์ และบุคคลทั่วไป ที่ต้องการจะแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะทางออกให้แก่ทีพีซี ต่อกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเมื่อวันที่ 26 เม.ย.54 ให้ปิดกิจการบริษัท
โดยเบื้องต้นจะนำแนวคิดนี้เข้าหารือกับ ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% หากเห็นดีด้วยจะเริ่มดำเนินการทันที ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาเก็บข้อมูลนาน 1 เดือน จากนั้นจะรวบรวมและนำความคิดเห็นที่ได้เสนอต่อ ททท.อีกครั้ง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแนวทางออกของการปิดกิจการของอีลิทการ์ด เน้น 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1.สมาชิกต้องรับได้ 2. ชื่อเสียงประเทศยังคงอยู่และ3พนักงานไม่เดือดร้อน
“ถึงวันนี้เราต้องดำเนินการตามมติครม. แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานว่า ไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย สมาชิกผู้ถือบัตร ซัพพลายเออร์ และพนักงาน รวมถึงประเทศต้องไม่เสียผลประโยชน์ด้วย เพราะอีลิทการ์ดไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ แต่เป็นชื่อเสียงของประเทศ ดังนั้น เราจึงต้องหาทางออกที่ดีที่สุด และก็คิดว่า การเปิดทูเวย์คอมมูนิเคชั่น จะได้ทางออกที่ดีที่สุดโดยจะแจ้งความคืบหน้าให้สมาชิกและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หลังจาก ครม.มีมติให้ปิดกิจการ ตั้งแต่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ก็มีทั้งซัพพลายเออร์ และ สมาชิก อีเมล มาสอบถามข้อเท็จจริงจำนวนมาก โดยในส่วนของซัพพลายเออร์ มีการให้กำลังใจบริษัทด้วย ขณะนี้ในส่วนของสมาชิก คาดว่ามีกว่า 40 ราย ที่อีเมล์มาสอบถามและมีประมาณ 10 รายที่ต่อว่า ถึงขั้นขู่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงินรายละ 20-30 ล้านบาท ซึ่งสิ่งที่ทีพีซีดำเนินการในช่วงนั้น คือทำจดหมายชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังซัพพลายเออร์ และสมาชิกทั้งหมด โดยให้ความเชื่อมั่นว่า ณ วันนี้ อีลิทการ์ด ยังให้บริการตามปกติเหมือนเดิม เพราะการปิดบริษัทยังอยู่ในกระบวนการ และขอยืนยันว่า ทางบริษัทจะเร่งหาทางออกให้ดีที่สุดและทุกฝ่ายพอใจ
ส่วนความเห็นที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันคือขอชมเชยเรื่องการให้บริการของอีลิทการ์ด
“สมาชิกบางรายเดินทางมาถามข้อเท็จจริงถึงออฟฟิศ ซึ่งเราก็ได้ชี้แจงให้เขาเข้าใจ ล่าสุด มีสมาชิกอีก 1 ราย ขอนัดพบในสิ้นเดือน พ.ค.นี้ เพื่อฟังข้อเท็จจริงเช่นกัน”
ในส่วนของพนักงาน หลังครม.มีมติ ทางบริษัทก็ทำได้เพียงเดินสายตรวจเยี่ยมการทำงาน ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ และที่ออฟฟิศ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานด้านการให้บริการต่อไป และสัญญาว่าจะดูแลเรื่องสวัสดิการให้ดีที่สุดหากถึงวันที่บริษัทต้องปิดกิจการ
ล่าสุดเตรียมทำหนังสือถึงบมจ.การบินไทย เพื่อขอต่อสัญญาการให้บริการสมาชิก ในเรื่องของส่วนลดซื้อตั๋วโดยสารระดับเฟิร์สคลาสใบที่ 2 ในราคาลด 50% เนื่องจากสัญญาเดิมหมดอายุไปเมื่อ 31 ธ.ค.53 ปัจจุบันยังไม่ดำเนินการต่อสัญญา