นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและไขข้อจากโรงพยาบาลศิริราชได้เดินทางมาพบเพื่อหารือกับกรมบัญชีกลางในการกำหนดการจ่ายยากลุ่มโรคข้อเข่าเสื่อม(กลูโคซามีน) ว่าเป็นยาที่ได้ในการรักษาได้ แต่ไม่ใช่ยาที่สามารถกินต่อเนื่องเป็นเวลานานได้ ดังนั้นจึงเห็นด้วยที่จะให้จำกัดการจ่ายยาดังกล่าวเป็นช่วงเวลา เนื่องจากที่ผ่านมามีการจ่ายยาชนิดนี้สำหรับผู้ป่วยเพื่อการป้องกันมากกว่าการรักษา
อีกทั้งปัจจุบันมียาชนิดใหม่ๆ ที่ทันสมัย สามารถรักษาได้ตรงจุดมากกว่า ซึ่งกรมบัญชีกลาง ได้ขอให้แพทย์ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอเข้ามาด้วย เพื่อจะได้สามารถชี้แจงอย่างเป็นทางการและมีข้อมูลทางการแพทย์สนับสนุนเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ต่อไป
นอกจากนี้ แพทย์สภายังได้เสนอให้ทบทวนมาตรการดังกล่าวของกรมบัญชีกลางเข้ามาด้วย ซึ่งนำจะเข้าสู่ที่ประชุมฯ เช่นกัน ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรมบัญชีกลาง จะปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการใช้ยากลูโคซามีนให้ชัดเจน หลังจากที่ก่อนหน้านี้อาจกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติไว้ไม่ชัดเจน ทำให้มีปัญหาในการเบิกใช้ยาดังกล่าว
"จากการสุ่มตรวจการเบิกจ่ายยากลูโคซามีนจากโรงพยาบาล 34 แห่ง ปรากฏว่า มีการเบิกจ่ายสูงถึงกว่า 700 ล้านบาท นับว่าสูงมาก นี่ยังไม่รวมโรงพยาบาลทั้งหมดทั่วประเทศที่มีกว่า 1,000 แห่ง ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่า เพราะในผู้ป่วยบางราย รักษาโรคได้ แต่บางรายไม่มีผลใด ๆ ก็ควรจะเลิกทาน และยานี้ไม่ใช่ยาที่ทานได้ตลอด มีช่วงเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือสูงสุดเพียง 1 ปีเท่านั้น ก็ต้องเลิกทาน"
ทั้งนี้ คณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจว่าจะยกเลิกการห้ามจ่ายยากลูโคซามีน หรือไม่ เพราะกระทรวงการคลังมีอำนาจออกประกาศ หากได้ข้อสรุป จะต้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อทราบและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แต่หากไม่ได้ข้อสรุป ต้องรอรัฐบาลหน้าตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง
อีกทั้งปัจจุบันมียาชนิดใหม่ๆ ที่ทันสมัย สามารถรักษาได้ตรงจุดมากกว่า ซึ่งกรมบัญชีกลาง ได้ขอให้แพทย์ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอเข้ามาด้วย เพื่อจะได้สามารถชี้แจงอย่างเป็นทางการและมีข้อมูลทางการแพทย์สนับสนุนเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ต่อไป
นอกจากนี้ แพทย์สภายังได้เสนอให้ทบทวนมาตรการดังกล่าวของกรมบัญชีกลางเข้ามาด้วย ซึ่งนำจะเข้าสู่ที่ประชุมฯ เช่นกัน ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรมบัญชีกลาง จะปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการใช้ยากลูโคซามีนให้ชัดเจน หลังจากที่ก่อนหน้านี้อาจกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติไว้ไม่ชัดเจน ทำให้มีปัญหาในการเบิกใช้ยาดังกล่าว
"จากการสุ่มตรวจการเบิกจ่ายยากลูโคซามีนจากโรงพยาบาล 34 แห่ง ปรากฏว่า มีการเบิกจ่ายสูงถึงกว่า 700 ล้านบาท นับว่าสูงมาก นี่ยังไม่รวมโรงพยาบาลทั้งหมดทั่วประเทศที่มีกว่า 1,000 แห่ง ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่า เพราะในผู้ป่วยบางราย รักษาโรคได้ แต่บางรายไม่มีผลใด ๆ ก็ควรจะเลิกทาน และยานี้ไม่ใช่ยาที่ทานได้ตลอด มีช่วงเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือสูงสุดเพียง 1 ปีเท่านั้น ก็ต้องเลิกทาน"
ทั้งนี้ คณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจว่าจะยกเลิกการห้ามจ่ายยากลูโคซามีน หรือไม่ เพราะกระทรวงการคลังมีอำนาจออกประกาศ หากได้ข้อสรุป จะต้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อทราบและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แต่หากไม่ได้ข้อสรุป ต้องรอรัฐบาลหน้าตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง
