xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กจิ๋ว”ชิ่ง เอาดีใส่ตัว อัดเผาไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "จิ๋ว"แค่ฝากใจไว้กับ"ความหวังใหม่" แต่ยังไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรค ขออยู่ตรงกลางทำภารกิจแห่งชีวิต วอนทุกพรรคร่วมแก้ปัญหาประเทศ แจงเหตุลาออกจาก"เพื่อแม้ว" เพราะต้องการเตือนเสื้อแดง เชื่อ"แก๊งแดง" จาบจ้วงสถาบันฯ เพราะคะนองปาก ย้ำการปกครองไม่เป็นธรรม ทำให้บ้านเมืองแตกแยก ชี้ปัญหารุนแรงกว่ายุคคอมมิวนิสต์ เชื่อทหารไม่กล้าปฏิวัติแล้ว

วานนี้ (23 พ.ค.) ที่รร.รามาการ์เด้นส์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานพรรคเพื่อไทยในฐานะ อดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ กล่าวปาฐกถาเรื่อง สถานการณ์ปฏิวัติ ทฤษฎีปฏิวัติ สู่มวลชนปฏิวัติ สู่พรรคปฏิวัติ สู่การปฏิวัติประชาธิปไตย แนวทางประเทศไทย โดยพรรคความหวังใหม่จัดขึ้นว่า การมาพูดในวันนี้หลายคน หลายพรรคได้โทรศัพท์มาถามว่า จะมาอยู่พรรคความหวังใหม่หรือ ความจริงถ้าทางกายภาพ ยังไม่ได้อยู่ แต่ทางใจอยู่ด้วยกันมานานแล้ว

ทั้งนี้หากพรรคไหนต้องการทราบวิธีการในการแก้ไขปัญหาของชาติ ตนก็ไปหาได้ทุกพรรค เพราะขณะนี้มีหลายพรรคติดต่อมา

** ลาออกพท.เพื่อสั่งสอน"แก๊งแดง"

ส่วนสาเหตุที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อรักษากระบวนการส่วนใหญ่ ที่ประชาชนกำลังก่อตัวขึ้น หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเป็นกลุ่มคนบริสุทธิ์ ที่มุ่งหวังการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ไม่เป็นธรรม การเปลี่ยนแปลงการปกครองของภาคประชาชน โดยรักษาสถาบันสูงสุด คือสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ จึงอยากเห็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เป็นธรรม และเชื่อว่ากลุ่มนปช. จะเติบโตขึ้นต่อไป

" เมื่อกลุ่มเสื้อแดงมีการเคลื่อนไหว มีการขึ้นไปพูดจาอะไร แน่นอนที่สุด คนที่ขึ้นไปพูด ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ว่าเขาไม่ต้องการละเมิดสิ่งที่เราเคารพ ผมเชื่อในสิ่งนั้น เพราะผมรู้จักเขาเหล่านั้นทุกคน แต่ด้วยสภาพแวดล้อม ช่วยส่งเสริมให้พูดจา ฮึกเหิม หรืออะไรก็แล้วแต่ มีการผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ผมได้เตือน ได้บอก ได้สัมผัส แต่ไม่มีการปฏิบัติ ไม่มีการแก้ไข ได้พยายามบอก พยายามช่วย ซึ่งผมเกรงเหลือเกินว่า ถ้าไม่มีใครทำอะไรแล้ว สภาพเสื้อแดง หรือแนวทางที่ควรเป็นไป นั่นคือสิ่งที่ผมตัดสิน และนั่นคือการลาออกของผม ซึ่งมีผลให้เสื้อแดงหันกลับทันที และตระหนักดีว่า สิ่งที่ผมทำไปคือการเสียสละ ได้ช่วยเหลือพวกเขา ฉะนั้นทุกท่านควรจะทราบดีว่า การที่ผมได้ออกมาจากพรรคเพื่อไทย มีเหตุผลอะไร แต่เมื่อออกมาแล้วก็มายืนอยู่เฉยๆ มานั่งเฉยๆ ปรากฏว่า นายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และพวกเรา ได้ไปขอร้องว่า ทำอย่างไรถึงจะมาช่วยพี่น้อง หรือมาช่วยพวกเราให้สามารถกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้พรรคความหวังใหม่ให้ได้เหมือนในอดีตอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่ผมได้บอกว่า ผมขออนุญาตยืนอยู่ตรงกลาง ผมมองทุกพรรคเป็นเพื่อนหมด และแน่นอนที่สุด ผมบอกแล้วว่า ใจอยู่กับท่าน แต่ตัวเองต้องยืนตรงกลาง ไม่ว่าพรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาล หรือพวกเราก็แล้วแต่ ผมต้องการจะทำภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ ผมต้องการทำภารกิจแห่งชีวิตที่เหลืออยู่ให้จบจงได้ และต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่านที่เคยร่วมงานกันมา"

**ต้องใช้ความเป็นธรรมแก้ปัญหา

พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า วันนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรคงไม่ต้องพูดกันอีก สิ่งที่น่าห่วงคือยังไม่มีพรรคการเมืองไหนที่จะสร้างการปกครองที่เป็นของประชาชน หรือการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะมีการแต่การปกครองที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะแก้ปัญหา ที่ปรากฏบนป้ายต่างๆได้

พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า องค์กรหรือสถาบันหลักที่จะแก้ไขปัญหา และนำพาประเทศชาติไปได้มีอยู่ 3 สถาบัน คือ สถาบันสูงสุด , สถาบันทหาร และรัฐบาล ปัจจุบันคือพรรคประชาธิปัตย์ สถาบันทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองหลายครั้ง ผ่านทางการทำรัฐประหาร แต่ไม่เคยแก้ไขปัญหาได้จริง และคิดว่าองค์กรนี้คงไม่กล้ายึดอำนาจอีก และอีกนานพอสมควร แต่รัฐบาลที่ต้องแก้ไขปัญหา ซึ่งยังไม่มีพรรคการเมืองไหนที่จะให้แนวทางแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้อย่างแท้จริง ทุกพรรคมุ่งการพัฒนา การแก้ไขปัญหาปากท้อง แต่ไม่ได้พูดถึงการแก้ไขปัญหาควมแตกแยก ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าของบ้านเมือง ปัญหาความแตกแยกเกิดจากการเมืองการปกครองที่ไม่เป็นธรรม หรือระบอบเผด็จการ มันจะสร้างโครงสร้างของประชาชนให้มีความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน

"วันนี้บ้านเมืองยังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องแก้ไข และยังไม่มีพรรคการเมืองไหน เสนอแก้ไขเรื่องนี้ อย่างไร จึงเป็นหน้าที่พรรคความหวังใหม่ ต้องลุกมาแก้ไขเรื่องนี้ในยุคสมัยเราให้จงได้ โดยต้องมีเครื่องมือ คือ กระบวนการ ต้องเข้มแข็งมีแนวทางชัดเจน สามารถสื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและพอใจ" พล.อ.ชวลิต กล่าว

**พร้อมเดินสายคุยพรรคการเมือง

พล.อ.ชวลิต ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ถึงกรณีที่ยังไม่เข้าสังกัดพรรคใดว่า เราต้องเป็นกลาง ต้องช่วยหมดให้ทุกพรรคให้เขามีความเข้าใจร่วมกัน การที่จะแก้ปัญหา ต้องแก้ด้วยกัน ต่างคนต่างแก้ไม่ได้ ฉะนั้นเราก็ต้องเป็นกลาง เพื่อจะเอาทุกฝ่ายเป็นพวกเรา ไม่มีอะไรนอกจากว่า พร้อมที่จะไปช่วยเหลือ พร้อมที่จะไปคุยด้วย ก็มีหลายพรรคที่จะให้ไปคุย ซึ่งคงจะทยอยไปคุย

เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าการอยู่ตรงกลาง จะช่วยให้เกิดความปรองดอง เกิดความเป็นธรรมได้ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ตนเคยอยู่ในพรรคแล้วยังทำไม่ได้ ต้องเอาหลายๆ พรรคมาร่วมกันถึงจะแก้ไขได้ และควรจะละวางทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้แล้ว และหันมาช่วยเหลือกันให้เต็มกำลัง มาส่งเสริมกัน ใครไม่ดีก็มาพูดกันได้ นิดๆ หน่อย ๆ อย่าไปว่ากันมากมาย เพื่อเป็นพลังร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ลูกหลาน จบปัญหากันเสียที

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าได้คุยกับพรรคการเมือง หมายถึง พรรคคู่ขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่มี ต่อไปนี้คงเป็นพวกเดียวกันหมดแล้ว เมื่อถามอีกว่า ได้ประสานกับพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ก็ค่อยๆ คุยกันไป มีโอกาสคุยกับพรรคพวกบ้าง มีโอกาสก็ต้องทำ เมื่อถามว่าการคุยเริ่มได้เมื่อไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ทำมาหลายอาทิตย์แล้ว จากการพูดคุยก็ดีขึ้น เขามีความเข้าใจ ตนก็บอกไปว่า ก็เสียสละกันหน่อย อาจไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการหมด ต้องเสียสละกัน แต่ตนบอกไม่ได้ว่า ไปคุยกับพรรคไหนมาบ้าง

เมื่อถามว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ก็พยายามทำให้ในส่วนนี้ แต่ไม่สำเร็จ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เราต้องมีแนวทางในการพูดคุยกัน ไม่ใช่เดินเฉยๆ เดินแล้วต้องมีการจัดการ มีการพูดจากัน

** ชี้สถานการณ์รุนแรงกว่ายุคคอมมิวนิสต์

เมื่อถามว่าทำไมไม่ตัดสินใจไปอยู่พรรคเพื่อไทย ทั้งที่พรรคเพื่อไทยมาเชิญ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า " โอ๊ยนี่เสื้อแดงก็มาจากพรรคเพื่อไทย สิท่า มิน่าล่ะ พูดเล่นนะลูก อยู่ไม่อยู่ก็เหมือนกัน เขาก็เข้าใจเรา เราก็เข้าใจเขา มายืนอยู่ตรงนี้ดีดว่าลูก" พล.อ.ชวลิต กล่าว

เมื่อถามว่าหลังเลือกตั้ง พร้อมร่วมทำงานกับรัฐบาลหรือฝ่ายค้านหากเชิญไปเป็นแกนกลางในการที่จะทำให้เกิดความปรองดอง พล.อ.ชวลิต กล่าววา เขาคงไม่เชิญ เราแค่เห็นความร่วมมือของเขา ก็ชื่นชมพอแล้ว ยืนอยู่ข้างนอกก็ได้ ช่วยกัน

เมื่อถามถึงแนวทาง 66/23 กับการนิรโทษกรรม มีอะไรที่คล้ายคลึงกันบ้าง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า มันก็แตกต่างกันไปบ้าง 66/23 ใช้อาวุธ กลุ่มคนไม่มาก วันนี้กว้างขวางไปทุกระดับ ฉะนั้นพูดถึงความรุนแรง มันรุนแรงกว่าสมัยก่อนเยอะ ต้องแก้ด้วยความระมัดระวัง
กำลังโหลดความคิดเห็น