“พลัส” ชี้อสังหาฯหัวหินฟื้นบางเซกเมนต์ พบซัพพลายในตลาด 5,192 ยูนิต ไตรมาสแรกขายแล้ว 2,008ยูนิต เผยคอนโดฯฝั่งทะเล- บ้านเดี่ยวติดภูเขาและบ้านต่ำกว่า 3ล้านบาทขายดีสุด ด้านไนท์ แฟรงค์ฯ ชี้คอนโดฯ 1 ห้องนอนขายดีสุด 65% คาดคอนโดฯเปิดใหม่แค่ 3 โครงการ
นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พอร็พเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ให้บริการงานบริหารการขาย และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอำเภอ หัวหิน อ.ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ และอ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่า ภายหลังจากเกิดปัญหาวิกฤติการเงินโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนไปทั่วโลก ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าหลักในจังหวัดท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เศรษฐกิจของไทยกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ทำให้ตลาดอสังหาฯในเมืองท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของตลาดหัวหินนั้นไม่ได้เกิดจากการขยายตัวของการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ แต่เกิดจากการนำห้องชุด บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ ทาวน์เฮาส์ กลับมาขายใหม่ หรือตลาดรีเซลล์เป็นหลัก
ทั้งนี้ ในปี 2553 ตลาดอสังหาฯในหัวหินมีทิศทางการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีอัตราการขยายตัวขึ้น 13% และมีอัตราการระบายของซับพลายสูงถึง 39% ส่วนปี 2554 ตลาดหัวหินมีซับพลายรวมที่อยู่ระหว่างการขายในตลาด 5,192 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 2,789 ยูนิตคิดเป็น 44% คอนโดมิเนียม 2,657 ยูนิต คิดเป็น51% และทาวเฮาส์ 252 ยูนิต คิดเป็น 5% จากจำนวนซับพลายทั้งหมด
ขณะที่จำนวนยูนิตที่ขายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้มีทั้งสิ้น 2,008 ยูนิต หรือประมาณ 39% ของซับพลายทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 852 ยูนิต คิดเป็น 42% ของจำนวนยูนิตที่ขายได้ทั้งหมด, ทาวนเฮาส์ 101 ยูนิต คิดเป็น 5% และคอนโดมิเนียม 1,055 ยูนิต คิดเป็น 53% ยอดขายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของผู้บริโภค
นางสาวสมสกุล กล่าวต่อว่า แม้ว่าอัตราการขายจะดีขึ้นจากปีก่อนหน้า แต่ภาพรวมทั้งตลาดยังถือว่าทรงตัวโดยดีมานด์ยังคงกระจายตัวทั้งแนวราบและแนวสูง อย่างไรก็ตามการขายยังคงกระจุกตังในกลุ่มสินค้าบางราคาและบางทำเลเท่านั้น โดยส่วนมากจะกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ในขณะที่ตลาดทาวน์เฮาส์ยังมีการเติบโตได้แต่ไม่หวือหวามากนัก
โดยคอนโดมิเนียมที่ตลาดต้องการมากที่สุดคือ โครงการที่ตั้งอยู่ในโซนหัวหินฝั่งทะเล ราคาไม่เกิน 110,000บาท/ตร.ม. ส่วนโครงการคอนโดฯเชิงเขาหรือติดเขา ก็ยังคงมีความต้องการมากเช่นกันซึ่งราคาที่ได้รับความสนใจมากที่สุด40,000-60,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่คอนโดฯฝั่งเขาตะเกียบ ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดมีขนาด 1 ห้องนอนราคาไม่เกิน 90,000บาท/ตร.ม.
ส่วนบ้านเดี่ยว มีการขยายตัวในโซนหัวหินฝั่งภูเขาค่อนข้างมาก โดยตลาดที่ได้รับความสนใจมากคือกลุ่มบ้านระดับ5-7ล้านบาท และบ้านต่ำกว่า 3ล้านบาท ส่วนในทำเลอื่นยังมีดีมานด์ไม่ชัดเจน เนื่องจากยังไม่พบการพัฒนาโครงการในทำเลอื่นๆ ขณะที่ทาวน์เฮาส์ส่วนใหญ่จะมีการพัฒนาในเขต ชะอำ หัวหินฝั่งภูเขา และเขาตะเกียบระดับราคาไม่เกิน3ล้านบาท
“จากแนวโน้มการขยายตัวของการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2554 นี้ ทำให้ พลัสฯ มั่นใจว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจบริหารการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าค่อนข้างสูง โดยคาดว่าจะมีรายได้จากงานบริหารการขายในหัวหินเติบโตจากปีที่แล้วกว่า80-100%”
ไตรมาสแรก 2554 ที่ผ่านมาบริษัท มีรายได้จากงานบริหารการขาย 208 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากงานบริหารการขายรวม164 ล้านบาท หรือคิดเป็น79% ขณะที่ในไตรมาสแรกของปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการนำห้องชุดในโครงการเก่ากลับมาขายใหม่กว่า 80 ล้านบาท คิดเป็น92% ของรายได้รวม 101 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้นจากปี 53 กว่า 81% ในขณะที่มีรายได้จาการขายโครงการใหม่ของปี 53อยู่ที่ 18 ล้านบาท หรือประมาณ 18% ส่วนรายได้จากการเช่าอยู่ที่ 1.88 ล้านบาท หรือประมาณ2 %
**คอนโดฯ1ห้องนอนขายดีสุด
ด้านนางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ซัพพลายคอนโดมิเนียมริมทะเลหัวหินค่อนข้างหายากเนื่องจากการขาดแคลนที่ดินริมชายหาด เพราะฉะนั้นราคาขายจึงน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ชาวต่างชาติเริ่มสนใจตลาดหัวหินมากขึ้นเนื่องจากเดินทางสะดวกประกอบกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
การขาดแคลนที่ดินริมชายหาดในหัวหินทำให้โครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ ต้องย้ายไปยังทำเลที่ไกลลงไปทางใต้เช่นปราณบุรีหรือขึ้นไปทางเหนือเช่นชะอำ บริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์หลายราย เช่น ควอลิตี้เฮาส์, ชาญอิสสระที่ร่วมทุนกับซีเอ็มซี, โรงแรมเซ็นเจมส์, แสนสิริ และแลนด์แอนด์เฮาส์ ที่กำลังเข้ามาทำตลาดในหัวหินจะส่งผลกระทบถึงบริษัทอสังหารายย่อย
ในไตรมาสแรกนี้มีจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 38 โครงการทั้งหมด 4,751 ยูนิต ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณเขาตะเกียบจำนวน 1,449 ยูนิต ตามด้วยบริเวณที่ไม่ติดทะเลและชะอำที่จำนวน 1,241 และ 1,015 ยูนิตตามลำดับ
รูปแบบยูนิตส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาดคือ 2 ห้องนอนและ 1 ห้องนอนประมาณ 41% และ 38% ตามลำดับ ในขณะที่รูปแบบยูนิตจำนวน 3 ห้องนอนและ 4 ห้องนอนอยู่ที่ 6 และ 1% ตามลำดับ จำนวนอุปทานในปัจจุบันส่วนใหญ่คือคอนโดติดทะเลที่จำนวน 1,928 ยูนิต ซึ่งคิดเป็น 42% ของจำนวนอุปทานทั้งหมด ในขณะที่จำนวนยูนิตของคอนโดไม่ติดหน้าทะเลอยู่ที่ 1,588 ยูนิตคิดเป็น 33.4%ของจำนวนอุปทานทั้งหมด ส่วนจำนวนยูนิตของคอนโดด้านที่ไม่ติดทะเลมีจำนวน 1,241 ยูนิต
รูปแบบของยูนิตที่ได้รับความนิยมคือ 1 และ 2 ห้องนอน แต่ละรูปแบบจำนวนประมาณ 1,168 ยูนิต โดยที่อัตราการขายแบบ 1 ห้องนอนนั้นขายดีที่สุดคิดเป็น 65% จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์พบว่า ราคาขายของยูนิตที่เห็นวิวทะเลในโครงการคอนโดริมทะเลที่สูงที่สุดตั้งอยู่ที่ ทางทิศใต้ของหัวหินโดยมีราคาประมาณ 114,750 - 145,350 บาทต่อตรม. ตามด้วยเขาตะเกียบและบริเวณทางทิศเหนือของหัวหิน ที่ราคา 105,528 - 137,500 บาทต่อตรม. และ 90,000 - 111,550 บาทต่อตรม. ตามลำดับ
คุณริษิณีคาดว่า จะมีโครงการคอนโดมิเนียม 10 โครงการจำนวนอย่างน้อย 1,500 ยูนิตที่จะเกิดขึ้นที่ชะอำและหัวหิน ซึ่ง 3 ใน 10 โครงการเป็นโครงการใหม่ส่วนที่เหลือเป็นการเปิดเฟสต่อเนื่องในโครงการเดิม โครงการในอนาคตส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณด้านไม่ติดทะเลขณะที่โครงการที่พัฒนาโดย ไพร์มเนเจอร์กรุ๊ปจะตั้งอยู่บริเวณชะอำและเอซี แอซเซทพึ่งจะซื้อที่จำนวน 10 ไร่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวหินแนวโน้มยังคงสดใส เนื่องจากหัวหินเป็นสถานที่พักตากอากาศของคนรวยจากกรุงเทพ ดังนั้นตลาดหัวหินจึงไม่โดนผลกระทบจากภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลกเหมือนเช่นเมืองพักตากอากาศอื่นๆในประเทศไทย ในขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกในปัจจุบันมีมากขึ้น เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารนานาชาติ โรงเรียนนานาชาติ มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งหมดนี้ส่งผลในการกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมให้กลับมาสดใส
นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พอร็พเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ให้บริการงานบริหารการขาย และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอำเภอ หัวหิน อ.ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ และอ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่า ภายหลังจากเกิดปัญหาวิกฤติการเงินโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนไปทั่วโลก ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าหลักในจังหวัดท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เศรษฐกิจของไทยกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ทำให้ตลาดอสังหาฯในเมืองท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของตลาดหัวหินนั้นไม่ได้เกิดจากการขยายตัวของการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ แต่เกิดจากการนำห้องชุด บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ ทาวน์เฮาส์ กลับมาขายใหม่ หรือตลาดรีเซลล์เป็นหลัก
ทั้งนี้ ในปี 2553 ตลาดอสังหาฯในหัวหินมีทิศทางการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีอัตราการขยายตัวขึ้น 13% และมีอัตราการระบายของซับพลายสูงถึง 39% ส่วนปี 2554 ตลาดหัวหินมีซับพลายรวมที่อยู่ระหว่างการขายในตลาด 5,192 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 2,789 ยูนิตคิดเป็น 44% คอนโดมิเนียม 2,657 ยูนิต คิดเป็น51% และทาวเฮาส์ 252 ยูนิต คิดเป็น 5% จากจำนวนซับพลายทั้งหมด
ขณะที่จำนวนยูนิตที่ขายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้มีทั้งสิ้น 2,008 ยูนิต หรือประมาณ 39% ของซับพลายทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 852 ยูนิต คิดเป็น 42% ของจำนวนยูนิตที่ขายได้ทั้งหมด, ทาวนเฮาส์ 101 ยูนิต คิดเป็น 5% และคอนโดมิเนียม 1,055 ยูนิต คิดเป็น 53% ยอดขายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของผู้บริโภค
นางสาวสมสกุล กล่าวต่อว่า แม้ว่าอัตราการขายจะดีขึ้นจากปีก่อนหน้า แต่ภาพรวมทั้งตลาดยังถือว่าทรงตัวโดยดีมานด์ยังคงกระจายตัวทั้งแนวราบและแนวสูง อย่างไรก็ตามการขายยังคงกระจุกตังในกลุ่มสินค้าบางราคาและบางทำเลเท่านั้น โดยส่วนมากจะกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ในขณะที่ตลาดทาวน์เฮาส์ยังมีการเติบโตได้แต่ไม่หวือหวามากนัก
โดยคอนโดมิเนียมที่ตลาดต้องการมากที่สุดคือ โครงการที่ตั้งอยู่ในโซนหัวหินฝั่งทะเล ราคาไม่เกิน 110,000บาท/ตร.ม. ส่วนโครงการคอนโดฯเชิงเขาหรือติดเขา ก็ยังคงมีความต้องการมากเช่นกันซึ่งราคาที่ได้รับความสนใจมากที่สุด40,000-60,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่คอนโดฯฝั่งเขาตะเกียบ ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดมีขนาด 1 ห้องนอนราคาไม่เกิน 90,000บาท/ตร.ม.
ส่วนบ้านเดี่ยว มีการขยายตัวในโซนหัวหินฝั่งภูเขาค่อนข้างมาก โดยตลาดที่ได้รับความสนใจมากคือกลุ่มบ้านระดับ5-7ล้านบาท และบ้านต่ำกว่า 3ล้านบาท ส่วนในทำเลอื่นยังมีดีมานด์ไม่ชัดเจน เนื่องจากยังไม่พบการพัฒนาโครงการในทำเลอื่นๆ ขณะที่ทาวน์เฮาส์ส่วนใหญ่จะมีการพัฒนาในเขต ชะอำ หัวหินฝั่งภูเขา และเขาตะเกียบระดับราคาไม่เกิน3ล้านบาท
“จากแนวโน้มการขยายตัวของการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2554 นี้ ทำให้ พลัสฯ มั่นใจว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจบริหารการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าค่อนข้างสูง โดยคาดว่าจะมีรายได้จากงานบริหารการขายในหัวหินเติบโตจากปีที่แล้วกว่า80-100%”
ไตรมาสแรก 2554 ที่ผ่านมาบริษัท มีรายได้จากงานบริหารการขาย 208 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากงานบริหารการขายรวม164 ล้านบาท หรือคิดเป็น79% ขณะที่ในไตรมาสแรกของปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการนำห้องชุดในโครงการเก่ากลับมาขายใหม่กว่า 80 ล้านบาท คิดเป็น92% ของรายได้รวม 101 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้นจากปี 53 กว่า 81% ในขณะที่มีรายได้จาการขายโครงการใหม่ของปี 53อยู่ที่ 18 ล้านบาท หรือประมาณ 18% ส่วนรายได้จากการเช่าอยู่ที่ 1.88 ล้านบาท หรือประมาณ2 %
**คอนโดฯ1ห้องนอนขายดีสุด
ด้านนางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ซัพพลายคอนโดมิเนียมริมทะเลหัวหินค่อนข้างหายากเนื่องจากการขาดแคลนที่ดินริมชายหาด เพราะฉะนั้นราคาขายจึงน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ชาวต่างชาติเริ่มสนใจตลาดหัวหินมากขึ้นเนื่องจากเดินทางสะดวกประกอบกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
การขาดแคลนที่ดินริมชายหาดในหัวหินทำให้โครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ ต้องย้ายไปยังทำเลที่ไกลลงไปทางใต้เช่นปราณบุรีหรือขึ้นไปทางเหนือเช่นชะอำ บริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์หลายราย เช่น ควอลิตี้เฮาส์, ชาญอิสสระที่ร่วมทุนกับซีเอ็มซี, โรงแรมเซ็นเจมส์, แสนสิริ และแลนด์แอนด์เฮาส์ ที่กำลังเข้ามาทำตลาดในหัวหินจะส่งผลกระทบถึงบริษัทอสังหารายย่อย
ในไตรมาสแรกนี้มีจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 38 โครงการทั้งหมด 4,751 ยูนิต ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณเขาตะเกียบจำนวน 1,449 ยูนิต ตามด้วยบริเวณที่ไม่ติดทะเลและชะอำที่จำนวน 1,241 และ 1,015 ยูนิตตามลำดับ
รูปแบบยูนิตส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาดคือ 2 ห้องนอนและ 1 ห้องนอนประมาณ 41% และ 38% ตามลำดับ ในขณะที่รูปแบบยูนิตจำนวน 3 ห้องนอนและ 4 ห้องนอนอยู่ที่ 6 และ 1% ตามลำดับ จำนวนอุปทานในปัจจุบันส่วนใหญ่คือคอนโดติดทะเลที่จำนวน 1,928 ยูนิต ซึ่งคิดเป็น 42% ของจำนวนอุปทานทั้งหมด ในขณะที่จำนวนยูนิตของคอนโดไม่ติดหน้าทะเลอยู่ที่ 1,588 ยูนิตคิดเป็น 33.4%ของจำนวนอุปทานทั้งหมด ส่วนจำนวนยูนิตของคอนโดด้านที่ไม่ติดทะเลมีจำนวน 1,241 ยูนิต
รูปแบบของยูนิตที่ได้รับความนิยมคือ 1 และ 2 ห้องนอน แต่ละรูปแบบจำนวนประมาณ 1,168 ยูนิต โดยที่อัตราการขายแบบ 1 ห้องนอนนั้นขายดีที่สุดคิดเป็น 65% จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์พบว่า ราคาขายของยูนิตที่เห็นวิวทะเลในโครงการคอนโดริมทะเลที่สูงที่สุดตั้งอยู่ที่ ทางทิศใต้ของหัวหินโดยมีราคาประมาณ 114,750 - 145,350 บาทต่อตรม. ตามด้วยเขาตะเกียบและบริเวณทางทิศเหนือของหัวหิน ที่ราคา 105,528 - 137,500 บาทต่อตรม. และ 90,000 - 111,550 บาทต่อตรม. ตามลำดับ
คุณริษิณีคาดว่า จะมีโครงการคอนโดมิเนียม 10 โครงการจำนวนอย่างน้อย 1,500 ยูนิตที่จะเกิดขึ้นที่ชะอำและหัวหิน ซึ่ง 3 ใน 10 โครงการเป็นโครงการใหม่ส่วนที่เหลือเป็นการเปิดเฟสต่อเนื่องในโครงการเดิม โครงการในอนาคตส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณด้านไม่ติดทะเลขณะที่โครงการที่พัฒนาโดย ไพร์มเนเจอร์กรุ๊ปจะตั้งอยู่บริเวณชะอำและเอซี แอซเซทพึ่งจะซื้อที่จำนวน 10 ไร่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวหินแนวโน้มยังคงสดใส เนื่องจากหัวหินเป็นสถานที่พักตากอากาศของคนรวยจากกรุงเทพ ดังนั้นตลาดหัวหินจึงไม่โดนผลกระทบจากภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลกเหมือนเช่นเมืองพักตากอากาศอื่นๆในประเทศไทย ในขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกในปัจจุบันมีมากขึ้น เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารนานาชาติ โรงเรียนนานาชาติ มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งหมดนี้ส่งผลในการกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมให้กลับมาสดใส