ASTVผู้จัดการรายวัน – สทน.เมินใช้กลยุทธ์ดั๊มราคา กระตุ้น โลว์ซีซั่น พร้อมพัฒนาขีดความสามารถบุคคลากรครั้งแรกเตรียมรับมือเปิดเสรีอาเซียน ติงให้เพิ่มความถี่หนังโฆษณา เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน
น.ส.มัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า แผนการตลาดเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น)ปีนี้ สทน.จะไม่เน้นการใช้กลยุทธ์ราคามาจูงใจลูกค้า ในการซื้อแพกเกจทัวร์และจะเน้นการเพิ่มมูลค่าให้คุ้มค่าเงินมากยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมมือกับฝ่ายตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการให้อินเซนทีฟกับกรุ๊ปที่เดินทางเป็นหมู่คณะ โดย ททท.จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
“ในสถานการณ์ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นตัวไปพร้อมๆกัน ประกอบกับราคาแพกเกจทัวร์ที่ผู้ประกอบการนำเสนอขายก็มีราคสมเหตุสมผล จึงไม่สมควรที่จะใช้กลยุทธ์ลดราคา เพื่อกระตุ้นยอดขาย เพราะจะมีผลต่อโครงสร้างราคา “
อย่างไรก็ตาม จากแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดในประเทศ “เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน” ซึ่ง ททท.มีแผนจะจัดทำเป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะ 3 ปีนับจากนี้ เริ่มเปิดตัวโครงการไปแล้ว ภาคเอกชนมองว่า เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดี แต่ประเด็นสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนคนไทย ได้เข้าใจความหมาย
ของประโยคดังกล่าวนี้อย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นแคมเปญที่มีประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาก จึงต้องการให้ ททท.เพิ่มความถี่ในการโฆษณาให้มากกว่า
ในส่วนของผู้ประกอบการ สมาคมฯได้ใช้เวลาในช่วงโลว์ซีซั่นนี้ จัดโครงการพัฒนาบุคคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดฝึกอบรมภาษา เริ่มที่ภาษาจีน ,อังกฤษ การพัฒนาความรู้ด้านไอที และการพัฒนาบุคคลิกภาพ ซึ่งถือเป็นปีแรกของ สทน. ที่จัดทำโครงการพัฒนาบุคคลากรเป็นครั้งแรก เพราะต้องการเพิ่มขีดความสามารถของบุคคลากรที่ให้บริการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อรองรับการแข่งขันภายหลังการเปิด ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 นอกจากนั้นยังใช้ช่วงโลว์ซีซั่นนี้ จัดแฟมทริป ออกสำรวจแหล่งท่องเที่ยว เพื่อนำมาจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ล่าสุด ร่วมกับผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. จัดกิจกรรมจิตอาสา
เดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวภาคตะวันออก
น.ส.มัยรัตน์ กล่าวอีกว่า กรณี รัฐบาลประกาศยุบสภา มองว่าเป็นผลดีต่อประเทศ และ ท่องเที่ยวก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย เมื่อประกาศยุบสภา ตามที่รัฐบาลสัญญาไว้แล้ว ก็จะไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เพราะได้ทำในสิ่งที่สัญญาไว้แล้ว แต่ยอมรับว่า ในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อใช้ในการจัดประชุมสัมมนาของหน่วยงานรัฐบาล อาจมีสะดุดบ้าง แต่ก็ไม่ได้กระทบมากหากเทียบกับเรื่องการเมือง
น.ส.มัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า แผนการตลาดเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น)ปีนี้ สทน.จะไม่เน้นการใช้กลยุทธ์ราคามาจูงใจลูกค้า ในการซื้อแพกเกจทัวร์และจะเน้นการเพิ่มมูลค่าให้คุ้มค่าเงินมากยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมมือกับฝ่ายตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการให้อินเซนทีฟกับกรุ๊ปที่เดินทางเป็นหมู่คณะ โดย ททท.จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
“ในสถานการณ์ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นตัวไปพร้อมๆกัน ประกอบกับราคาแพกเกจทัวร์ที่ผู้ประกอบการนำเสนอขายก็มีราคสมเหตุสมผล จึงไม่สมควรที่จะใช้กลยุทธ์ลดราคา เพื่อกระตุ้นยอดขาย เพราะจะมีผลต่อโครงสร้างราคา “
อย่างไรก็ตาม จากแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดในประเทศ “เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน” ซึ่ง ททท.มีแผนจะจัดทำเป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะ 3 ปีนับจากนี้ เริ่มเปิดตัวโครงการไปแล้ว ภาคเอกชนมองว่า เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดี แต่ประเด็นสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนคนไทย ได้เข้าใจความหมาย
ของประโยคดังกล่าวนี้อย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นแคมเปญที่มีประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาก จึงต้องการให้ ททท.เพิ่มความถี่ในการโฆษณาให้มากกว่า
ในส่วนของผู้ประกอบการ สมาคมฯได้ใช้เวลาในช่วงโลว์ซีซั่นนี้ จัดโครงการพัฒนาบุคคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดฝึกอบรมภาษา เริ่มที่ภาษาจีน ,อังกฤษ การพัฒนาความรู้ด้านไอที และการพัฒนาบุคคลิกภาพ ซึ่งถือเป็นปีแรกของ สทน. ที่จัดทำโครงการพัฒนาบุคคลากรเป็นครั้งแรก เพราะต้องการเพิ่มขีดความสามารถของบุคคลากรที่ให้บริการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อรองรับการแข่งขันภายหลังการเปิด ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 นอกจากนั้นยังใช้ช่วงโลว์ซีซั่นนี้ จัดแฟมทริป ออกสำรวจแหล่งท่องเที่ยว เพื่อนำมาจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ล่าสุด ร่วมกับผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. จัดกิจกรรมจิตอาสา
เดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวภาคตะวันออก
น.ส.มัยรัตน์ กล่าวอีกว่า กรณี รัฐบาลประกาศยุบสภา มองว่าเป็นผลดีต่อประเทศ และ ท่องเที่ยวก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย เมื่อประกาศยุบสภา ตามที่รัฐบาลสัญญาไว้แล้ว ก็จะไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เพราะได้ทำในสิ่งที่สัญญาไว้แล้ว แต่ยอมรับว่า ในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อใช้ในการจัดประชุมสัมมนาของหน่วยงานรัฐบาล อาจมีสะดุดบ้าง แต่ก็ไม่ได้กระทบมากหากเทียบกับเรื่องการเมือง
