นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนก.ค.นี้ จะไม่กระทบต่อภาคธุรกิจ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม เนื่องจากรัฐบาลได้รับการผ่านการอนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ นอกจากนี้ มองว่าทุกรัฐบาลที่เข้ามาทำหน้าที่จะให้ความสำคัญกับธุรกิจเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก เนื่องจากเอสเอ็มอีมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 38%ของจีดีพี ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้อย่างยั่งยืน
สำหรับในส่วนของธนาคารกสิกรไทย ในสิ้นปีนี้มีความเป็นไปได้ที่สินเชื่อเอสเอ็มอีจะขยายตัวสูงถึง 12% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 8-10% โดยคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีแรกอัตราเติบโตสินเชื่อจะอยู่ที่ประมาณ 6% จากช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมาธนาคารมียอดอนุมัติสินเชื่อเอสเอ็มอีไปแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท และจะมีการเบิกถอนในระยะถัดไป ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีจะได้รับผลดีจากการอนุมัติงบประมาณของรัฐบาลมูลค่า 1.1 แสนล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจเอสเอ็มอีในวงเงินประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของทั้งระบบในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 5% ซึ่งหากในส่วนของธนาคารเติบโตได้ตามคาดการณ์ที่ 12% จะส่งผล
ให้ส่วนแบ่งการตลาดในสิ้นปีนี้เพิ่มสูงมากกว่า 30% หรือคิดเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอี 4 ปีซ้อน
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจเอสเอ็มอียังมีปัจจัยด้านต้นทุน ราคาน้ำมันและวัตถุดิบต่างๆที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วง และผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้เข้าใจกับภาวะที่เปลี่ยนแปลงให้ได้
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ พัฒนาความร่วมมือในการสนับสนับสนุนแฟรนไชส์แบบครบวงจร ผ่านบริการ K-SME Franchise Credit เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการแฟรนไชส์ยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนสินเชื่อสำหรับบริษัทผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งแบบที่ไม่มีหลักประกันและแบบลดหย่อนการผ่อนชำระ จำนวน 1,500 ล้านบาท
นอกเหนือจากนั้น ธนาคารยังมีแผนสนับสนุนเงินทุนสำหรับแฟรนไชส์อื่นๆ ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวสามารถขยายตลาดและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตจำนวน 1,500 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ามีบริษัทผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์สามารถพัฒนาจนเข้าร่วมโครงการในปี 2555 เพิ่มเป็น 60 ธุรกิจ และเป็น 83 ธุรกิจในปี 2556
สำหรับในส่วนของธนาคารกสิกรไทย ในสิ้นปีนี้มีความเป็นไปได้ที่สินเชื่อเอสเอ็มอีจะขยายตัวสูงถึง 12% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 8-10% โดยคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีแรกอัตราเติบโตสินเชื่อจะอยู่ที่ประมาณ 6% จากช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมาธนาคารมียอดอนุมัติสินเชื่อเอสเอ็มอีไปแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท และจะมีการเบิกถอนในระยะถัดไป ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีจะได้รับผลดีจากการอนุมัติงบประมาณของรัฐบาลมูลค่า 1.1 แสนล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจเอสเอ็มอีในวงเงินประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของทั้งระบบในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 5% ซึ่งหากในส่วนของธนาคารเติบโตได้ตามคาดการณ์ที่ 12% จะส่งผล
ให้ส่วนแบ่งการตลาดในสิ้นปีนี้เพิ่มสูงมากกว่า 30% หรือคิดเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอี 4 ปีซ้อน
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจเอสเอ็มอียังมีปัจจัยด้านต้นทุน ราคาน้ำมันและวัตถุดิบต่างๆที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วง และผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้เข้าใจกับภาวะที่เปลี่ยนแปลงให้ได้
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ พัฒนาความร่วมมือในการสนับสนับสนุนแฟรนไชส์แบบครบวงจร ผ่านบริการ K-SME Franchise Credit เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการแฟรนไชส์ยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนสินเชื่อสำหรับบริษัทผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งแบบที่ไม่มีหลักประกันและแบบลดหย่อนการผ่อนชำระ จำนวน 1,500 ล้านบาท
นอกเหนือจากนั้น ธนาคารยังมีแผนสนับสนุนเงินทุนสำหรับแฟรนไชส์อื่นๆ ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวสามารถขยายตลาดและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตจำนวน 1,500 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ามีบริษัทผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์สามารถพัฒนาจนเข้าร่วมโครงการในปี 2555 เพิ่มเป็น 60 ธุรกิจ และเป็น 83 ธุรกิจในปี 2556