xs
xsm
sm
md
lg

PTTCH-PTTARกำไรรวม1.1หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH กล่าวว่าช่วงต้นปี 54 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาดปิโตรเคมีทั่วโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ในไตรมาสที่ 1 ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,372 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,319 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากปริมาณผลิตโอเลฟินส์ 603,874 ตันต่อปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 117 %
ทั้งนี้ ผลจากการเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ของโรง Ethane Cracker ขนาด 1 ล้านตันต่อปีและมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของเม็ดพลาสติก HDPE,LLDPE และ LDPE ที่เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์กันแล้วทั้งหมด ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้การดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ PTTCH และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 6,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95 % โดยมีรายได้จากการขาย 35,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและมีกำไรจากการดำเนินงาน EBITDA 8,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับความก้าวหน้าโครงการลงทุนของปตท.เคมิคอลและบริษัทในกลุ่ม ขณะนี้ โครงการผลิตอีเทน แครกเกอร์ ขนาดกำลังการผลิต 1 ล้านตันต่อปี ได้ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว เมื่อธันวาคม 53 โดยมีโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก LLDPE ขนาดกำลังการผลิต 4 แสนตันต่อปี ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อ 1 มกราคม 53 ขณะที่ โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก LDPE ขนาดกำลังการผลิต 3 แสนตันต่อปี ผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 54 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและอนุพันธ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 107 ล้านบาท เพราะมีภาระหนี้สินสกุลเหรียญสหรัฐฯ 442 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในเดือนมกราคม 54 บริษัทฯ ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) อีก 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น เมื่อค่าเงินผันผวนส่งผลให้เกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่บริษัทก็มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 255 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้ส่วนได้เสียจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ร่วมลงทุน โดยส่วนใหญ่มาจากบริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด ตามสัดส่วนการลงทุน
นางสาวดวงกมล เศรษฐธนัง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงินและบัญชีองค์กร บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ว่ามีกำไรสุทธิ 4,979 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 2,348 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,631 ล้านบาท คิดเป็น 112.05 %
โดยไตรมาสนี้บริษัทฯขาย ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมได้ทั้งสิ้น 14.95 ล้านบาร์เรล ลดลงจากไตรมาสแรกปี 53 เพราะโรงกลั่นหยุดซ่อมบำรุงตามแผนและผลิตผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ได้ทั้งสิ้น 538,072 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า 39,535 ตัน และจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ บริษัทฯ มียอดขายรวม 68,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 % เทียบกับงวดนี้ปี 53
ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการผลิต (GIM) พบว่ามูลค่า Market GIM งวดนี้ มี 5,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,039 ล้านบาท เพราะส่วนต่างราคาตลาด (Market GIM) ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาพาราไซลีน น้ำมัน ดีเซลและน้ำมันอากาศยาน ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น 2,210 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการผลิตลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยที่ทำให้กำไรลดลง แต่ยังมีกำไรจากการสต๊อก 3,539 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และมีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 467 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากบริษัทร่วม 234 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากบริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด
นอกจากนี้ บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นมีค่าใช้จ่ายในการซื้อสารเร่งปฏิกิริยาและสารเคมีสูงขึ้น ส่วนจำนวนวัตถุดิบนำเข้าผลิตที่ลดลง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ส่วนต้นทุนทางการเงินลดลงเพราะภาระหนี้ต่ำลง และค่าเงินที่ผันผวนทำให้ขาดทุนจากค่าเงิน 607 ล้านบาท และ ณ สิ้นไตรมาสแรกบริษัทมีหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐเหลือ 234.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากได้ซื้อหุ้นคืนเมื่อต้นปี 54


*************
กำลังโหลดความคิดเห็น