ค่ำเมื่อวาน (10 พ.ค. 2554) ไปร่วมสวดพระอภิธรรมศพ พล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่วัดประยุรวงศาวาส เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ฝั่งธนบุรี
พล.อ.ชำนาญ จากโลกไปขณะอายุ 86 ปี ท่านเป็นนายทหารเตรียมทหารบกรุ่น 5 (ตทบ.5) หรือที่เรียกกันว่ารุ่น “ห้าใหญ่” รุ่นเดียวกับพล.อ. อาทิตย์ กำลังเอก, พล.อ.หาญ ลีนานนท์, พล.อ.เทียนชัย สิริสัมพันธ์ ฯลฯ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมรักเคารพ เป็นแหล่งข่าวสำคัญคนหนึ่งของผมสมัยเริ่มทำข่าวได้ 2-3 ปี
หากจะย้อนอดีตผมค่อนข้างเชื่อว่า ถ้าไม่มีกบฏเมษาฮาวาย 1-3 เม.ย.2524 พล.อ.ชำนาญมีโอกาสที่จะย่างสามขุมขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.สูงมาก ทั้งนี้เมื่อเกิดเหตุยังเติร์ก นำโดย จปร.7 รุ่นพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร, พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ฯลฯ นำกำลัง 42 กองพัน มายึดอำนาจ แต่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และผบ.ทบ.ขณะนั้นไม่เล่นด้วยและไปตั้งกำลังต่อต้านที่กองทัพภาคที่ 2 นครราชสีมาพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ส่วนใหญ่ก็เสด็จฯ ไปประทับที่นั่น พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 (ยศ-ตำแหน่งขณะนั้น) กลายเป็นขุนพลคนสำคัญของพล.อ.เปรมในการประสานงานประสานกำลังต่อสู้กับคณะปฏิวัติ
กล่าวสำหรับฝ่ายยังเติร์ก เมื่อพล.อ.เปรม “ไม่เล่นด้วย” ได้ไปเทียบเชิญพล.อ.สัณห์ จิตรปฏิมา รอง ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติแทน พล.อ.สัณห์ซึ่งน่าจะได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ.ในช่วงปลายปี 2523 หากไม่มีการต่ออายุพล.อ.เปรมในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตัดสินใจรับบทหัวหน้าคณะปฏิวัติ โดยมี “ลูกป๋า” ที่ชื่อพ.อ.มนูญ รูปขจร ผบ.ร. 4 (ชื่อ-ยศ- ตำแหน่งขณะนั้น) เป็นเลขาธิการคณะปฏิวัติ
ใครที่ได้ติดตามข่าวการปฏิวัติในช่วงนั้นอย่างเกาะติด อาจมีความรู้สึกเหมือนกับผมว่าถ้าไม่คิดอะไรมาก การที่ได้รับฟังวิทยุของทหารสองฝ่ายตอบโต้-เกทับบลั๊ฟแหลกกัน มันเป็นอะไรที่มันมากๆ
พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ผบ.ร. 2 รอ. แห่งแนวรบบูรพา ซึ่งท่านได้ล่วงลับไปแล้ว เคยเล่าให้ผมฟังว่าเย็นย่ำก่อนปฏิวัติ 1 วัน ได้ไปขอร้องให้พล.อ.เปรมเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ โดยบอกว่าปฏิวัติเพื่อจัดการนักการเมืองชั่วบางส่วนแล้วให้ “ป๋า” เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่เดินจ๊อกกิ้งรอบบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ถึงสองรอบ “ป๋า” ก็ยังไม่ยอม แถมยังขึ้นไปโทรศัพท์บนบ้านและเผ่นแน่บไปสวนจิตรฯ
สองฝ่ายเยิ่นกันสองวันเศษ...วันที่ 3 เม.ย. 2524 ฝ่ายปฏิวัติกลายเป็นกบฏ พล.อ.อาทิตย์ก้าวพรวดขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในทันที และปลายปี ต.ค. 2524 ก็ขยับขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.อีกต่างหาก ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.หรือแม่ทัพบกในเดือนต.ค. 2525 โดยมีพล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ ตัวเต็งถูกเตะโด่งจากตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.ไปเป็นรองปลัดกลาโหม ตอกย้ำประวัติศาสตร์การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร (ในห้วงเวลานั้น) ว่า ตัวเต็งที่พลาดเก้าอี้ ผบ.เหล่าทัพก็จะถูกเตะโด่งไปรอคั่วเก้าอี้ปลัดกลาโหมแทน...
วันที่พลาดจากเก้าอี้ ผบ.ทบ. พล.อ.ชำนาญก็มีอาการผิดหวังอยู่พอประมาณประสาปุถุชน นักข่าวสายทหารถามว่ามีอะไรที่จะพูดถึงพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก บ้าง พล.อ.ชำนาญตอบว่า...ไม่มีอะไร ก่อนจะพูดเป็นกลอนว่า “ข้ากับเจ้าตีกันไม่ต้องการ ยกตำแหน่งเป็นทานแล้วเพื่อนเอ๋ย”
ปฏิบัติการของกลุ่มยังเติร์กเมื่อ 1-3 เม.ย. 2524 ซึ่งเป็นกลุ่มนายทหารที่คุมกำลังเต็มแผงประเทศในขณะนั้น นอกเหนือจากเป็นเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองในนามของความหวังดีต่อชาติแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้านลึกกลุ่มยังเติร์กเองต้องการกระชับอำนาจของกลุ่มให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นก็เข้มแข็งจนนายทหารรุ่นพี่อย่าง จปร.5 หรือรุ่น “ห้าเล็ก” ที่นำโดยพล.อ.สุจินดา คราประยูร, พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี ฯลฯ ต้องตั้งวงนินทาและกลืนเลือด รอคอยโอกาส...
และในยามนั้นเช่นกันพล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ เองก็แสดงความรักน้องๆ กลุ่มยังเติร์ก ด้วยการออกมาพูดในนามของนายทหาร “โอลด์เติร์ก” เตือนสติหลายครั้งว่าให้รู้จักความเหมาะสมความพอดี...จนยังเติร์กบางรายด่าทอพล.อ.ชำนาญ แต่อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่กลุ่มยังเติร์กตกงานอยู่ 5 ปี (2524-29) พล.อ.ชำนาญก็หยิบยื่นความช่วยเหลือดูแลนายทหารยังเติร์กบางท่าน...
หลังสวดพระอภิธรรมเสร็จสรรพ ผมได้ไปลา “คุณจู” บุตรสาวของพล.อ.ชำนาญ คุณจูได้เอ่ยถามว่าไม่ทราบว่า “ท่านจำลอง” (ซึ่งหมายถึงพล.ต.จำลอง ศรีเมืองซึ่งวันนี้ก็ได้กลายเป็นโอลด์เติร์ก และเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์) ทราบข่าวหรือยัง...ผมเลยรับอาสาที่จะแจ้งข่าวให้
งานศพอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม-พล.อ. ชำนาญ นิลวิเศษ แขกที่ไปร่วมจะได้รับหนังสือ “คืนสู่ธรรมชาติ-บทพิจารณาเพื่อเข้าถึงความจริงของชีวิต” เป็นพระธรรมเทศนา ของพระพรหมมังคลาจารย์-หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ แต่ที่น่าสนใจมากกลายเป็นแผ่นกระดาษเล็กๆ เขียนด้วยลายมือผู้ล่วงลับ...ที่แทรกอยู่ในหนังสือ
“ปัจฉิมลิขิต
1. โดยที่ได้ใช้สังขารมาเกินกาละแล้ว เพื่อมิให้เป็นการทรมานต่อสังขารนั้นและผู้ดูแล จึงอย่าได้ใช้เครื่องช่วยหรือทดแทนอวัยวะในการหายใจหรือให้หัวใจเต้นต่อไป ในกรณีเพื่อต้องการให้สังขารทรงอยู่ต่อไปทั้งที่พิเคราะห์แล้วเชื่อว่าการกระทำดังกล่าว ไม่อาจทำให้ช่วยตัวเองได้ โดยเฉพาะยังต้องขาดความเป็นปกติของสมอง
2. หากตายในบ้านก็ขอให้อยู่ในบ้านหรือห้องงานศิลป์หรือห้องสมุดก่อน หากตายนอกบ้านให้ไปไว้วัดราษฎร์บูรณะหรือวัดศรัทธาธรรมหรือวัดประยุรวงศาวาส และนำออกเผาในสามวันห้าวัน ทั้งนี้ให้พยายามทำอย่างสามัญชนให้มากที่สุด (ไม่ต้องกลัวเสียหน้าทำไม่สมเกียรติหรือแขกเหรื่อมีน้อย) ให้ขอบคุณอย่างยิ่งแต่อย่าเสียใจที่จะไม่ปฏิบัติตามคำชี้แจงหรือความช่วยเหลือที่จะให้กระทำนอกเหนือเจตนาที่กำหนดไว้ข้างต้น
3. ให้แบ่งปันอุปการะอุปถัมภ์ค้ำชูกันในหมู่ลูกหลานสายเลือดตรงให้มีความสุขทั้งกายใจทั่วหน้าทุกคนด้วย.
พล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ”
ในขณะเดียวกันด้านหลังปกหนังสือ มีกลอนอมตะของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ชื่อ “ตายก่อนตาย” จารึกอยู่
ครับ วันนี้ขออนุญาตใช้พื้นที่เขียนถึง “โอลด์เติร์ก” นักเลงโบราณอย่างท่านพล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ ที่สังคมไทยไม่ค่อยรู้จักท่านมากนัก
สัปดาห์หน้าค่อยมาว่ากันเรื่องเลือกตั้ง เรื่องโหวต โน/โน โหวต ...ให้เข้ายุคเข้าสมัยกับเขาบ้าง...!!
สำราญ รอดเพชร
พล.อ.ชำนาญ จากโลกไปขณะอายุ 86 ปี ท่านเป็นนายทหารเตรียมทหารบกรุ่น 5 (ตทบ.5) หรือที่เรียกกันว่ารุ่น “ห้าใหญ่” รุ่นเดียวกับพล.อ. อาทิตย์ กำลังเอก, พล.อ.หาญ ลีนานนท์, พล.อ.เทียนชัย สิริสัมพันธ์ ฯลฯ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมรักเคารพ เป็นแหล่งข่าวสำคัญคนหนึ่งของผมสมัยเริ่มทำข่าวได้ 2-3 ปี
หากจะย้อนอดีตผมค่อนข้างเชื่อว่า ถ้าไม่มีกบฏเมษาฮาวาย 1-3 เม.ย.2524 พล.อ.ชำนาญมีโอกาสที่จะย่างสามขุมขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.สูงมาก ทั้งนี้เมื่อเกิดเหตุยังเติร์ก นำโดย จปร.7 รุ่นพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร, พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ฯลฯ นำกำลัง 42 กองพัน มายึดอำนาจ แต่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และผบ.ทบ.ขณะนั้นไม่เล่นด้วยและไปตั้งกำลังต่อต้านที่กองทัพภาคที่ 2 นครราชสีมาพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ส่วนใหญ่ก็เสด็จฯ ไปประทับที่นั่น พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 (ยศ-ตำแหน่งขณะนั้น) กลายเป็นขุนพลคนสำคัญของพล.อ.เปรมในการประสานงานประสานกำลังต่อสู้กับคณะปฏิวัติ
กล่าวสำหรับฝ่ายยังเติร์ก เมื่อพล.อ.เปรม “ไม่เล่นด้วย” ได้ไปเทียบเชิญพล.อ.สัณห์ จิตรปฏิมา รอง ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติแทน พล.อ.สัณห์ซึ่งน่าจะได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ.ในช่วงปลายปี 2523 หากไม่มีการต่ออายุพล.อ.เปรมในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตัดสินใจรับบทหัวหน้าคณะปฏิวัติ โดยมี “ลูกป๋า” ที่ชื่อพ.อ.มนูญ รูปขจร ผบ.ร. 4 (ชื่อ-ยศ- ตำแหน่งขณะนั้น) เป็นเลขาธิการคณะปฏิวัติ
ใครที่ได้ติดตามข่าวการปฏิวัติในช่วงนั้นอย่างเกาะติด อาจมีความรู้สึกเหมือนกับผมว่าถ้าไม่คิดอะไรมาก การที่ได้รับฟังวิทยุของทหารสองฝ่ายตอบโต้-เกทับบลั๊ฟแหลกกัน มันเป็นอะไรที่มันมากๆ
พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ผบ.ร. 2 รอ. แห่งแนวรบบูรพา ซึ่งท่านได้ล่วงลับไปแล้ว เคยเล่าให้ผมฟังว่าเย็นย่ำก่อนปฏิวัติ 1 วัน ได้ไปขอร้องให้พล.อ.เปรมเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ โดยบอกว่าปฏิวัติเพื่อจัดการนักการเมืองชั่วบางส่วนแล้วให้ “ป๋า” เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่เดินจ๊อกกิ้งรอบบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ถึงสองรอบ “ป๋า” ก็ยังไม่ยอม แถมยังขึ้นไปโทรศัพท์บนบ้านและเผ่นแน่บไปสวนจิตรฯ
สองฝ่ายเยิ่นกันสองวันเศษ...วันที่ 3 เม.ย. 2524 ฝ่ายปฏิวัติกลายเป็นกบฏ พล.อ.อาทิตย์ก้าวพรวดขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในทันที และปลายปี ต.ค. 2524 ก็ขยับขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.อีกต่างหาก ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.หรือแม่ทัพบกในเดือนต.ค. 2525 โดยมีพล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ ตัวเต็งถูกเตะโด่งจากตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.ไปเป็นรองปลัดกลาโหม ตอกย้ำประวัติศาสตร์การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร (ในห้วงเวลานั้น) ว่า ตัวเต็งที่พลาดเก้าอี้ ผบ.เหล่าทัพก็จะถูกเตะโด่งไปรอคั่วเก้าอี้ปลัดกลาโหมแทน...
วันที่พลาดจากเก้าอี้ ผบ.ทบ. พล.อ.ชำนาญก็มีอาการผิดหวังอยู่พอประมาณประสาปุถุชน นักข่าวสายทหารถามว่ามีอะไรที่จะพูดถึงพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก บ้าง พล.อ.ชำนาญตอบว่า...ไม่มีอะไร ก่อนจะพูดเป็นกลอนว่า “ข้ากับเจ้าตีกันไม่ต้องการ ยกตำแหน่งเป็นทานแล้วเพื่อนเอ๋ย”
ปฏิบัติการของกลุ่มยังเติร์กเมื่อ 1-3 เม.ย. 2524 ซึ่งเป็นกลุ่มนายทหารที่คุมกำลังเต็มแผงประเทศในขณะนั้น นอกเหนือจากเป็นเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองในนามของความหวังดีต่อชาติแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้านลึกกลุ่มยังเติร์กเองต้องการกระชับอำนาจของกลุ่มให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นก็เข้มแข็งจนนายทหารรุ่นพี่อย่าง จปร.5 หรือรุ่น “ห้าเล็ก” ที่นำโดยพล.อ.สุจินดา คราประยูร, พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี ฯลฯ ต้องตั้งวงนินทาและกลืนเลือด รอคอยโอกาส...
และในยามนั้นเช่นกันพล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ เองก็แสดงความรักน้องๆ กลุ่มยังเติร์ก ด้วยการออกมาพูดในนามของนายทหาร “โอลด์เติร์ก” เตือนสติหลายครั้งว่าให้รู้จักความเหมาะสมความพอดี...จนยังเติร์กบางรายด่าทอพล.อ.ชำนาญ แต่อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่กลุ่มยังเติร์กตกงานอยู่ 5 ปี (2524-29) พล.อ.ชำนาญก็หยิบยื่นความช่วยเหลือดูแลนายทหารยังเติร์กบางท่าน...
หลังสวดพระอภิธรรมเสร็จสรรพ ผมได้ไปลา “คุณจู” บุตรสาวของพล.อ.ชำนาญ คุณจูได้เอ่ยถามว่าไม่ทราบว่า “ท่านจำลอง” (ซึ่งหมายถึงพล.ต.จำลอง ศรีเมืองซึ่งวันนี้ก็ได้กลายเป็นโอลด์เติร์ก และเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์) ทราบข่าวหรือยัง...ผมเลยรับอาสาที่จะแจ้งข่าวให้
งานศพอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม-พล.อ. ชำนาญ นิลวิเศษ แขกที่ไปร่วมจะได้รับหนังสือ “คืนสู่ธรรมชาติ-บทพิจารณาเพื่อเข้าถึงความจริงของชีวิต” เป็นพระธรรมเทศนา ของพระพรหมมังคลาจารย์-หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ แต่ที่น่าสนใจมากกลายเป็นแผ่นกระดาษเล็กๆ เขียนด้วยลายมือผู้ล่วงลับ...ที่แทรกอยู่ในหนังสือ
“ปัจฉิมลิขิต
1. โดยที่ได้ใช้สังขารมาเกินกาละแล้ว เพื่อมิให้เป็นการทรมานต่อสังขารนั้นและผู้ดูแล จึงอย่าได้ใช้เครื่องช่วยหรือทดแทนอวัยวะในการหายใจหรือให้หัวใจเต้นต่อไป ในกรณีเพื่อต้องการให้สังขารทรงอยู่ต่อไปทั้งที่พิเคราะห์แล้วเชื่อว่าการกระทำดังกล่าว ไม่อาจทำให้ช่วยตัวเองได้ โดยเฉพาะยังต้องขาดความเป็นปกติของสมอง
2. หากตายในบ้านก็ขอให้อยู่ในบ้านหรือห้องงานศิลป์หรือห้องสมุดก่อน หากตายนอกบ้านให้ไปไว้วัดราษฎร์บูรณะหรือวัดศรัทธาธรรมหรือวัดประยุรวงศาวาส และนำออกเผาในสามวันห้าวัน ทั้งนี้ให้พยายามทำอย่างสามัญชนให้มากที่สุด (ไม่ต้องกลัวเสียหน้าทำไม่สมเกียรติหรือแขกเหรื่อมีน้อย) ให้ขอบคุณอย่างยิ่งแต่อย่าเสียใจที่จะไม่ปฏิบัติตามคำชี้แจงหรือความช่วยเหลือที่จะให้กระทำนอกเหนือเจตนาที่กำหนดไว้ข้างต้น
3. ให้แบ่งปันอุปการะอุปถัมภ์ค้ำชูกันในหมู่ลูกหลานสายเลือดตรงให้มีความสุขทั้งกายใจทั่วหน้าทุกคนด้วย.
พล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ”
ในขณะเดียวกันด้านหลังปกหนังสือ มีกลอนอมตะของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ชื่อ “ตายก่อนตาย” จารึกอยู่
ครับ วันนี้ขออนุญาตใช้พื้นที่เขียนถึง “โอลด์เติร์ก” นักเลงโบราณอย่างท่านพล.อ.ชำนาญ นิลวิเศษ ที่สังคมไทยไม่ค่อยรู้จักท่านมากนัก
สัปดาห์หน้าค่อยมาว่ากันเรื่องเลือกตั้ง เรื่องโหวต โน/โน โหวต ...ให้เข้ายุคเข้าสมัยกับเขาบ้าง...!!
สำราญ รอดเพชร