ความขัดแย้งระหว่างแกนนำพันธมิตรฯ กับ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และคนอื่นๆ เช่น ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ฯลฯ ขอให้คิดว่าความขัดแย้งดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชนคนทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดามันเป็นความขัดแย้งทางความเห็นและกลายเป็นความขัดแย้งเพราะต่างคนต่างถือลัทธิต่างกัน
ความขัดแย้งในทางธรรม เกิดจากความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องธรรม เช่น การแยกตัวของพระพุทธศาสนาในอดีตระหว่าง นิกายเถวรวาท กับ นิกายมหายาน ในลัทธิความเชื่อในศาสนาอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
ความขัดแย้งทางลัทธิการเมือง เช่น ระหว่างลัทธิเผด็จการกับลัทธิประชาธิปไตย หรือลัทธิเผด็จการคอมมิวนิสต์กับลัทธิประชาธิปไตย หรือลัทธิเผด็จการนายทุนกับลัทธิเผด็จการคอมมิวนิสต์ หรือลัทธิเผด็จการนายทุนกับลัทธิประชาธิปไตยแท้ๆ เป็นต้น
การขัดแย้งของคนที่มาร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรฯ มองเห็นได้ว่าเป็นความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์เฉพาะหน้าและขัดแย้งทางลัทธิความเชื่อทางการเมือง
ได้แก่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นต้น เพราะเขามีลัทธิความเชื่อเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์มานานแล้ว เมื่อต้องขับไล่ทักษิณ ก็แน่นอนว่าคนเหล่านี้เกาะขบวนเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับ นายวัชระ เพชรทอง แจ้งเกิดได้เป็น ส.ส. กทม. ก็เพราะเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ จะเห็นได้ว่า บุคคลเหล่านี้เป็นคนที่เชื่อถือในลัทธิประชาธิปัตย์ ซึ่งก็คือยึดถือลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา แต่หลอกลวง ปิดบังซ่อนเร้นว่าเป็นประชาธิปไตย
โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ โกศัยสุข เขาไม่ได้เป็นตัวแทนของกรรมกรที่แท้จริง ดูง่ายๆ ว่าใครเป็นตัวแทนของกรรมกรที่จริง เขาดูกันที่ การต่อสู้ทางเศรษฐกิจยกขึ้นสู่การต่อสู้ทางการเมือง ไม่ต่อสู้ทางเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว และการต่อสู้ทางเศรษฐกิจ คือการเรียกร้อง กดดัน ผลักดันต่อสู้กับรัฐบาลนายทุนไม่ให้ขึ้นราคาสินค้าและไม่เรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำ การเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำคือการเคลื่อนไหวแอบแฝงเข้ามาเป็นผู้นำกรรมกรจอมปลอมที่ช่วยให้นายทุนเอาไปอ้างกับรัฐบาล เพื่อขึ้นราคาสินค้า
ถามว่า กรรมกรที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นมีกี่เปอร์เซ็นต์ของกรรมกรทั้งหมดและของประเทศ ส่วนชาวนา ชาวไร่ งานบริการ งานอิสระ ที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น ไม่ต่ำกว่า 90 % ของประเทศ เมื่อสินค้าสูงขึ้นรายได้คงเดิมหรือน้อยลงก็ทำให้จนลงๆ สู้อย่างนี้สู้ให้นายทุนยิ่งรวยขึ้นๆ สู้เพื่อช่วยใครกันแน่ แล้วรับประโยชน์ลับหลังจากใคร พี่น้องกรรมกรรู้ทันหรือไม่
การต่อสู้ทางการเมืองของกรรมกร คือ การสร้างการเมืองใหม่ ต่อสู้เพื่อเปลี่ยนการเมืองเผด็จการรัฐธรรมนูญของนายทุน เป็นการเมืองประชาธิปไตยของปวงชน โดยเสนอหลักการปกครองที่เป็นธรรมแก่ปวงชนในชาติ (ผู้เขียนเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9)
แม้ว่า นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ร่วมกันก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ใหม่แต่ชื่อเท่านั้น พรรคนี้ก็ยังคงเป็นพรรคการเมืองในระบอบเผด็จการ เช่นเดียวกับพรรคเผด็จการอื่นๆ เช่น ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ฯลฯ เห็นชัดว่า นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ยอมรับ เข้าร่วมกับการเมืองเผด็จการรัฐธรรมนูญของนายทุนเพียงหยิบมือเดียว และกระสันอยากลงเลือกตั้ง อยากได้อำนาจทางการเมือง
ถามว่าเขาคิดถูกไหม เขาคิดถูกตามกิเลสและจุดยืนของเขา เขาอ้าง เขาอ้างนะครับพี่น้องว่าเป็นผู้นำกรรมกร แท้จริงผู้นำกรรมกรจะต้องมีจุดยืนสาธารณะไม่ใช่จุดยืนส่วนตัว ผู้นำกรรมกรจะต้องศึกษาและรู้เรื่องการเมืองเป็นอย่างดีและต้องรู้ว่าอะไรคือระบอบเผด็จการและทำอย่างไรจึงจะนำมวลชนพี่น้องกรรมกรออกมาต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่นายสมศักดิ์ คนนี้กลับทรยศต่อมวลชนที่ร่วมต่อสู้กันมายาวนานและทรยศต่อความเป็นผู้นำกรรมกรที่แท้จริง อันนี้พิสูจน์ได้
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จะต้องรู้อย่างถูกต้องว่า ทักษิณก็ดี อภิสิทธิ์ก็ดี ไม่ใช่ระบอบเผด็จการ แต่พวกเขาเป็นผลของระบอบเผด็จการและต่างก็พิทักษ์รักษาระบอบเผด็จการไว้ พวกเขาจึงเลวร้ายดุจดังโจรปล้นแผ่นดิน จึงสมควรแล้วที่ประชาชนฝ่ายก้าวหน้าผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขับไล่ นอกจากประชาชนที่หลงผิดเท่านั้น ที่ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจการเมืองดีพอ ก็ยังหลงคารม หลงคำโฆษณาชวนเชื่อพรรคเหล่านี้อยู่ โค่นทักษิณ อภิสิทธิ์มา ถามว่านายกฯ สองคนนี้เหมือนกันไหม ตอบว่าเหมือนกัน เพราะเป็นนายกฯ ภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ มันก็คือเผด็จการรัฐสภา เผด็จการโดยพรรคฯ นี่คือสภาพการณ์ที่แท้จริงของการเมืองไทย
อันที่จริงรู้ตั้งนานแล้วว่าสักวันหนึ่ง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จะต้องขัดแย้งกับมวลชนพันธมิตรฯ เพราะนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ธาตุแท้ของเขาเป็นผู้นำกรรมกรจอมปลอมและรับใช้พรรคประชาธิปัตย์มายาวนานแล้ว
ส่วนพันธมิตรฯ เท่าที่สัมผัสและรับทราบ นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีเจตนาดีอุทิศตนต่อบ้านเมือง ต้องการปฏิรูปการเมืองที่เป็นธรรมต่อปวงชน ปฏิเสธนักการเมืองของระบอบเผด็จการ สนธิ พูดว่า “นักการเมืองเป็นสัตว์นรก” เพราะพวกเขาเป็นนักการเมืองในระบอบเผด็จการ นั่นเอง จึงเป็นธรรมดาที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เสพสุขอยู่กับพวกลัทธิเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ เผด็จการโดยพรรคฯ เผด็จการโดยรัฐสภาเสียงข้างมากลากพาไปพินาศ น่าสังเวช นายสมศักดิ์จริงๆ คิดไว้ไม่ผิดว่าเขาเป็นได้เพียงผู้นำกรรมกรจอมปลอมตลอดชีวิต เพราะจุดยืนเพื่อตนเองนี่เอง
ความขัดแย้งในทางธรรม เกิดจากความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องธรรม เช่น การแยกตัวของพระพุทธศาสนาในอดีตระหว่าง นิกายเถวรวาท กับ นิกายมหายาน ในลัทธิความเชื่อในศาสนาอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
ความขัดแย้งทางลัทธิการเมือง เช่น ระหว่างลัทธิเผด็จการกับลัทธิประชาธิปไตย หรือลัทธิเผด็จการคอมมิวนิสต์กับลัทธิประชาธิปไตย หรือลัทธิเผด็จการนายทุนกับลัทธิเผด็จการคอมมิวนิสต์ หรือลัทธิเผด็จการนายทุนกับลัทธิประชาธิปไตยแท้ๆ เป็นต้น
การขัดแย้งของคนที่มาร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรฯ มองเห็นได้ว่าเป็นความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์เฉพาะหน้าและขัดแย้งทางลัทธิความเชื่อทางการเมือง
ได้แก่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นต้น เพราะเขามีลัทธิความเชื่อเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์มานานแล้ว เมื่อต้องขับไล่ทักษิณ ก็แน่นอนว่าคนเหล่านี้เกาะขบวนเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับ นายวัชระ เพชรทอง แจ้งเกิดได้เป็น ส.ส. กทม. ก็เพราะเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ จะเห็นได้ว่า บุคคลเหล่านี้เป็นคนที่เชื่อถือในลัทธิประชาธิปัตย์ ซึ่งก็คือยึดถือลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา แต่หลอกลวง ปิดบังซ่อนเร้นว่าเป็นประชาธิปไตย
โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ โกศัยสุข เขาไม่ได้เป็นตัวแทนของกรรมกรที่แท้จริง ดูง่ายๆ ว่าใครเป็นตัวแทนของกรรมกรที่จริง เขาดูกันที่ การต่อสู้ทางเศรษฐกิจยกขึ้นสู่การต่อสู้ทางการเมือง ไม่ต่อสู้ทางเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว และการต่อสู้ทางเศรษฐกิจ คือการเรียกร้อง กดดัน ผลักดันต่อสู้กับรัฐบาลนายทุนไม่ให้ขึ้นราคาสินค้าและไม่เรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำ การเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำคือการเคลื่อนไหวแอบแฝงเข้ามาเป็นผู้นำกรรมกรจอมปลอมที่ช่วยให้นายทุนเอาไปอ้างกับรัฐบาล เพื่อขึ้นราคาสินค้า
ถามว่า กรรมกรที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นมีกี่เปอร์เซ็นต์ของกรรมกรทั้งหมดและของประเทศ ส่วนชาวนา ชาวไร่ งานบริการ งานอิสระ ที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น ไม่ต่ำกว่า 90 % ของประเทศ เมื่อสินค้าสูงขึ้นรายได้คงเดิมหรือน้อยลงก็ทำให้จนลงๆ สู้อย่างนี้สู้ให้นายทุนยิ่งรวยขึ้นๆ สู้เพื่อช่วยใครกันแน่ แล้วรับประโยชน์ลับหลังจากใคร พี่น้องกรรมกรรู้ทันหรือไม่
การต่อสู้ทางการเมืองของกรรมกร คือ การสร้างการเมืองใหม่ ต่อสู้เพื่อเปลี่ยนการเมืองเผด็จการรัฐธรรมนูญของนายทุน เป็นการเมืองประชาธิปไตยของปวงชน โดยเสนอหลักการปกครองที่เป็นธรรมแก่ปวงชนในชาติ (ผู้เขียนเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9)
แม้ว่า นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ร่วมกันก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ใหม่แต่ชื่อเท่านั้น พรรคนี้ก็ยังคงเป็นพรรคการเมืองในระบอบเผด็จการ เช่นเดียวกับพรรคเผด็จการอื่นๆ เช่น ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ฯลฯ เห็นชัดว่า นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ยอมรับ เข้าร่วมกับการเมืองเผด็จการรัฐธรรมนูญของนายทุนเพียงหยิบมือเดียว และกระสันอยากลงเลือกตั้ง อยากได้อำนาจทางการเมือง
ถามว่าเขาคิดถูกไหม เขาคิดถูกตามกิเลสและจุดยืนของเขา เขาอ้าง เขาอ้างนะครับพี่น้องว่าเป็นผู้นำกรรมกร แท้จริงผู้นำกรรมกรจะต้องมีจุดยืนสาธารณะไม่ใช่จุดยืนส่วนตัว ผู้นำกรรมกรจะต้องศึกษาและรู้เรื่องการเมืองเป็นอย่างดีและต้องรู้ว่าอะไรคือระบอบเผด็จการและทำอย่างไรจึงจะนำมวลชนพี่น้องกรรมกรออกมาต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่นายสมศักดิ์ คนนี้กลับทรยศต่อมวลชนที่ร่วมต่อสู้กันมายาวนานและทรยศต่อความเป็นผู้นำกรรมกรที่แท้จริง อันนี้พิสูจน์ได้
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จะต้องรู้อย่างถูกต้องว่า ทักษิณก็ดี อภิสิทธิ์ก็ดี ไม่ใช่ระบอบเผด็จการ แต่พวกเขาเป็นผลของระบอบเผด็จการและต่างก็พิทักษ์รักษาระบอบเผด็จการไว้ พวกเขาจึงเลวร้ายดุจดังโจรปล้นแผ่นดิน จึงสมควรแล้วที่ประชาชนฝ่ายก้าวหน้าผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขับไล่ นอกจากประชาชนที่หลงผิดเท่านั้น ที่ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจการเมืองดีพอ ก็ยังหลงคารม หลงคำโฆษณาชวนเชื่อพรรคเหล่านี้อยู่ โค่นทักษิณ อภิสิทธิ์มา ถามว่านายกฯ สองคนนี้เหมือนกันไหม ตอบว่าเหมือนกัน เพราะเป็นนายกฯ ภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ มันก็คือเผด็จการรัฐสภา เผด็จการโดยพรรคฯ นี่คือสภาพการณ์ที่แท้จริงของการเมืองไทย
อันที่จริงรู้ตั้งนานแล้วว่าสักวันหนึ่ง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จะต้องขัดแย้งกับมวลชนพันธมิตรฯ เพราะนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ธาตุแท้ของเขาเป็นผู้นำกรรมกรจอมปลอมและรับใช้พรรคประชาธิปัตย์มายาวนานแล้ว
ส่วนพันธมิตรฯ เท่าที่สัมผัสและรับทราบ นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีเจตนาดีอุทิศตนต่อบ้านเมือง ต้องการปฏิรูปการเมืองที่เป็นธรรมต่อปวงชน ปฏิเสธนักการเมืองของระบอบเผด็จการ สนธิ พูดว่า “นักการเมืองเป็นสัตว์นรก” เพราะพวกเขาเป็นนักการเมืองในระบอบเผด็จการ นั่นเอง จึงเป็นธรรมดาที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เสพสุขอยู่กับพวกลัทธิเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ เผด็จการโดยพรรคฯ เผด็จการโดยรัฐสภาเสียงข้างมากลากพาไปพินาศ น่าสังเวช นายสมศักดิ์จริงๆ คิดไว้ไม่ผิดว่าเขาเป็นได้เพียงผู้นำกรรมกรจอมปลอมตลอดชีวิต เพราะจุดยืนเพื่อตนเองนี่เอง