ASTVผู้จัดการรายวัน - อาการอาพาธ“พ่อคูณ” ดีขึ้น แต่ยังอ่อนเพลีย ไอและมีเสมหะมาก แพทย์ระบุต้องจับเชื้อให้ได้ว่าเป็นชนิดใด และเฝ้าติดตามภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะน้ำในปอด มั่นใจคณะแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมายังให้การรักษาได้ ไม่จำเป็นต้องย้ายหลวงพ่อไปรักษาที่กรุงเทพฯ แต่หากไม่ตอบสนองต่อการรักษาจะหารือกันอีกครั้ง พร้อมสั่งงดเยี่ยมเพื่อให้หลวงพ่อได้พักผ่อนเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบ อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นวันที่ 2 หลังลูกศิษย์ได้นำส่งเข้าโรงพยาบาลเป็นการด่วนอีกครั้งด้วยอาการอ่อนเพลีย แขนขาด้านซ้ายไม่มีแรงและมีไข้ เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.ทั้งที่เพิ่งหายอาพาธออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาวานนี้ (6 พ.ค.) อาการโดยรวมหลวงพ่อคูณดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ยังมีอาการอ่อนเพลีย และไอมาก โดยตื่นจากจำวัดในเวลา 06.00 น. ทำกิจธุระส่วนตัว พูดคุยกับลูกศิษย์ ก่อนฉันภัตตาหารเช้า และฉันยารักษาโรคประจำตัว และลุกเดินออกกำลังในห้องพักผู้ป่วยเล็กน้อย โดยมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี ได้เข้าเยี่ยมอาการ จากนั้นคณะแพทย์ได้เข้าตรวจอาการของหลวงพ่อคูณ
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการตรวจอาการวันนี้โดยภาพรวมดีขึ้นตามลำดับ เมื่อคืนหลวงพ่อจำวัดได้ดี แขนขาเริ่มมีแรงมากขึ้น ไม่มีไข้ แต่ยังมีเสมหะมาก
สำหรับการรักษายังคงให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และยาพ่นขยายหลอดลมทุก 4 ชั่วโมง ซึ่งการอาพาธของหลวงพ่อครั้งนี้ เนื่องจากอาการปอดบวม หรือปอดอักเสบ และมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด 2 ข้าง ถือว่าน่าเป็นห่วงจะต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และขณะนี้ให้ยาไปเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า การรักษาครั้งนี้สิ่งสำคัญคือเราจะต้องจับเชื้อให้ได้ว่าเป็นเชื้อชนิดใด ซึ่งได้เก็บตัวอย่างเสมหะและเลือดของหลวงพ่อไปเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการแล้ว คาดว่าอีก 2-3 วันจะทราบผลและต้องดูว่าท่านตอบสนองต่อการรักษาหรือไม่ มีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นหรือไม่ โดยเฉพาะน้ำในปอดเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร จะต้องติดตามอาการวันต่อวัน
ส่วนการส่งตัวเข้ารักษาต่อที่กรุงเทพฯ นั้น ขณะนี้ยังยืนยันว่าคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาให้การรักษาได้ จึงยังไม่จำเป็นจะต้องส่งหลวงพ่อไปรักษาที่กรุงเทพฯ เพราะหากประเมินดูแล้วถ้าย้ายท่านอาจทำให้หลวงพ่ออ่อนเพลียกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหากอาการไม่ดีขึ้น ทางคณะแพทย์จะหารือกันอีกครั้ง
ต่อมาทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกประกาศ เรื่อง อาการอาพาธพระเพทวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ) ฉบับที่ 1 ระบุว่า เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. ศิษยานุศิษย์ได้นำพระเทพวิทยาคม เข้ารักการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อีกครั้งหนึ่ง ด้วยอาการอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆ มีเสมหะมาก ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้แพทย์ได้อนุญาตให้พระเทพวิทยาคมออกจากโรงพยาบาล ไปพักที่วัดบ้านไร่เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดย นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้จัดทีมคณะแพทย์ และ พยาบาล ทำการตรวจวินิจฉัยและดูแลโดยใกล้ชิด
คณะแพทย์มีความเห็นว่า สาเหตุที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลครั้งนี้ เกิดเนื่องจากภาวะปอดอักเสบ และมีน้ำในเยื่อหุ้มปอดจำนวนไม่มากนัก คณะแพทย์ได้ให้การรักษา ด้วยให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ พร้อมกับการรักษาแบบประคับประคอง เช่น พ่นยาขยายหลอดลม ให้ยาละลายเสมหะ เป็นต้น
สำหรับผลการตรวจร่างกายเมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (6 พ.ค.) อาการเหนื่อยและอ่อนเพลียลดลง ฉันอาหารได้มากขึ้น แต่ยังมีไข้ต่ำๆ สัญญาณชีพ ความดันโลหิต 104/80 มิลลิเมตรปรอท อุณหภูมิ 36.6 องศาเซลเซียส ชีพจร 84 ครั้ง/นาที คณะแพทย์ยงคงเฝ้าสังเกตอาการ และดำเนินการตรวจหาเชื้อที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบครั้งนี้ ขอความร่วมมืองดการเยี่ยมอาการอาพาธ เพื่อให้พระเทพวิทยาคมพักผ่อนเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบ อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นวันที่ 2 หลังลูกศิษย์ได้นำส่งเข้าโรงพยาบาลเป็นการด่วนอีกครั้งด้วยอาการอ่อนเพลีย แขนขาด้านซ้ายไม่มีแรงและมีไข้ เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.ทั้งที่เพิ่งหายอาพาธออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาวานนี้ (6 พ.ค.) อาการโดยรวมหลวงพ่อคูณดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ยังมีอาการอ่อนเพลีย และไอมาก โดยตื่นจากจำวัดในเวลา 06.00 น. ทำกิจธุระส่วนตัว พูดคุยกับลูกศิษย์ ก่อนฉันภัตตาหารเช้า และฉันยารักษาโรคประจำตัว และลุกเดินออกกำลังในห้องพักผู้ป่วยเล็กน้อย โดยมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี ได้เข้าเยี่ยมอาการ จากนั้นคณะแพทย์ได้เข้าตรวจอาการของหลวงพ่อคูณ
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการตรวจอาการวันนี้โดยภาพรวมดีขึ้นตามลำดับ เมื่อคืนหลวงพ่อจำวัดได้ดี แขนขาเริ่มมีแรงมากขึ้น ไม่มีไข้ แต่ยังมีเสมหะมาก
สำหรับการรักษายังคงให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และยาพ่นขยายหลอดลมทุก 4 ชั่วโมง ซึ่งการอาพาธของหลวงพ่อครั้งนี้ เนื่องจากอาการปอดบวม หรือปอดอักเสบ และมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด 2 ข้าง ถือว่าน่าเป็นห่วงจะต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และขณะนี้ให้ยาไปเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า การรักษาครั้งนี้สิ่งสำคัญคือเราจะต้องจับเชื้อให้ได้ว่าเป็นเชื้อชนิดใด ซึ่งได้เก็บตัวอย่างเสมหะและเลือดของหลวงพ่อไปเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการแล้ว คาดว่าอีก 2-3 วันจะทราบผลและต้องดูว่าท่านตอบสนองต่อการรักษาหรือไม่ มีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นหรือไม่ โดยเฉพาะน้ำในปอดเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร จะต้องติดตามอาการวันต่อวัน
ส่วนการส่งตัวเข้ารักษาต่อที่กรุงเทพฯ นั้น ขณะนี้ยังยืนยันว่าคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาให้การรักษาได้ จึงยังไม่จำเป็นจะต้องส่งหลวงพ่อไปรักษาที่กรุงเทพฯ เพราะหากประเมินดูแล้วถ้าย้ายท่านอาจทำให้หลวงพ่ออ่อนเพลียกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหากอาการไม่ดีขึ้น ทางคณะแพทย์จะหารือกันอีกครั้ง
ต่อมาทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกประกาศ เรื่อง อาการอาพาธพระเพทวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ) ฉบับที่ 1 ระบุว่า เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. ศิษยานุศิษย์ได้นำพระเทพวิทยาคม เข้ารักการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อีกครั้งหนึ่ง ด้วยอาการอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆ มีเสมหะมาก ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้แพทย์ได้อนุญาตให้พระเทพวิทยาคมออกจากโรงพยาบาล ไปพักที่วัดบ้านไร่เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดย นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้จัดทีมคณะแพทย์ และ พยาบาล ทำการตรวจวินิจฉัยและดูแลโดยใกล้ชิด
คณะแพทย์มีความเห็นว่า สาเหตุที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลครั้งนี้ เกิดเนื่องจากภาวะปอดอักเสบ และมีน้ำในเยื่อหุ้มปอดจำนวนไม่มากนัก คณะแพทย์ได้ให้การรักษา ด้วยให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ พร้อมกับการรักษาแบบประคับประคอง เช่น พ่นยาขยายหลอดลม ให้ยาละลายเสมหะ เป็นต้น
สำหรับผลการตรวจร่างกายเมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (6 พ.ค.) อาการเหนื่อยและอ่อนเพลียลดลง ฉันอาหารได้มากขึ้น แต่ยังมีไข้ต่ำๆ สัญญาณชีพ ความดันโลหิต 104/80 มิลลิเมตรปรอท อุณหภูมิ 36.6 องศาเซลเซียส ชีพจร 84 ครั้ง/นาที คณะแพทย์ยงคงเฝ้าสังเกตอาการ และดำเนินการตรวจหาเชื้อที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบครั้งนี้ ขอความร่วมมืองดการเยี่ยมอาการอาพาธ เพื่อให้พระเทพวิทยาคมพักผ่อนเต็มที่