xs
xsm
sm
md
lg

ส่ง“พ่อคูณ”เข้ารพ.อีกรอบ แพทย๋ระดมตรวจชี้อาการน่าห่วง ปอดอักเสบรุนแรง-ให้นอน รพ.ยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แพทย์ตรวจอาการหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ พักรักษาอยู่ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา หลังถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งหายอาพาธกลับไปพักฟื้นที่วัดได้แค่ 2 วัน วานนี้ (5พ.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา -แพทย์ระบุอาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ”น่าเป็นห่วง พบปอดอักเสบชัดเจน 1 ข้างและมีน้ำในเยืjอหุ้มปอด 2 ข้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเจาะปอด ให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาพ่น ยาขับเสมหะ และนำเสมหะไปตรวจพร้อมเฝ้าติดตามอาการใกล้ชิด ชี้สภาพแวดล้อมวัดบ้านไร่ไม่เหมาะสมทั้งด้านร่างกายและจิตใจประกอบกับอายุมาก ทำให้อาพาธต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งหลังเพิ่งกลับวัดได้แค่ 2 วัน เผยต้องการให้พักที่ รพ.นานที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบ อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา หลังลูกศิษย์ได้นำส่งเข้าโรงพยาบาลเป็นการด่วนอีกครั้งด้วยอาการอ่อนเพลีย แขนขาด้านซ้ายไม่มีแรงและมีไข้ เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมาทั้งที่เพิ่งหายอาพาธออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 07.00 น.วานนี้(5พ.ค.)หลวงพ่อคูณ ตื่นจากจำวัดและทำกิจธุระส่วนตัว พูดคุยกับศิษย์ผู้ใกล้ชิด ซึ่งจากการสังเกตอาการหลวงพ่อ ยังมีอาการอ่อนเพลีย จากนั้นได้ฉันภัตตาหารเช้าทั้งอาหารคาวหวานที่ลูกศิษย์นำมาถวายและฉันยารักษาโรคประจำตัว ก่อนเข้าจำวัดพักผ่อนต่อในห้องผู้ป่วย

เวลา 10.00 น.นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้นำทีมแพทย์ เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณอีกครั้งใช้เวลาประมาณ 20 นาที

นพ.พินิศจัย เผยว่า อาการโดยภาพรวมวันนี้ดีขึ้นบ้างและฉันได้มากกว่าเมื่อวันที่ 4 พ.ค.อาการอ่อนแรงดีขึ้น ไม่มีไข้ ซึ่งหลวงพ่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอีกรอบ ในเวลาห่างกันแค่ 2 วันครั้งนี้หากเทียบกับครั้งแรกนั้นถือว่าอาการรุนแรงมากกว่าและมาครั้งนี้ พบว่ามีการอักเสบของปอดชัดเจน ส่วนเชื้อจะเกิดจากตัวใดนั้นต้องรอผลการเพาะเชื้อก่อน

สำหรับผลการตรวจที่ชัดเจนพบว่า ปอดอักเสบ 1 ข้างและมีภาวะน้ำในช่องปอด 2 ข้าง แต่ข้างซ้ายจะมากกว่า ซึ่งในทางการแพทย์ค่อนข้างซีเรียส ทั้งนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25เม.ย.ที่ท่านมารับการรักษาด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด แต่เราไม่ทราบว่าติดเชื้อชนิดใดและจุดใด ซึ่งท่านตอบสนองต่อการรักษาดี และเมื่อดีขึ้นหลวงพ่อมักจะบ่นอยากกลับวัดและทุกครั้งถ้าท่านกลับไปวัดก็จะค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเอง และทุกครั้งที่ฟื้นไข้ใหม่ๆ แพทย์จะบอกเสมอว่าภูมิต้านทานท่านจะลดลงและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้สูง

"แต่ทำไมคราวนี้ท่านกลับไปได้แค่ 2 วันก็ต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีก ซึ่งทางคณะแพทย์คิดว่าอาจจะมาจากปัจจัยเรื่องอายุท่านมากขึ้นและสภาพแวดล้อมที่วัดในช่วงนี้อาจจะไม่เหมาะที่จะให้ท่านพักอยู่ที่วัดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจและอีกประการคืออาจมีการติดเชื้อที่มันซ่อนเร้น ซึ่งต้องใช้เวลาในการวินิจฉัยเพื่อให้ชัดเจนอีกครั้ง"

ส่วนจะต้องส่งหลวงพ่อคูณ ไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯหรือไม่นั้น นพ.พินิศจัย กล่าวว่า โดยหลักการแล้วหากสิ่งใดที่จะทำให้หลวงพ่อคูณ อาการดีขึ้น พวกเราไม่ลังเลที่จะทำแต่ถ้าถาม ณ วันนี้ ถ้าเทียบข้อดีข้อเสียในการที่จะให้ท่านเข้าไปรับการรักษาที่กรุงเทพฯ คงไม่จำเป็น ส่วนจะให้พักรักษากี่วันนั้นยังกำหนดไม่ได้แต่ขอให้อยู่นานที่สุด

“ส่วนการรักษาขณะนี้แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำและให้ยาขับเสมหะ ซึ่งวันนี้จะเก็บตัวอย่างเสมหะไปตรวจละเอียดที่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งให้ยาพ่นขยายหลอดลมเพื่อหายใจได้สะดวกทุก 4 ชั่วโมง และเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด”

ด้าน นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า เมื่อก่อนหลวงพ่อคูณ ท่านสูบบุหรี่ค่อนข้างมาก ตอนนี้ปอดไม่ค่อยมีกำลังในการไอ เนื่องจากเคยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง รวมทั้งคราวที่แล้วมีการติดเชื้อปอดยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ครั้งนี้จึงมีอาการปอดอักเสบขึ้นมาใหม่รวมกับมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด ซึ่งค่อนข้างพบมากในปอดด้านซ้าย

ส่วนปอดด้านขวามีน้ำอยู่เล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเจาะปอด ส่วนการพ่นยาจะช่วยทั้งเรื่องถุงลมโป่งพองและไม่มีแรงที่จะไอเสมหะออกมา ซึ่งทำให้มีเสมะอยู่ ในปอดค่อนข้างมากและเหนียวข้น สำหรับอาการไข้ยังไม่พบว่ามีอาการไข้ใหม่แต่หลวงพ่อร่างกายซูบผอมลงมากทำให้การติดเชื้อจึงค่อนข้างรุนแรง ประกอบกับชราภาพแล้วและมีโรคประจำตัวหลายโรค

“โดยสรุปแล้วการอาพาธของหลวงพ่อคูณ จนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลในครั้งนี้คือปอดอักเสบจากการติดเชื้อในปอดและมีถุงลมโป่งพอง ขณะนี้คณะแพทย์ได้ทำการรักษาด้วยการพ่นยาและให้ยาปฏิชีวนะร่วมกัน ส่วนน้ำในปอดต้องติดตามดูเป็นระยะๆ ต่อไป หากมีน้ำในปอดเพิ่มขึ้นจะพิจารณากันอีกทีว่าต้องเจาะปอดหรือไม่ ซึ่งอาการอาพาธครั้งนี้ถือว่าหนักกว่าคราวที่แล้ว สำหรับการรักษานั้นต้องทำให้ท่านมีแรง มีกำลังในการไอเอาเสมหะออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ การพ่นยาคงช่วยได้ในระดับหนึ่ง และการที่ท่านสามารถทำกายภาพบำบัดในระหว่างพักอยู่โรงพยาบาลฯ จะทำให้มีกำลังในการไอดีขึ้น ระหว่างนี้จึงต้องมีการทำกายภาพบำบัดช่วยในการหายใจและการขับเสมหะให้มากขึ้นด้วย” นพ.อนุชิต กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น