xs
xsm
sm
md
lg

จุดยืนที่เปลี่ยนไปของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ประพันธ์ คูณมี

ผมตั้งใจที่จะเขียนถึง ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง วันนี้เป็นตอนจบ เพราะเมื่อผมได้ตอบโต้ ชี้แจง และเขียนวิพากษ์วิจารณ์ถึงเขามา 2 ตอนแล้ว ก็เห็นได้ว่าท่าทีของ คุณเจิมศักดิ์ ได้สงบเงียบไป ไม่หันมาวิพากษ์วิจารณ์ตอแยกับผม และพี่น้องพันธมิตรฯ ในทางที่เสียหายอีก เมื่อผมได้เขียนมา 2 ตอนแล้ว และได้ให้สัมภาษณ์ในรายการตอบโจทย์ทาง ไทยพีบีเอส ก็ถือว่าพอสมควรแก่เหตุ แต่ที่ต้องมีตอนจบในวันนี้ เพื่อทำความเข้าใจ และเก็บตกประเด็นต่างๆ ที่ตกค้าง ถือเป็นการสรุปปิดประเด็น และผมก็จะไม่พูดถึงเขาอีก หากไม่มีประเด็นสำคัญอะไรขึ้นมาใหม่

สิ่งที่ตกค้างและเป็นข้อสงสัยของผม และประชาชนจำนวนมาก ก็คือ ทำไมคุณเจิมศักดิ์ จึงตั้งหน้าตั้งตากระทำตนเป็นกระบอกเสียง โฆษณาแก้ต่างให้แก่นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แบบไม่ลืมหูลืมตา แตกต่างจากที่เคยมีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ อย่างมีเหตุผลและตรงไปตรงมาในอดีต ทั้งยังเคยร่วมต่อสู้ กระทั่งยอมอาบเหงื่อ เดินขบวนกับพันธมิตรฯ จากสวนลุมพินีมาถึงทำเนียบรัฐบาล คุณเจิมศักดิ์ให้เหตุผล ในรายการตอบโจทย์ว่า เป็นเพราะตนกับนายอภิสิทธิ์ มีภูมิหลังใกล้เคียงกันหรือแบบเดียวกัน เคยเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ด้วยกัน เมื่อตนคัดค้านทักษิณ ก็ต้องมีทางเลือก

อีกทางหนึ่ง คือ เลือกนายอภิสิทธิ์ ถ้าไม่เช่นนั้นตนก็ไม่มีทางเลือก บ้านเมืองก็เดินหน้าไปไม่ได้ ซึ่งความจริงเหตุผลที่คุณเจิมศักดิ์ ตอบกับสังคมเช่นนี้ ฟังดูแล้วช่างไร้น้ำหนัก ขาดเหตุผลสิ้นดี ทำให้เข้าใจว่า แท้จริงแล้วการวิพากษ์วิจารณ์บุคคลหรือเรื่องราวสิ่งใดๆ เราควรยึดถือเหตุผลและหลักการความถูกต้อง ชอบธรรม โดยยึดถือผลประโยชน์ชาติ และประชาชน เป็นที่ตั้งมิใช่หรือ

คำตอบของคุณเจิมศักดิ์ในประเด็นนี้ ชี้ให้เห็นว่า ทำไปเพียงเพราะอยากจะให้สมประโยชน์กับบุคคลที่ตนเองชื่นชอบเป็นส่วนตัว จึงแสดงออกให้เห็นว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลที่ประกอบไปด้วย 5 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล กระทำการอันเป็นการทุจริตคอร์รัปชัน อนุมัติโครงการนับร้อยโครงการมูลค่านับแสนๆ ล้าน ภายในวันเดียว ไม่ทำหน้าที่ปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน และมีพฤติกรรมเสียหายมากมาย เขากลับละเว้นในการวิพากษ์วิจารณ์พูดถึง โดยมีข้ออ้างสารพัด ซึ่งล้วนแต่ฟังไม่ขึ้นเช่นนี้ ย่อมทำให้ผมเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่า คุณเจิมศักดิ์ ก็เป็นได้เพียงกระบอกเสียงให้นักการเมืองที่เป็นพรรคพวกของตนเท่านั้น

และยิ่งถ้าใครได้ทราบว่า คุณเจิมศักดิ์ เป็นคนทำงานให้กับนายอภิสิทธิ์ ในด้านการประชาสัมพันธ์ และสร้างภาพลักษณ์เป็นการส่วนตัวมายาวนาน เพื่อปูทางให้กับการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ โดยมีผลประโยชน์และค่าตอบแทนแล้ว ก็ยิ่งต้องควรหายสงสัยในประเด็นนี้ ไม่ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองจะเลวร้าย รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ บริหารบ้านเมืองล้มเหลวเพียงใด ประชาชนจะออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ทำหน้าที่สำคัญเพื่อปกป้องแผ่นดิน และผลประโยชน์ของชาติ เขาก็ไม่สนใจ รายการของเขาก็จะเชิญชวนให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น พูดถึงและโจมตีทักษิณ และระบอบทักษิณกับกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่แต่เรื่องเดียว

แม้ทักษิณกับกลุ่มคนเสื้อแดงจะเป็นปัญหากับบ้านเมืองก็จริงอยู่ แต่สถานการณ์ในขณะนี้ การปกครองบ้านเมืองอยู่ในอำนาจการบริหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำสำคัญ ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบหลัก จึงอยู่ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ความสำเร็จและความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองในทุกด้านขณะนี้ จึงต้องเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายอภิสิทธิ์ จะปัดความรับผิดชอบโยนความผิดไปให้ผู้อื่น หรือหาแต่ข้ออ้างข้อแก้ตัวไปวันๆ ย่อมไม่ชอบ และมิใช่วิสัยที่ดีของผู้บริหารประเทศ การอ้างว่าตนมีพื้นฐาน และภูมิหลังเดียวกันกับนายอภิสิทธิ์ และต้องมีทางเลือก แล้วละเลยปัญหาสำคัญที่เป็นผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเช่นนี้ จึงเป็นข้ออ้างข้อแก้ตัวของคุณเจิมศักดิ์ที่ไร้เหตุผล

พฤติกรรมของคุณเจิมศักดิ์ ที่แสดงออกตลอดมาในยุครัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ และระหว่างการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ กับคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จึงเป็นพฤติกรรมที่อยู่ตรงข้าม และสวนทางกับข้อเรียกร้องของประชาชนมาโดยตลอด แม้กระทั่งประชาชนเห็นว่า หากรัฐบาลยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งเพื่อหนีความผิด และหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

ประชาชนจำนวนมากเห็นว่า ไม่มีพรรคการเมืองหรือนักการเมืองใดที่เหมาะสมและดีพอที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และเห็นพ้องต้องกันที่จะรณรงค์ไปลงคะแนนโดย กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ Vote No เพื่อเป็นการลงโทษและสั่งสอนนักการเมืองที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และเพื่อจุดกระแสให้เกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงการเมืองของประเทศครั้งใหญ่ คุณเจิมศักดิ์กับพวกก็ดิ้นรนออกอาการ ออกมาตอบโต้คัดค้านและบิดเบือนการรณรงค์ต่อสู้ของประชาชน เพียงเพราะเห็นว่าจะทำให้ตนและพวกเสียประโยชน์ หากพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้ง ไม่มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะพลอยทำให้ตนเองสูญเสียโอกาสในการทำมาหากินได้ หมดโอกาสที่จะเข้ามาดำเนินรายการทางโทรทัศน์ซึ่งเป็นผลประโยชน์โดยตรงของเขา โดยมิได้คำนึงว่า เหตุผลที่ประชาชนรณรงค์เช่นนั้น จะเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองโดยส่วนรวมแต่อย่างใด

มาถึงวันนี้ ผมเชื่อแน่ว่า ผู้ที่ติดตามบทบาทของอ.เจิมศักดิ์ ตลอดมา ในระยะหลังนี้ คงเข้าใจและเห็นจุดยืน ทัศนคติ และวิธีคิดของคุณเจิมศักดิ์แล้วว่าเป็นอย่างไร การชุมนุมของพันธมิตรฯ ครั้งนี้ ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่ส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างมีพลังยิ่ง ได้ปลุกกระแสรักชาติ หวงแหนแผ่นดิน และทำให้คนเข้าใจปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนที่สุด ทั้งได้จุดประกายการปฎิรูปการเมืองของประเทศไทยขึ้นมาสู่กระแสสูงอีกครั้งอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันก็ทำให้ประชาชนได้รู้ตัวตนและธาตุแท้ของคนหลายคน ว่ามีจุดยืนเช่นไร หลายคนได้เผยธาตุแท้ และฆ่าตัวตายไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณเจิมศักดิ์จะมีธาตุแท้ และจุดยืนอย่างไร กาลเวลาและประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเขาเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น