ทรัพย์อนันต์ฯ ชูกลยุทธ์บลูโอเชี่ยน จ่อแตกไลน์เครื่องดื่มแคธิกอรี่ใหม่-นอนฟู้ดส์ ปรับเกมรับตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ 3,000 ล้านบาท เริ่มอิ่มตัวคล้ายชาเขียว ระบุ 4 เดือนตลาดนิ่ง หลังชาพร้อมดื่ม น้ำผลไม้ นม ปรับตัวชูฟังก์ชันนัลชิงส่วนแบ่ง ออกตัวลุยน้ำผลไม้ปัดฝุ่นโมกุ โมกุ พร้อมปั้นฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่ ดันตลาดปีนี้โต 10% สิ้นปีหวังรักษายอดขายโตไม่ถึง 20%
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัล ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟังก์ชันนัลดริงก์บิวติ ดริ้งค์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% โดยช่วง 4เดือนแรกตลาดไม่เติบโต ซึ่งถือว่าตลาดปีนี้เริ่มอิ่มตัว จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากพบว่า ปีนี้มีสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ชาพร้อมดื่ม น้ำผลไม้ นมพร้อมดื่ม ปรับตัวโดยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือมีฟังก์ชันนัล โดยการเติมสารต่างๆ ที่มีคุณประโยชน์มากขึ้น ทำให้ฟังก์ชันนัลดริงก์มีทั้งคู่แข่งทางตรงและทางอ้อม
บริษัทได้ปรับตัวรองรับตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ที่ชะลอตัว บริษัทมุ่งเน้นหาตลาดใหม่ๆ หรือภายใต้กลยุทธ์บลูโอเชี่ยน จึงวางแผนแตกไลน์เครื่องดื่มกลุ่มอื่นๆ นอกจากฟังก์ชันนัลดริงก์ หรือสินค้านอกเหนือจากนอนฟูดส์ โดยก่อนหน้านี้บริษัทก็เปิดตัวกาแฟดูแลรูปร่างทรีอินวันภายใต้แบรนด์”เพรียว” รวมทั้งวางแผนรีเฟรชแบรนด์น้ำผลไม้ 25% ภายใต้แบรนด์”โมกุ โมกุ” ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้
นายอดิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจที่สร้างรายได้หลักของบริษัทมาจากฟังก์ชันนัลดริงก์ สัดส่วน 50% อาทิ บิวติ ดริ๊งค์ ,บิวติ ดริ๊งค์ เอ็ม และเช็ปเป้ อโล เวร่า และอีก 50% เป็นกลุ่มกาแฟดูแลรูปร่างเพรียว กลุ่มน้ำผลไม้เช็ปเป้ จูซ มี ,ฟอร์ วันเดย์ ดังนั้นการผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้องมาจากการเติบโตจากกลุ่มเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทก็ยังวางแผนเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อกระตุ้นตลาดให้เติบโตขึ้น และตอกย้ำในฐานะผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50-60% จากตลาดมูลค่า 3,000 ล้านบาท
“สภาพตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์เริ่มคล้ายกับชาเขียวพร้อมดื่ม โดยเติบโตก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปี จากนั้นตลาดก็จะเริ่มชะลอการเติบโต ซึ่งขึ้นอยู่ว่าจะมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาแล้วตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน ตลาดที่จะเติบโตได้ คือ ต้องมีการทำโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นตลาดให้เติบโต”
สำหรับกลุ่มกาแฟดูแลรูปร่างเพรียว บริษัทไม่มีแผนที่จะขยายโปรดักส์ไลน์สู่กาแฟพร้อมดื่ม เช่นเดียวกับที่บริษัทยูนิ-เพรสซิเดนท์ ที่เปิดตัวกาแฟพร้อมดื่มอา-ฮ่า เชบ มี อัพ โดยพบว่าตลาดกาแฟดูแลรูปมูลค่าราว 600ล้านบาท มีการเติบโต 40-50% แต่เซกเมนต์กาแฟดูแลรูปร่าง ยังคงเป็นชนิดทรีอินวัน ซึ่งมีผู้ประกอบการ อย่างเนสกาแฟ โพรเทคส์ โปรสลิม ,มอคโคน่า และผู้นำตลาด คือ เนเจอร์กิฟ เข้ามาทำตลาด ดังนั้นบริษัทยังคงเน้นทำตลาดกาแฟทรีอินวันเป็นหลัก เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด
ทั้งนี้ผลประกอบการในช่วง 4เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนภาพรวมทั้งปีตั้งเป้ามียอดขายเติบโตไม่ถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโต 20% เนื่องจากตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปีนี้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โอสถสภา เปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์แบรนด์” SASSY”(แซซซี่) เจาะกลุ่มผู้หญิง มีให้เลือก 3 รสชาติ รสมิกซ์เบอร์รี่ เป็นเครื่องดื่มบำรุงสายตา รสกีวี่แอปเปิ้ล
ผสมคอลลาเจน และรสองุ่นขาว ผสมแอล-คาร์นิทีน และทุกขวดยังผสมโกจิเบอร์รี่ ขนาด 150 มล. ราคา 15บาท
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัล ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟังก์ชันนัลดริงก์บิวติ ดริ้งค์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% โดยช่วง 4เดือนแรกตลาดไม่เติบโต ซึ่งถือว่าตลาดปีนี้เริ่มอิ่มตัว จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากพบว่า ปีนี้มีสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ชาพร้อมดื่ม น้ำผลไม้ นมพร้อมดื่ม ปรับตัวโดยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือมีฟังก์ชันนัล โดยการเติมสารต่างๆ ที่มีคุณประโยชน์มากขึ้น ทำให้ฟังก์ชันนัลดริงก์มีทั้งคู่แข่งทางตรงและทางอ้อม
บริษัทได้ปรับตัวรองรับตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ที่ชะลอตัว บริษัทมุ่งเน้นหาตลาดใหม่ๆ หรือภายใต้กลยุทธ์บลูโอเชี่ยน จึงวางแผนแตกไลน์เครื่องดื่มกลุ่มอื่นๆ นอกจากฟังก์ชันนัลดริงก์ หรือสินค้านอกเหนือจากนอนฟูดส์ โดยก่อนหน้านี้บริษัทก็เปิดตัวกาแฟดูแลรูปร่างทรีอินวันภายใต้แบรนด์”เพรียว” รวมทั้งวางแผนรีเฟรชแบรนด์น้ำผลไม้ 25% ภายใต้แบรนด์”โมกุ โมกุ” ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้
นายอดิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจที่สร้างรายได้หลักของบริษัทมาจากฟังก์ชันนัลดริงก์ สัดส่วน 50% อาทิ บิวติ ดริ๊งค์ ,บิวติ ดริ๊งค์ เอ็ม และเช็ปเป้ อโล เวร่า และอีก 50% เป็นกลุ่มกาแฟดูแลรูปร่างเพรียว กลุ่มน้ำผลไม้เช็ปเป้ จูซ มี ,ฟอร์ วันเดย์ ดังนั้นการผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้องมาจากการเติบโตจากกลุ่มเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทก็ยังวางแผนเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อกระตุ้นตลาดให้เติบโตขึ้น และตอกย้ำในฐานะผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50-60% จากตลาดมูลค่า 3,000 ล้านบาท
“สภาพตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์เริ่มคล้ายกับชาเขียวพร้อมดื่ม โดยเติบโตก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปี จากนั้นตลาดก็จะเริ่มชะลอการเติบโต ซึ่งขึ้นอยู่ว่าจะมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาแล้วตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน ตลาดที่จะเติบโตได้ คือ ต้องมีการทำโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นตลาดให้เติบโต”
สำหรับกลุ่มกาแฟดูแลรูปร่างเพรียว บริษัทไม่มีแผนที่จะขยายโปรดักส์ไลน์สู่กาแฟพร้อมดื่ม เช่นเดียวกับที่บริษัทยูนิ-เพรสซิเดนท์ ที่เปิดตัวกาแฟพร้อมดื่มอา-ฮ่า เชบ มี อัพ โดยพบว่าตลาดกาแฟดูแลรูปมูลค่าราว 600ล้านบาท มีการเติบโต 40-50% แต่เซกเมนต์กาแฟดูแลรูปร่าง ยังคงเป็นชนิดทรีอินวัน ซึ่งมีผู้ประกอบการ อย่างเนสกาแฟ โพรเทคส์ โปรสลิม ,มอคโคน่า และผู้นำตลาด คือ เนเจอร์กิฟ เข้ามาทำตลาด ดังนั้นบริษัทยังคงเน้นทำตลาดกาแฟทรีอินวันเป็นหลัก เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด
ทั้งนี้ผลประกอบการในช่วง 4เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนภาพรวมทั้งปีตั้งเป้ามียอดขายเติบโตไม่ถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโต 20% เนื่องจากตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปีนี้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โอสถสภา เปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์แบรนด์” SASSY”(แซซซี่) เจาะกลุ่มผู้หญิง มีให้เลือก 3 รสชาติ รสมิกซ์เบอร์รี่ เป็นเครื่องดื่มบำรุงสายตา รสกีวี่แอปเปิ้ล
ผสมคอลลาเจน และรสองุ่นขาว ผสมแอล-คาร์นิทีน และทุกขวดยังผสมโกจิเบอร์รี่ ขนาด 150 มล. ราคา 15บาท