xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นขาใหญ่อสังหาฯวิ่งฝุ่นตลบ ล็อคเงินกู้โครงการบ้านหลังแรก2.5หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ลือหึ่งขาใหญ่อสังหาฯวิ่งฝุ่นตลบเปิดวงเงินกู้ล่วงหน้าโครงการกู้ซื้อบ้านหลังแรก ก่อนเข้าครม. ล่ามีมติเพิ่มวงเงินเป็น 25,000 ล้านบาท คาดหมดภายใน 1 สัปดาห์ ด้านนายกส.ธุรกิจบ้านจัดสรร เชื่อธอส.เตรียมมาตรการป้องกันคำครหา มั่นใจไม่มีการล็อกวงเงินแถมเปิดให้กู้พร้อมกันทั่วประเทศ ด้านแสนสิริ-เอ็นซีรับลูกรัฐบาลขนสต๊อกบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทร่วมโครงการ

เป็นไปตามความคาดหมาย สำหรับโครงการกู้ซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของรัฐบาล หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ (3 พ.ค.) มีมติอนุมัติโครงการ กู้ซื้อบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 2 ปี โดยนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม คลม.ว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการบ้านหลังแรกเพื่อที่อยู่อาศัยโดยกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ จากเดิมที่มีการเสนอวงเงินจำนวน 20,000 ล้านบาท ที่ประชุมได้มีการพิจารณาว่าคงไม่เพียงพอ จึงเห็นชอบเพิ่มวงเงิน 25,000 ล้านบาท พร้อมวงเงินชดเชยดอกเบี้ยอีกประมาณ 450 - 500 ล้านบาท

ส่วนคุณสมบัติของผู้ร่วมโครงการดังกล่าว ต้องเป็นผู้ต้องการบ้านหลังแรกจริงๆ วงเงินกู้ไม่เงิน รายละ 3 ล้านบาท และการกู้ต้องไม่เป็นการรีไฟแนนซ์ เพื่อไม่ให้กระทบการประกอบการของธนาคารอื่น โดยมีระยะเวลาขอร่วมโครงการ 8 เดือน เริ่มแต่ต้นเดือนพฤษภาคม-สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งขณะนี้มีคนขอกู้แล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่มีการเปิดเผยว่ากระทรวงการคลังจะดำเนินโครงการดังกล่าวเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาและจะนำโครงการดังกล่าวเสนอต่อ ครม.ในวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเข้าหารือกับ ธอส.เพื่อนำเสนอสินค้าของทางบริษัทเข้าร่วมโครงการเงินกู้บ้านหลังแรกใน ซึ่งในเบื้องต้นธอส.ได้ขอให้แต่ละบริษัทส่งข้อมูลและรายละเอียดของสินค้า รวมถึงราคาขายของแต่ละบริษัทให้แก่ ธอส.เพื่อรับทราบและประเมินราคาสินค้าว่าตรงตามวงเงินสินเชื่อและความต้องการของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวหรือไม่

แหล่งข่าวจากวงการอสังหาฯ กล่าวภายหลังจากที่มีการนำเสนอและส่งรายละเอียดสินค้าของบริษัทต่อธอส.ว่า นับจากที่เริ่มต้นเปิดโครงการ เชื่อว่าจะมีการยื่นกู้จากลูกค้าของบริษัทอสังหาฯจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าวงเงิน 25,000 ล้านบาท จะหมดลงในเวลาที่รวดเร็วไม่เกิน 2 วันหรือภายใน 1สัปดาห์เท่านั้น

จากการคาดการณ์ว่าวงเงินกู้ดังกล่าวจะหมดลงในระยะเวลาอันสั้น ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตุว่า ในระหว่างที่โครงการยังไม่ได้เข้าครม.อาจมีผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรรและโครงการอาคารชุดต่างๆ ที่มีสต๊อกที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จหลายๆรายโดยเฉพาะรายใหญ่ขอเปิดวงเงินสินเชื่อล่วงหน้ากับธอส.ไว้รองรับการขายของตนเองไว้แล้ว ทำให้วงเงินดังกล่าวอาจจะหมดลงอย่างรวดเร็วได้

เชื่อธอส.วางมาตรการรับมือ

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี เพราะช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ต้องการมีบ้านหลังแรกจริงๆ ส่วนประเด็นความโปร่งใสในการอนุมัติสินเชื่อนั้น เท่าที่ติดตามความคืบหน้าในโครงการดังกล่าวมาโดยตลอด เชื่อว่า ธอส.จะมีการกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใสอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดวันในการยื่นกู้ และข้ออนุมัติพร้อมกันทั่วประเทศ และข้อกำหนด ขั้นตอนต่างๆที่ธอส.วางไว้

“จริงๆแล้ว วงเงิน 25,000 ล้านบาทนั้น เมื่อพิจารณาจากการปล่อยกู้ลูกค้าทั่วประเทศแล้ว ถือว่าไม่มาก เพราะเฉพาะธอส. แห่งเดียวปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยกว่า 1 แสนล้านบาท/ปี หรือมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 30% ซึ่งเม็ดเงิน 25,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก”

ส่วนกรณีกระแสข่าวผู้ประกอบการเข้าไปขอวงเงินสินเชื่อล่วงหน้าให้แก่ลูกค้าของตนเองนั้น หากธอส.กำหนดเงือนไขแล้วคงทำได้ยาก และหากจะมีรายใดได้รับการอนุมัติสินเชื่อจำนวนมาก เชื่อว่าเกิดจากการเตรียมความพร้อมจากสต๊อกบ้านสร้างเสร็จที่มีอยู่แล้วและมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างยื่นขอสินเชื่อกับธอส.อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเกิดมีโครงการดังกล่าวขึ้นก็สามารถนำเข้าแคมเปญ 0% ได้ทันที

ทั้งนี้ในส่วนของบริษัท กานดา พร็อพเพอรืตี้ จำกัด นั้นไม่ได้มีการติดต่อขอสินเชื่อจาก ธอส.เป็นกรณีพิเศษ แต่ได้แจ้งแก่ลูกค้าที่เตรียมยื่นกู้และมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ในโครงการบ้านหลังแรกก็ให้เตรียมเอกสารไว้ให้พร้อมดำเนินการได้ทันที เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ธอส.จะมีการกำหนดเงื่อนไขของผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวไว้อย่างไร

เอ็น.ซี.ฯขน4โครงการร่วม

ด้านนายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บรัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ ได้เข้าหารือกับ ธอส.เพื่อนำบ้านโครงการต่างๆ ของบริษัทเข้าร่วมในโครงการดังกล่าว ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะมี 4 โครงการ ที่จะนำแคมเปญที่จัดอยู่เดิมเข้าผนวกกับโครงการสินเชื่อ 0% นาน 2 ปีของธนาคาร ธอส. เพื่อทำตลาดกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทด้วย โดย 4 โครงการดังกล่าวมีสต๊อกบ้านสร้างเสร็จประมาณ 60 ยูนิต มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามสต๊อกบ้านในโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้านั้น เริ่มหมดลงไปมากแล้วทำให้บริษัทเตรียมแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 2-3 โครงการในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี และหากตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีมีอัตราการขยายตัวที่ดีบริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงกรใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการซึ่งจะทำให้ทั้งปีมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 6 โครงการจากแผนเดิมเปิดตัว 4 โครงการ ส่วนยอดขายในช่วงไตรมาสแรกนั้นได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า เนื่องจากบริษัทประกาศปรับขึ้นราคาขายในช่วงไตรมาสที่ 2 อีก 2-5% ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้น โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมามียอดจองกว่า 200 ล้านบาทส่วนมากเป็นบ้านในกลุ่มระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไป”

แสนสิริส่ง 7 โครงการร่วม

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRIกล่าวว่า นโยบายโครงการ “บ้านหลังแรก” จะส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางล่างมีการอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น ปัจจุบันกลุ่มแสนสิริมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 53 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 20 โครงการ, คอนโดมิเนียม 20 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 13 โครงการ โดยในจำนวนนี้มีบ้านราคาขายเฉลี่ยตั้งแต่ 1.21 - 3 ล้านบาทซึ่งลูกค้าตัดสินใจซื้อและพร้อมโอนในปีนี้ประมาณ 1,050 ยูนิต มูลค่า 1,540 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แสนสิริ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารสินค้าคงเหลือ เพื่อควบคุมต้นทุนทางการเงิน ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสต็อคโครงการบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่จำนวนที่ไม่มาก โดยบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์จะก่อสร้างและส่งมอบให้กับลูกค้าเฉลี่ย 75 - 90 วันเท่านั้น ส่วนคอนโดมิเนียมจะเป็นโครงการที่มีการเปิดขายและขายหมดตั้งแต่ 1 - 2 ปีที่ผ่านมาและก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญา เมื่อรวมจำนวนที่อยู่อาศัยที่จะมีการโอนให้กับลูกค้าในปีนี้ มีจำนวนรวมประมาณกว่า 4,800 ยูนิต
กำลังโหลดความคิดเห็น