ASTVผู้จัดการรายวัน-กกต.ชี้ "โหวตโน" ตามแนวทางพันธมิตรฯ ไม่ผิด หาเสียงทางอินเตอร์เน็ตก็ไม่ผิด ขณะที่ผลเอ็มเอสเอ็นไทยโพลล์ เผยชาวเน็ต 30% ชี้ไม่มีใครเหมาะสมนั่งนายกรัฐมนตรี
นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุว่าจะมีการโหวตโนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า การที่ใครจะลงคะแนนโหวตโนนั้น ไม่มีความผิด แต่การที่โหวตโนแล้วระบุว่า ไม่เลือกพรรคนั้น เพราะเหตุนั้น เหตุนี้ ทำให้พรรคนั้น ได้ความเสียหายในเรื่องของคะแนนนิยม หากเป็นพรรคการเมืองมีการดำเนินการเช่นนี้ ก็จะเข้าข่ายความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้
ส่วนกรณีที่อาจมีพรรคการเมืองบางพรรค มีการหาเสียงบนสื่อออนไลน์ ในช่วงที่มีพ.ร.ฏ.เลือกตั้ง ในส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม และเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้บ้านเมืองของเราไม่สกปรก เนื่องจากไม่ต้องมีการติดป้ายหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ สร้างความรำคาญทางสายตา ส่วนผู้ที่เข้าดูทางทวิตเตอร์ หรือทางเฟสบุค ก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคน ไม่ใช่คนทั้งหมด อีกทั้งกฎหมายไม่ได้ห้ามหาเสียงทางสื่ออินเตอร์เน็ต เพราะกฎหมายห้ามเฉพาะแต่การหาเสียงผ่านทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ ป้าย แผ่นพับ สิ่งพิมพ์
เมื่อถามหากมีการใส่ร้ายป้ายสีกันผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ตนยอมรับว่าสื่อออนไลน์เป็นสิ่งที่ควบคุมยาก เพราะที่ผ่านมาเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบันฯ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ก็ได้ดำเนินการปิดเว็บไซต์เป็นหมื่นเว็บไซต์ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้หมด
นอกจากนี้ การหาเสียงผ่านทางสถานีวิทยุชุมชน หรือสถานีวิทยุเถื่อน จะเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะต้องมีการสืบสวน เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตรวจสอบยาก อาจจะมีการกลั่นแกล้งจากฝั่งตรงข้าม เพื่อให้มีการยุบพรรค หากสืบสวนสอบสวนได้ว่าพรรคไม่ส่วนเกี่ยวข้องก็ถือว่าไม่มีความผิด
ในวันเดียวกันนี้ เว็บไซต์ เอ็มเอสเอ็น ประเทศไทย (th.msn.com) ผู้ให้บริการ HOTMAIL อีเมลที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก ได้จัดทำแบบสำรวจในหัวข้อ “บุคคลทางการเมืองที่คุณชื่นชอบ และอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ?” หลังจากที่ได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ “ถ้าเลือกตั้งวันนี้คุณจะเลือกพรรคใด” เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จนผลคะแนนปรากฏว่า 53% จะลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนไปแล้วนั้น
ล่าสุดการจัดทำแบบสำรวจในหัวข้อใหม่ เมื่อเวลา 16.37 น. วานนี้ (3 พ.ค.) มีจำนวนผู้ลงคะแนนทั้งสิ้น 3,668 คน ปรากฏว่า 32% เห็นว่า จากตัวเลือกทั้งหมดนี้ ไม่มีคนเหมาะสม ขณะที่ 25% อยากให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นนายกรัฐมนตรี ตามด้วยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ 17% ส่วน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เพียง 14%
ส่วนตัวเลือกอื่นๆ นั้น พบว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แกนนำพรรครักษ์สันติได้ 6% น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 2% นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย และม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ 1% ขณะที่นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานพรรคเพื่อไทย และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนในลำดับท้าย
นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุว่าจะมีการโหวตโนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า การที่ใครจะลงคะแนนโหวตโนนั้น ไม่มีความผิด แต่การที่โหวตโนแล้วระบุว่า ไม่เลือกพรรคนั้น เพราะเหตุนั้น เหตุนี้ ทำให้พรรคนั้น ได้ความเสียหายในเรื่องของคะแนนนิยม หากเป็นพรรคการเมืองมีการดำเนินการเช่นนี้ ก็จะเข้าข่ายความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้
ส่วนกรณีที่อาจมีพรรคการเมืองบางพรรค มีการหาเสียงบนสื่อออนไลน์ ในช่วงที่มีพ.ร.ฏ.เลือกตั้ง ในส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม และเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้บ้านเมืองของเราไม่สกปรก เนื่องจากไม่ต้องมีการติดป้ายหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ สร้างความรำคาญทางสายตา ส่วนผู้ที่เข้าดูทางทวิตเตอร์ หรือทางเฟสบุค ก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคน ไม่ใช่คนทั้งหมด อีกทั้งกฎหมายไม่ได้ห้ามหาเสียงทางสื่ออินเตอร์เน็ต เพราะกฎหมายห้ามเฉพาะแต่การหาเสียงผ่านทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ ป้าย แผ่นพับ สิ่งพิมพ์
เมื่อถามหากมีการใส่ร้ายป้ายสีกันผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ตนยอมรับว่าสื่อออนไลน์เป็นสิ่งที่ควบคุมยาก เพราะที่ผ่านมาเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบันฯ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ก็ได้ดำเนินการปิดเว็บไซต์เป็นหมื่นเว็บไซต์ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้หมด
นอกจากนี้ การหาเสียงผ่านทางสถานีวิทยุชุมชน หรือสถานีวิทยุเถื่อน จะเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะต้องมีการสืบสวน เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตรวจสอบยาก อาจจะมีการกลั่นแกล้งจากฝั่งตรงข้าม เพื่อให้มีการยุบพรรค หากสืบสวนสอบสวนได้ว่าพรรคไม่ส่วนเกี่ยวข้องก็ถือว่าไม่มีความผิด
ในวันเดียวกันนี้ เว็บไซต์ เอ็มเอสเอ็น ประเทศไทย (th.msn.com) ผู้ให้บริการ HOTMAIL อีเมลที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก ได้จัดทำแบบสำรวจในหัวข้อ “บุคคลทางการเมืองที่คุณชื่นชอบ และอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ?” หลังจากที่ได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ “ถ้าเลือกตั้งวันนี้คุณจะเลือกพรรคใด” เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จนผลคะแนนปรากฏว่า 53% จะลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนไปแล้วนั้น
ล่าสุดการจัดทำแบบสำรวจในหัวข้อใหม่ เมื่อเวลา 16.37 น. วานนี้ (3 พ.ค.) มีจำนวนผู้ลงคะแนนทั้งสิ้น 3,668 คน ปรากฏว่า 32% เห็นว่า จากตัวเลือกทั้งหมดนี้ ไม่มีคนเหมาะสม ขณะที่ 25% อยากให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นนายกรัฐมนตรี ตามด้วยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ 17% ส่วน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เพียง 14%
ส่วนตัวเลือกอื่นๆ นั้น พบว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แกนนำพรรครักษ์สันติได้ 6% น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 2% นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย และม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ 1% ขณะที่นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานพรรคเพื่อไทย และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนในลำดับท้าย
