“โฆษกมาร์ค” ชี้ 3 เหตุผล พท.เลื่อนเปิดนโยบาย แนะอย่ามัวดูฤกษ์ เชื่อโพลแดงคว้า 22 ส.ส.กทม.แค่ปั่นตัวเลขสร้างกระแส เชื่อ คนกรุงขยาดแก๊งเผาเมือง หยันบัญชีรายชื่อเพื่อแม้ว รวมสุสานคนแก่ เอาเปรียบให้ ส.ส.เด็ก ลงแบบเขตแทน
วันนี้ (10 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศเลื่อนการเปิดนโยบายพรรคชุดใหญ่ที่จะใช้ในการหาเสียงในวันที่ 24 เม.ย.ว่า คาดว่า เป็นเพราะเหตุผล 3 ข้อ คือ 1.วันดังกล่าวเป็นวันโลกาวินาศตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย เป็นคนที่เชื่อดวงและโชคชะตาราศีอยู่แล้ว จึงไม่ยอมเสี่ยงที่จะใช้วันดังกล่าว 2.ความไม่พร้อมในตัวนโยบายของพรรคเพื่อไทยเอง ที่ไม่สามารถคิดค้นหาแคมเปญนโยบายใหม่ๆ ที่จะชนะใจประชาชนได้ 3.รอจังหวะเวลาให้พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยนโยบายทั้งหมดก่อนแล้ว พรรคเพื่อไทยจะเอานโยบายดังกล่าวมาต่อยอด และเกทับเหมือนกรณีนโยบายเพิ่มค่าแรง 25 เปอร์เซ็นต์ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเอามาเกทับบลัฟเพิ่มเป็นให้วันละ 300 บาท โดยไม่ได้ดูปัจจัย และองค์ประกอบของภาคการผลิต ว่า สามารถทำได้จริงหรือไม่ ดังนั้น จึงขอให้พรรคเพื่อไทยไม่ต้องรอเวลา หรือดูฤกษ์ดูยาม ให้รีบประกาศนโยบายออกมา เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาประกอบการตัดสินใจแต่เนิ่นๆ หากไม่กล้าเปิดเผยนโยบาย และไม่กล้าเปิดตัวหัวหน้าพรรค จะเป็นพรรคการเมืองที่ปากประกาศว่าพร้อมที่จะก้าวสู่สนามเลือกตั้งได้อย่างไร
นายเทพไท กล่าวต่อถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศว่า ได้จัดทำโพลใน กทม.จะได้รับการเลือกตั้งสูงถึง 22 ที่นั่งจาก 33 ที่นั่ง ว่า เป็นเพียงการทำโพลที่ปั่นตัวเลข เพื่อสร้างกระแสในพื้นที่ กทม.เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาโดยเฉพาะในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.ทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งในฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยเอง ยังพ่ายแพ้ต่อพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว ยังไม่รวมนับถึงการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับชัยชนะชนิดถล่มทลาย เชื่อว่า คนกรุงเทพฯจะไม่เลือกพรรคที่สนับสนุนให้มีการเผาบ้านเผาเมืองของตัวเอง เพราะต่างเข็ดขยาดกับพฤติกรรมป่วนเมืองของพรรคเพื่อไทย และกลุ่ม นปช.เพราะพฤติกรรมนั้นยังฝังใจคน กทม.อยู่ หากจะทำโพลวัดการตัดสินใจของคน กทม.ที่แน่นอน จะต้องทำในพฤติกรรมสุดท้ายของการเลือกตั้ง เหมือนกับการเลือกตั้งในปี 50 ที่ผลโพลบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นรองพรรคพลังประชาชนมาโดยตลอด กระทั่งในโค้งสุดท้าย คนกรุงเทพฯมาพลิกตัดสินใจเลือก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ สูงถึง 30 ที่นั่งจาก 36 ที่นั่ง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ความหวาดกลัวว่า เครือข่ายของพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุนคนเสื้อแดงจะกลับมาครอง กทม.และอาจเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาจะยิ่งทำให้ประเทศชาติวุ่นวาย เพราะคน กทม.ต้องการให้ชาติบ้านเมืองสงบและประเทศเดินต่อไปข้างหน้ามากกว่า
ส่วนกระแสข่าวเรื่องการวางตัวผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยนั้น นายเทพไท กล่าวว่า เมื่อดูรายชื่อจากข่าวแล้ว ก็ไม่อยู่เหนือความคาดหมาย พรรคเพื่อไทยกำลังจัดบัญชีรายชื่อในรูปแบบสุสานคนแก่ โดยเอานักการเมืองอาวุโสเข้ามาอยู่ในบัญชีจำนวนมาก เพราะต่างก็ไม่กล้าที่จะลงสมัครแข่งขันในระบบเขตเลือกตั้ง จึงต้องหนีตายเอาเปรียบ ส.ส.เด็กขึ้นมาอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตเป็นพวกนกแล พวกนอมินี เช่น ให้ลูกของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง น้องชายของ นายนพดล ปัทมะ ภรรยาของ นายนิสิต สินธุไพร หลานชายของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเภทวงศาคณาญาติและสาวกใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น แม้แต่แกนนำ นปช.ประเภทปากกล้า ยุยงปลุกปั่นให้มวลชนเผาบ้านเมืองก็แย่งกันลงในระบบบัญชีรายชื่อทั้งสิ้น ส่วนการเปิดเผยทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย เมื่อดูรายชื่อแล้วก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า คนเหล่านี้นิยมชมชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจ และวิตกกังวลแต่อย่างใด ขอเพียงให้ประกาศตัวให้ชัดเจนว่าใครจะอยู่ในสายใด ตำแหน่งใด สมัคร ส.ส.ในระบบไหน เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่รับแต่ประโยนชน์ทางการเมือง แต่สิ่งที่เสียหายจากน้ำมือและความเกี่ยวข้องของคนเหล่านี้ก็ปัดความรับผิดชอบ