นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (2 พ.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อคัดเลือกผู้สมัครส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งทั้ง 375 เขตให้เสร็จสิ้น และคาดว่าจะประกาศรายชื่อภายหลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภา หรือภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพ.ค. ส่วนบัญชีรายชื่อจะทยอยเปิดในภายหลัง
ส่วนกรณีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. ที่จะถูกจับไปขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ ระบุว่าพรรคต้องตอบสังคมให้ได้นั้น ยืนยันว่าสังคมเข้าใจอยู่แล้ว ส.ส.ในพรรคก็ไม่มีการย้ายเข้า หรือย้ายออกเหมือนกับพรรคการเมืองอื่น และรวมถึงพรรคไม่มีการนำลูกเศรษฐี หรือนายทุนเข้ามาทำงาน เพราะพรรคเน้นในเรื่องความรู้ ความสามารถและดวามดี รวมถึงกรณีบุตรบุญธรรมของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ไม่มีสิทธิ์เหนือคนอื่น
ทั้งนี้ เชื่อว่าหากมีการประกาศรายชื่อ ก็จะสามารถสะท้อนความดีความสามารถของผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้
** อัดงบ 3 หมื่นล.ทำ"ชาวนาเข้มแข็ง"
นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่าในวันอังคารที่ 3 พ.ค.นี้ พรรคในฐานะแกนนำรัฐบาลจะเสนอนโยบาย “แผนปฏิบัติการชาวนาเข้มแข็ง” เพื่อให้เกษตรกรปลอดความเสี่ยงในฤดูผลผลิตที่จะถึงนี้ โดยจะมีการจัดเตรียมวงเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) สำหรับการจัดซื้อปุ๋ย และชดเชยราคาต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้นโดยที่เกษตรกรไม่ต้องออกเงิน ซึ่งจะผนวกมาตรการดังกล่าวเข้ากับโครงการประกันรายได้ และจะหักคืนส่วนที่จ่ายล่วงหน้าโดย ธกส. ภายหลังจากที่เกษตรกรได้รับเงินประกันแล้ว
ในส่วนนี้จะมีการจัดเตรียมวงเงิน 2-3 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะให้หลักประกันว่า ต้นทุนราคาปุ๋ยที่สูงขึ้นจะไม่กระทบต่อภาระหนี้สินครอบครัวเกษตรกร
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแนวความคิดจะมีมาตรการประกันภัยพืชผล โดยให้เงินชดเชยในกรณีที่ฤดูการเก็บเกี่ยวมีปัญหาจากภัยธรรมชาติ โดยจะได้รับค่าชดเชยไร่ละ 2,000 บาท จากเงินประกัน 130 บาท ต่อเดือน โดยมีเงื่อนไขว่าเกษตรกรต้องมีส่วนเข้าร่วมอย่างน้อย 60 เปอร์เซนต์ ของจำนวนเกษตรกรที่มีพื้นที่เพาะปลูก
**"มาร์ค"ชี้ปัญหาคัดผู้สมัครเรื่องปกติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการคัดเลือกตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีบางส่วนไม่พอใจ และออกมาแสดงความเห็นค่อนข้างรุนแรงว่า การคัดเลือกผู้สมัครทุกครั้งก็ต้องมีทั้งคนสมหวัง และผิดหวัง เป็นเรื่องปกติธรรมดา อยู่ที่ความสามารถของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และกรรมการคัดเลือกผู้สมัครที่จะดูแล เท่าที่ติดตามดูทุกคนก็เข้าใจดีว่าพรรคจำเป็นต้องตัดสินใจ อย่างเช่น มีผู้สมัคร 2 คนในเขตเดียวกัน มันก็ต้องมีคนหนึ่งที่ไม่สมหวัง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีวินัย และสามารถเสนอมุมมองต่างๆได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า แต่ยังมีบางคนออกมาฟาดงวง ฟาดงา และด่าไปถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำอย่างนั้นเป็นการไม่สมควร อย่างกรณีชองนางสาวอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต ส.ส.นั้น ก็พูดคุยกับตนตลอดเวลา โดยบอกว่าไม่มีการไปให้สัมภาษณ์ ที่จะทำให้พรรคเสียหายแต่กองเชียร์เป็นอีกเรื่องหนึ่งเราก็เข้าใจ เมื่อถามย้ำว่าแต่พี่ชายของนางอรอนงค์ เป็นคนออกมาต่อว่า รุนแรง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นแค่กองเชียร์
**"วิทย์บางแค"โวยถูกดันขึ้นปาร์ตี้ลิสต์
นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาคัดเลือกผู้สมัครส.ส.เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งในจำนวนนี้ มีกรณีตนกับนางอรอนงค์ คล้ายนก ว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวหรือโวยวายในเรื่องดังกล่าว แต่ครั้งนี้จำเป็นต้องพูดก็เพราะมีการปล่อยข่าวออกมาว่าตนจะถูกดันขึ้นระบบบัญชีรายชื่อ ทั้งที่คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคยังไม่ได้สรุป และจะมีการหารืออีกครั้งในวันนี้ (2 พ.ค.)
นายโกวิทย์ กล่าวว่า ตนมีหลักฐานว่าในเขตบางแคนี้ มีมติคณะกรรมการและประธานสาขาพรรค ที่มีมติให้ตนเป็นผู้สมัครส.ส. ด้วยจำนวน 37 เสียง ต่อ 7 เสียง และมติดังกล่าวนี้ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพฯของพรรครับทราบแล้วซึ่งในวันนี้ตัวแทนกรรมการและประธานสาขาเขตบางแคจะนำรายงานมติดังกล่าวไปมอบให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เพื่อขอให้จัดหาคนที่เป็นกลางมาทำโพลสำรวจความนิยมว่า ประชาชนต้องการใคร ตนเป็นคนผลักดันเขตบางแคมากับมือจนได้รับฉายาว่า “วิทย์บางแค แคร์ทุกคน” ซึ่งกว่าจะได้ฉายานี้ต้องทำพื้นที่มานาน
" หากจะดันผมเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ก็ควรบอกล่วงหน้าและให้เกียรติกันบ้าง ไม่ใช่ทำอย่างนี้ ที่วันหนึ่งมีเด็กใหม่มาแทน ก็ชูขึ้นมาและเอาคนเก่าออก เข้าทำนองภาษิตเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล การทำเช่นนี้คนในวงการที่เป็นผู้ใหญ่ ใจนักเลง เขาไม่ทำกัน" นายโกวิทย์ กล่าว
**"เด็กแม่เลี้ยงติ๊ก"ยันแจกหม้อถูกกม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (1 พ.ค.) นายประสงค์ ชุ่มเชย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคณะกรรมการพัฒนาสตรี จ.แพร่ มาแถลงข่าว ชี้แจงกรณีที่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้ระบุว่า มีการซื้อเสียงล่วงหน้าด้วยการแจกหม้อประกอบอาหาร โดยนางศิริรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายประสงค์ จี้แจงว่ากลุ่มแม่บ้านใน จ.แพร่ ได้ทำหนังสือขอการสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน อาทิ หม้อและแก้วน้ำ ตั้งแต่ปี 2552 แต่พวกตนได้รวบรวมเงินให้การสนับสนุนเมื่อปี 2553 จนถึง 6 เดือนก่อนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภา จึงไม่ถือเป็นความผิดในการซื้อเสียงล่วงหน้า ตามข้อกล่าวหา
** แฉกลับ"เด็กแม้ว"แจกขัน
นายประสงค์ กล่าวว่า แต่ปรากฏว่าในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีบางพรรคการเมืองได้มีการแจกขันให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยมีการพิมพ์ชื่อ อดีต ส.ส. และยังมีข้อความอวยพร ที่อ้างว่าเป็นคนตกยากในต่างแดนระบุอยู่ข้างขัน โดยมีการแจกในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่รู้มาตลอดว่า จะมีการยุบสภาในต้นเดือนนี้
ดังนั้นตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนต่อ กกต. ว่าจะเข้าข่ายการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายประสงค์ ยอมรับว่าการเลือกตั้งใน จ.แพร่ มีการแข่งขันสูง โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการส่งนายพงษ์สวัสดิ์ ศุภสิริ น้องชาย นางศิริวรรณ ลงเลือกตั้งในเขต 1 ส่วนเขต 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้ใหญ่ในพรรค ส่วนตนเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าจะลงเลือกตั้งในเขต 3
** พท.ยัน“เจ๊มิ่ง” ยังไม่ทิ้งพรรค
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย มีกระแสข่าวจะย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยว่า ล่าสุดแกนนำพรรคเพื่อไทยได้แจ้งให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทราบว่า นายมิ่งขวัญยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย และจะเดินทางมาร่วมประชุมในสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน และที่สำคัญก็คือกลุ่ม ส.ส.ที่เป็นคนสนิทของนายมิ่งขวัญ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีชื่อลงรับสมัครเลือกตั้งในระบบสัดส่วนทั้งหมดด้วย
ทั้งนี้ จะมี ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความจำนงที่จะย้ายไปมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังจากการประกาศยุบสภาอีกหลายคน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมอีกประมาณ 2-3 พรรค
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า วันที่ 3 พ.ค.นี้ พรรคจะมีการจัดสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมไปถึงจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค แทนผู้ที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้ด้วย
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ทางพรรคภูมิใจไทย ได้มีการประชุมพรรค และมีการกล่าวพาดพิงว่า นโยบาย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ก็มีแต่นายเนวิน ชิดชอบ คิด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน คิด นายสรอรรถ กลิ่นประทุม คิด และนายสุชาติ ตันเจริญ คิด ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนั้น แล้วตอนนี้คนที่คิดก็มาอยู่พรรคภูมิใจไทยหมดแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้คิดเองว่า การออกมาพูดเช่นนี้เหมือนไม่อายปากตัวเอง เพราะคนพวกนี้หากนำไปเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วก็เป็นได้เพียงแค่หิ่งห้อยเท่านั้น
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ล่าสุด นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดคุยผ่านคนใกล้ชิดนายมิ่งขวัญ ซึ่งได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดนายมิ่งขวัญว่า นายมิ่งขวัญ ยังยืนยันจะยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไป และมีความเป็นไปได้ว่าในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคนั้น นายมิ่งขวัญ อาจจะมาร่วมการประชุมด้วย
**"ลูกเหนาะ" ลงส.ส.กทม. เพื่อไทย
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ภาคกทม.ของพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 พ.ค.นั้น เป็นการประกาศให้ประชาชนทราบว่าตัวผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคแต่ละคนนั้นจะทำงานในด้านใดบ้าง ส่วนจะมีบิ๊กเซอร์ไพร์ส หรือไม่นั้น คงจะเป็นเรื่องของนโยบายในการทำงานมากกว่า
ส่วนกรณีของ นายสุรชาติ เทียนทอง บุตรชาย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่มีกระแสข่าวว่า อาจจะไม่มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่าจะมีการเปิดตัวลงสมัครส.ส.กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย ในพื้นที่เขตหลักสี่แน่นอน
นอกจากนี้ ตนยังได้พูดคุยกับส.ส.กทม. ของพรรคการเมืองอื่นๆ อีกด้วย เช่น นางนาถยา เบญจศิริวรรณ หรือ นาถยา แดงบุหงา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยอมรับว่ามีความอึดอัดใจในเรื่องการทำงานทางการเมือง แต่นางนาถยา จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางนาถยาเอง ซึ่งขณะนี้ก็มีโอกาส 50 -50
สำหรับผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยในส่วนของกทม.นั้น ที่ชัดเจนแล้วคือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. นายสมพรต สาระโกเศส นายธวัธชัย สุทธิบงกช และร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ จะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ
**"เนวิน"เย้ยนโยบายเพื่อไทยไม่ได้ใช้
นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เชื่อมั่นว่านโยบายของพรรคจะถูกใจประชาชนแน่นอน เพราะได้สำรวจจากความต้องการของชาวบ้านจริง ๆ เช่น การลดภาษีมูลค่าเพิ่มลงมา 2 % ตรงนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์คือประชาชนทุกครัวเรือน เมื่อไปซื้อสินค้าราคาลดลงมาหมดทุกอย่างหรือการตั้งกองทุนให้ผู้บำเพ็ญประโยชน์ คนที่ทำความดีก็ควรจะได้รางวัลตอบแทน เช่น มูลนิธิอาสาสมัครต่าง ๆ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาลนโยบายที่หาเสียงจะทำอย่างไร นายเนวิน กล่าวว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยก็จะนำนโยบายไปเสนอต่อพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อทำให้เป็นจริงให้ได้
ต่อข้อถามที่ว่าหากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 นายเนวิน กล่าวว่า ก็บอกแล้วว่าเขาทำไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาล ทั้งนี้นายเนวิน ได้กล่าวติดตลกว่า “ พรรคภูมิใจไทยกล้าทำให้คนไทยจริงๆไม่ได้ทำให้คนกัมพูชา ”
ส่วนกรณีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. ที่จะถูกจับไปขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ ระบุว่าพรรคต้องตอบสังคมให้ได้นั้น ยืนยันว่าสังคมเข้าใจอยู่แล้ว ส.ส.ในพรรคก็ไม่มีการย้ายเข้า หรือย้ายออกเหมือนกับพรรคการเมืองอื่น และรวมถึงพรรคไม่มีการนำลูกเศรษฐี หรือนายทุนเข้ามาทำงาน เพราะพรรคเน้นในเรื่องความรู้ ความสามารถและดวามดี รวมถึงกรณีบุตรบุญธรรมของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ไม่มีสิทธิ์เหนือคนอื่น
ทั้งนี้ เชื่อว่าหากมีการประกาศรายชื่อ ก็จะสามารถสะท้อนความดีความสามารถของผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้
** อัดงบ 3 หมื่นล.ทำ"ชาวนาเข้มแข็ง"
นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่าในวันอังคารที่ 3 พ.ค.นี้ พรรคในฐานะแกนนำรัฐบาลจะเสนอนโยบาย “แผนปฏิบัติการชาวนาเข้มแข็ง” เพื่อให้เกษตรกรปลอดความเสี่ยงในฤดูผลผลิตที่จะถึงนี้ โดยจะมีการจัดเตรียมวงเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) สำหรับการจัดซื้อปุ๋ย และชดเชยราคาต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้นโดยที่เกษตรกรไม่ต้องออกเงิน ซึ่งจะผนวกมาตรการดังกล่าวเข้ากับโครงการประกันรายได้ และจะหักคืนส่วนที่จ่ายล่วงหน้าโดย ธกส. ภายหลังจากที่เกษตรกรได้รับเงินประกันแล้ว
ในส่วนนี้จะมีการจัดเตรียมวงเงิน 2-3 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะให้หลักประกันว่า ต้นทุนราคาปุ๋ยที่สูงขึ้นจะไม่กระทบต่อภาระหนี้สินครอบครัวเกษตรกร
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแนวความคิดจะมีมาตรการประกันภัยพืชผล โดยให้เงินชดเชยในกรณีที่ฤดูการเก็บเกี่ยวมีปัญหาจากภัยธรรมชาติ โดยจะได้รับค่าชดเชยไร่ละ 2,000 บาท จากเงินประกัน 130 บาท ต่อเดือน โดยมีเงื่อนไขว่าเกษตรกรต้องมีส่วนเข้าร่วมอย่างน้อย 60 เปอร์เซนต์ ของจำนวนเกษตรกรที่มีพื้นที่เพาะปลูก
**"มาร์ค"ชี้ปัญหาคัดผู้สมัครเรื่องปกติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการคัดเลือกตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีบางส่วนไม่พอใจ และออกมาแสดงความเห็นค่อนข้างรุนแรงว่า การคัดเลือกผู้สมัครทุกครั้งก็ต้องมีทั้งคนสมหวัง และผิดหวัง เป็นเรื่องปกติธรรมดา อยู่ที่ความสามารถของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และกรรมการคัดเลือกผู้สมัครที่จะดูแล เท่าที่ติดตามดูทุกคนก็เข้าใจดีว่าพรรคจำเป็นต้องตัดสินใจ อย่างเช่น มีผู้สมัคร 2 คนในเขตเดียวกัน มันก็ต้องมีคนหนึ่งที่ไม่สมหวัง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีวินัย และสามารถเสนอมุมมองต่างๆได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า แต่ยังมีบางคนออกมาฟาดงวง ฟาดงา และด่าไปถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำอย่างนั้นเป็นการไม่สมควร อย่างกรณีชองนางสาวอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต ส.ส.นั้น ก็พูดคุยกับตนตลอดเวลา โดยบอกว่าไม่มีการไปให้สัมภาษณ์ ที่จะทำให้พรรคเสียหายแต่กองเชียร์เป็นอีกเรื่องหนึ่งเราก็เข้าใจ เมื่อถามย้ำว่าแต่พี่ชายของนางอรอนงค์ เป็นคนออกมาต่อว่า รุนแรง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นแค่กองเชียร์
**"วิทย์บางแค"โวยถูกดันขึ้นปาร์ตี้ลิสต์
นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาคัดเลือกผู้สมัครส.ส.เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งในจำนวนนี้ มีกรณีตนกับนางอรอนงค์ คล้ายนก ว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวหรือโวยวายในเรื่องดังกล่าว แต่ครั้งนี้จำเป็นต้องพูดก็เพราะมีการปล่อยข่าวออกมาว่าตนจะถูกดันขึ้นระบบบัญชีรายชื่อ ทั้งที่คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคยังไม่ได้สรุป และจะมีการหารืออีกครั้งในวันนี้ (2 พ.ค.)
นายโกวิทย์ กล่าวว่า ตนมีหลักฐานว่าในเขตบางแคนี้ มีมติคณะกรรมการและประธานสาขาพรรค ที่มีมติให้ตนเป็นผู้สมัครส.ส. ด้วยจำนวน 37 เสียง ต่อ 7 เสียง และมติดังกล่าวนี้ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพฯของพรรครับทราบแล้วซึ่งในวันนี้ตัวแทนกรรมการและประธานสาขาเขตบางแคจะนำรายงานมติดังกล่าวไปมอบให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เพื่อขอให้จัดหาคนที่เป็นกลางมาทำโพลสำรวจความนิยมว่า ประชาชนต้องการใคร ตนเป็นคนผลักดันเขตบางแคมากับมือจนได้รับฉายาว่า “วิทย์บางแค แคร์ทุกคน” ซึ่งกว่าจะได้ฉายานี้ต้องทำพื้นที่มานาน
" หากจะดันผมเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ก็ควรบอกล่วงหน้าและให้เกียรติกันบ้าง ไม่ใช่ทำอย่างนี้ ที่วันหนึ่งมีเด็กใหม่มาแทน ก็ชูขึ้นมาและเอาคนเก่าออก เข้าทำนองภาษิตเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล การทำเช่นนี้คนในวงการที่เป็นผู้ใหญ่ ใจนักเลง เขาไม่ทำกัน" นายโกวิทย์ กล่าว
**"เด็กแม่เลี้ยงติ๊ก"ยันแจกหม้อถูกกม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (1 พ.ค.) นายประสงค์ ชุ่มเชย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคณะกรรมการพัฒนาสตรี จ.แพร่ มาแถลงข่าว ชี้แจงกรณีที่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้ระบุว่า มีการซื้อเสียงล่วงหน้าด้วยการแจกหม้อประกอบอาหาร โดยนางศิริรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายประสงค์ จี้แจงว่ากลุ่มแม่บ้านใน จ.แพร่ ได้ทำหนังสือขอการสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน อาทิ หม้อและแก้วน้ำ ตั้งแต่ปี 2552 แต่พวกตนได้รวบรวมเงินให้การสนับสนุนเมื่อปี 2553 จนถึง 6 เดือนก่อนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภา จึงไม่ถือเป็นความผิดในการซื้อเสียงล่วงหน้า ตามข้อกล่าวหา
** แฉกลับ"เด็กแม้ว"แจกขัน
นายประสงค์ กล่าวว่า แต่ปรากฏว่าในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีบางพรรคการเมืองได้มีการแจกขันให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยมีการพิมพ์ชื่อ อดีต ส.ส. และยังมีข้อความอวยพร ที่อ้างว่าเป็นคนตกยากในต่างแดนระบุอยู่ข้างขัน โดยมีการแจกในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่รู้มาตลอดว่า จะมีการยุบสภาในต้นเดือนนี้
ดังนั้นตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนต่อ กกต. ว่าจะเข้าข่ายการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายประสงค์ ยอมรับว่าการเลือกตั้งใน จ.แพร่ มีการแข่งขันสูง โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการส่งนายพงษ์สวัสดิ์ ศุภสิริ น้องชาย นางศิริวรรณ ลงเลือกตั้งในเขต 1 ส่วนเขต 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้ใหญ่ในพรรค ส่วนตนเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าจะลงเลือกตั้งในเขต 3
** พท.ยัน“เจ๊มิ่ง” ยังไม่ทิ้งพรรค
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย มีกระแสข่าวจะย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยว่า ล่าสุดแกนนำพรรคเพื่อไทยได้แจ้งให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทราบว่า นายมิ่งขวัญยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย และจะเดินทางมาร่วมประชุมในสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน และที่สำคัญก็คือกลุ่ม ส.ส.ที่เป็นคนสนิทของนายมิ่งขวัญ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีชื่อลงรับสมัครเลือกตั้งในระบบสัดส่วนทั้งหมดด้วย
ทั้งนี้ จะมี ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความจำนงที่จะย้ายไปมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังจากการประกาศยุบสภาอีกหลายคน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมอีกประมาณ 2-3 พรรค
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า วันที่ 3 พ.ค.นี้ พรรคจะมีการจัดสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมไปถึงจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค แทนผู้ที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้ด้วย
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ทางพรรคภูมิใจไทย ได้มีการประชุมพรรค และมีการกล่าวพาดพิงว่า นโยบาย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ก็มีแต่นายเนวิน ชิดชอบ คิด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน คิด นายสรอรรถ กลิ่นประทุม คิด และนายสุชาติ ตันเจริญ คิด ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนั้น แล้วตอนนี้คนที่คิดก็มาอยู่พรรคภูมิใจไทยหมดแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้คิดเองว่า การออกมาพูดเช่นนี้เหมือนไม่อายปากตัวเอง เพราะคนพวกนี้หากนำไปเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วก็เป็นได้เพียงแค่หิ่งห้อยเท่านั้น
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ล่าสุด นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดคุยผ่านคนใกล้ชิดนายมิ่งขวัญ ซึ่งได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดนายมิ่งขวัญว่า นายมิ่งขวัญ ยังยืนยันจะยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไป และมีความเป็นไปได้ว่าในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคนั้น นายมิ่งขวัญ อาจจะมาร่วมการประชุมด้วย
**"ลูกเหนาะ" ลงส.ส.กทม. เพื่อไทย
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ภาคกทม.ของพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 พ.ค.นั้น เป็นการประกาศให้ประชาชนทราบว่าตัวผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคแต่ละคนนั้นจะทำงานในด้านใดบ้าง ส่วนจะมีบิ๊กเซอร์ไพร์ส หรือไม่นั้น คงจะเป็นเรื่องของนโยบายในการทำงานมากกว่า
ส่วนกรณีของ นายสุรชาติ เทียนทอง บุตรชาย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่มีกระแสข่าวว่า อาจจะไม่มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่าจะมีการเปิดตัวลงสมัครส.ส.กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย ในพื้นที่เขตหลักสี่แน่นอน
นอกจากนี้ ตนยังได้พูดคุยกับส.ส.กทม. ของพรรคการเมืองอื่นๆ อีกด้วย เช่น นางนาถยา เบญจศิริวรรณ หรือ นาถยา แดงบุหงา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยอมรับว่ามีความอึดอัดใจในเรื่องการทำงานทางการเมือง แต่นางนาถยา จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางนาถยาเอง ซึ่งขณะนี้ก็มีโอกาส 50 -50
สำหรับผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยในส่วนของกทม.นั้น ที่ชัดเจนแล้วคือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. นายสมพรต สาระโกเศส นายธวัธชัย สุทธิบงกช และร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ จะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ
**"เนวิน"เย้ยนโยบายเพื่อไทยไม่ได้ใช้
นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เชื่อมั่นว่านโยบายของพรรคจะถูกใจประชาชนแน่นอน เพราะได้สำรวจจากความต้องการของชาวบ้านจริง ๆ เช่น การลดภาษีมูลค่าเพิ่มลงมา 2 % ตรงนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์คือประชาชนทุกครัวเรือน เมื่อไปซื้อสินค้าราคาลดลงมาหมดทุกอย่างหรือการตั้งกองทุนให้ผู้บำเพ็ญประโยชน์ คนที่ทำความดีก็ควรจะได้รางวัลตอบแทน เช่น มูลนิธิอาสาสมัครต่าง ๆ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาลนโยบายที่หาเสียงจะทำอย่างไร นายเนวิน กล่าวว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยก็จะนำนโยบายไปเสนอต่อพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อทำให้เป็นจริงให้ได้
ต่อข้อถามที่ว่าหากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 นายเนวิน กล่าวว่า ก็บอกแล้วว่าเขาทำไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาล ทั้งนี้นายเนวิน ได้กล่าวติดตลกว่า “ พรรคภูมิใจไทยกล้าทำให้คนไทยจริงๆไม่ได้ทำให้คนกัมพูชา ”