๐๐ แม้ว่านายทหารทั้งของไทย ที่นำโดย แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร กับแม่ทัพในพื้นที่ของกัมพูชา พล.ต.เจียมอญ มีการเจรจาจนนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิง 6 ข้อ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความดีใจกันยกใหญ่ในทุกระดับ ทั้งนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำกองทัพ ร.ม.ว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าหลังจากนั้นฝ่ายเขมรก็ยังยิงถล่มไล่หลังอยู่ทุกวัน จนทำให้ทหารไทย และราษฎรไทย ตายเจ็บอยู่ทุกวัน ทำให้ยังข้องใจอยู่ว่าไปทำข้อตกลงหยุดยิง “ภาษาอะไร” ถึงได้ผลออกมาแบบนี้
๐๐ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของ “ผู้นำ” ของรัฐบาลไทย และกองทัพไทย ที่ไม่อาจคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านตามแนวชายแดน จนต้องอพยพหนีตายกันรายวัน ที่สำคัญไม่สามารถสร้าง “แนวป้องกัน” รักษาอธิปไตยที่ฝ่ายตรงข้ามล่วงละเมิดได้เลย ขณะเดียวกันในเมื่ออ้างว่า การปะทะคราวนี้ฝ่าย “กัมพูชาเริ่มก่อน” มันก็มีความชอบธรรม ที่จะต้องมีมาตรการตอบโต้ที่สาสม แต่นี่กลับประกาศ “มัดคอ” ตัวเองว่าจะตอบโต้ใน “วงจำกัด” หรือ “ตามความเหมาะสม” เท่านั้น กลายเป็นว่า ได้แต่นั่งรอว่าเมื่อไหร่ที่ทหารกัมพูชายิงถล่มเข้ามาจะได้ยิงตอบโต้กลับไปเท่านั้น ก็อย่าได้แปลกใจที่จะได้เห็นทหารไทย และราษฎรตามแนวชายแดนต้องสังเวย บาดเจ็บกันนับสิบ ตายกันไปหลายศพ หาความปลอดภัยไม่ได้เลย ทำเหมือนกับว่า ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้กำหนดชะตากรรม ซึ่งทางที่ดีน่าจะวิงวอนขอความเมตตาให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย ทุด !!
๐๐ แม้ปากจะบอกว่าไม่ใช่ “หาเสียง” ไม่เอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม ได้ยินเสียงยืนยันออกมาจากปากของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วก็ชวนเคลิบเคลิ้ม มองในแง่ดี แต่เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงแล้วถือว่า “มันตรงกันข้าม” คนละเรื่อง เพราะนี่คือการ “ทิ้งทวน” กันในนาทีสุดท้าย เพราะการที่บอกว่าจะปลดป้ายหาเสียงที่ปรากฏภาพของนักการเมือง ที่ออกมาในลักษณะ “โฆษณาแฝง” ใช้งบทางการหาเสียงแบบหน้าด้านๆ สิ่งเหล่านี้ถ้าลองไม่เอาออกสิ มีหวังโดน “ใบแดง” แน่
๐๐ แน่นอนแล้วว่า หลังการประชุม ครม.นัดสุดท้ายจะมีรายการ “ทิ้งทวน” กันสารพัดโครงการ ทั้งฝ่ายกองทัพและพลเรือน โดยเฉพาะกระทรวงหลักๆ ต่างรีบเสนอตั้งแท่นเข้ามาเพื่อรอการต่อยอดกันต่อไป จับตาดูให้ดีก็แล้วกัน จากนั้นก็จะมีการยุบสภา และคาดว่าน่าจะดีเดย์ ในวันที่ 6 พ.ค. บรรดา “นักเลือกตั้ง” ก็เริ่มเคลื่อนไหวกันคึกคัก มีการย้ายพรรค เปิดตัวกันเป็นว่าเล่น ที่สำคัญมีการซื้อขาย ปั่นราคา ถือว่าเป็นช่วง “นาทีทอง” บางคนมีพฤติกรรมไม่ต่างจาก “โสเภณี” เพียงแต่คนพวกนี้ดันเรียกตัวเองว่าผู้ทรงเกียรติเท่านั้นเอง
๐๐ ต้องยอมรับว่ากระแส “โหวตโน” เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อพิจารณาทอดสายตาไปทั่วแล้ว เชื่อว่าหลายคนแทบจะหมดหวังกับบรรดานักเลือกตั้งที่เสนอหน้าออกมา ลักษณะไม่ต่างจาก “อัปปรีย์” กำลังจะไป “จัญไร” กำลังจะเข้ามา “ชำเรา” ประเทศอีกรอบ และคราวนี้หากสามารถใช้การเลือกตั้ง “ฟอกความผิด” ได้สำเร็จ บ้านเมืองก็จะหนักหนาสาหัสกว่าเดิม
๐๐ฝ่ายที่ “สะดุ้ง” มากที่สุดกับกระแสดังกล่าว จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะรู้สัญญาณโดยธรรมชาติว่าต้อง “กระทบ” เข้าไปเต็มๆ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะในเมื่ออยู่ไปก็สร้างความหวังอะไรให้ชาวบ้านไม่ได้ ชาวบ้านก็คงไม่ยอมให้ถูกนำเป็นเครื่องมือของนักการเมืองอีกต่อไปแล้ว แม้จะรู้ว่ารายการแบบนี้ “หวย” ไปตกอยู่ที่ฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เพราะเสียงของคนเสื้อแดง ถึงอย่างไรก็ยังเหนียวแน่นพอสมควร คงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก
๐๐หลายคนคงเชื่อว่า หากสภาพการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้รับรองว่า “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร คงจะแอบอยู่ข้างหลังพรรคเพื่อไทย “เข้าวิน” อย่างแน่นอน เพราะงานนี้มีการ “ทุ่มลงทุน” อีกครั้ง เพราะนี่คือโอกาสที่จะ “กลับมา” เข้าสู่วงการอีกรอบ โดยวิธีการที่ “เอาเปรียบ” นั่นคือ ทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษเหมือนคนอื่น และโอกาสที่จะฉกฉวยเพื่อ “พลิกฟ้าคว่ำดิน” ได้ในคราวเดียวกันดังที่ “อาฆาต” เอาไว้ นับตั้งแต่ถูกถีบพ้นจากอำนาจเมื่อปี 49 !!
๐๐ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของ “ผู้นำ” ของรัฐบาลไทย และกองทัพไทย ที่ไม่อาจคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านตามแนวชายแดน จนต้องอพยพหนีตายกันรายวัน ที่สำคัญไม่สามารถสร้าง “แนวป้องกัน” รักษาอธิปไตยที่ฝ่ายตรงข้ามล่วงละเมิดได้เลย ขณะเดียวกันในเมื่ออ้างว่า การปะทะคราวนี้ฝ่าย “กัมพูชาเริ่มก่อน” มันก็มีความชอบธรรม ที่จะต้องมีมาตรการตอบโต้ที่สาสม แต่นี่กลับประกาศ “มัดคอ” ตัวเองว่าจะตอบโต้ใน “วงจำกัด” หรือ “ตามความเหมาะสม” เท่านั้น กลายเป็นว่า ได้แต่นั่งรอว่าเมื่อไหร่ที่ทหารกัมพูชายิงถล่มเข้ามาจะได้ยิงตอบโต้กลับไปเท่านั้น ก็อย่าได้แปลกใจที่จะได้เห็นทหารไทย และราษฎรตามแนวชายแดนต้องสังเวย บาดเจ็บกันนับสิบ ตายกันไปหลายศพ หาความปลอดภัยไม่ได้เลย ทำเหมือนกับว่า ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้กำหนดชะตากรรม ซึ่งทางที่ดีน่าจะวิงวอนขอความเมตตาให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย ทุด !!
๐๐ แม้ปากจะบอกว่าไม่ใช่ “หาเสียง” ไม่เอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม ได้ยินเสียงยืนยันออกมาจากปากของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วก็ชวนเคลิบเคลิ้ม มองในแง่ดี แต่เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงแล้วถือว่า “มันตรงกันข้าม” คนละเรื่อง เพราะนี่คือการ “ทิ้งทวน” กันในนาทีสุดท้าย เพราะการที่บอกว่าจะปลดป้ายหาเสียงที่ปรากฏภาพของนักการเมือง ที่ออกมาในลักษณะ “โฆษณาแฝง” ใช้งบทางการหาเสียงแบบหน้าด้านๆ สิ่งเหล่านี้ถ้าลองไม่เอาออกสิ มีหวังโดน “ใบแดง” แน่
๐๐ แน่นอนแล้วว่า หลังการประชุม ครม.นัดสุดท้ายจะมีรายการ “ทิ้งทวน” กันสารพัดโครงการ ทั้งฝ่ายกองทัพและพลเรือน โดยเฉพาะกระทรวงหลักๆ ต่างรีบเสนอตั้งแท่นเข้ามาเพื่อรอการต่อยอดกันต่อไป จับตาดูให้ดีก็แล้วกัน จากนั้นก็จะมีการยุบสภา และคาดว่าน่าจะดีเดย์ ในวันที่ 6 พ.ค. บรรดา “นักเลือกตั้ง” ก็เริ่มเคลื่อนไหวกันคึกคัก มีการย้ายพรรค เปิดตัวกันเป็นว่าเล่น ที่สำคัญมีการซื้อขาย ปั่นราคา ถือว่าเป็นช่วง “นาทีทอง” บางคนมีพฤติกรรมไม่ต่างจาก “โสเภณี” เพียงแต่คนพวกนี้ดันเรียกตัวเองว่าผู้ทรงเกียรติเท่านั้นเอง
๐๐ ต้องยอมรับว่ากระแส “โหวตโน” เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อพิจารณาทอดสายตาไปทั่วแล้ว เชื่อว่าหลายคนแทบจะหมดหวังกับบรรดานักเลือกตั้งที่เสนอหน้าออกมา ลักษณะไม่ต่างจาก “อัปปรีย์” กำลังจะไป “จัญไร” กำลังจะเข้ามา “ชำเรา” ประเทศอีกรอบ และคราวนี้หากสามารถใช้การเลือกตั้ง “ฟอกความผิด” ได้สำเร็จ บ้านเมืองก็จะหนักหนาสาหัสกว่าเดิม
๐๐ฝ่ายที่ “สะดุ้ง” มากที่สุดกับกระแสดังกล่าว จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะรู้สัญญาณโดยธรรมชาติว่าต้อง “กระทบ” เข้าไปเต็มๆ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะในเมื่ออยู่ไปก็สร้างความหวังอะไรให้ชาวบ้านไม่ได้ ชาวบ้านก็คงไม่ยอมให้ถูกนำเป็นเครื่องมือของนักการเมืองอีกต่อไปแล้ว แม้จะรู้ว่ารายการแบบนี้ “หวย” ไปตกอยู่ที่ฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เพราะเสียงของคนเสื้อแดง ถึงอย่างไรก็ยังเหนียวแน่นพอสมควร คงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก
๐๐หลายคนคงเชื่อว่า หากสภาพการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้รับรองว่า “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร คงจะแอบอยู่ข้างหลังพรรคเพื่อไทย “เข้าวิน” อย่างแน่นอน เพราะงานนี้มีการ “ทุ่มลงทุน” อีกครั้ง เพราะนี่คือโอกาสที่จะ “กลับมา” เข้าสู่วงการอีกรอบ โดยวิธีการที่ “เอาเปรียบ” นั่นคือ ทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษเหมือนคนอื่น และโอกาสที่จะฉกฉวยเพื่อ “พลิกฟ้าคว่ำดิน” ได้ในคราวเดียวกันดังที่ “อาฆาต” เอาไว้ นับตั้งแต่ถูกถีบพ้นจากอำนาจเมื่อปี 49 !!