xs
xsm
sm
md
lg

เพราะ “มาร์ค” จะไปเลือกตั้งทำให้ทหารรบแบบจำกัด ถูกถล่มตาย-เจ็บรายวัน!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าประเด็นร้อน

ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับการเร่งรีบจะไปเลือกตั้ง เพื่อ “เผ่นหนีเอาตัวรอด” ของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดนระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชาที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาถึงการเจรจาหยุดยิงทำให้มองภาพออกมาเป็นแบบนั้นจริง ทำราวกับว่าฝ่ายไทยกำลังทำทุกทางเพื่อให้มีการเจรจาหยุดให้ได้ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาก็ต้องการยื้อให้ยืดเยื้อให้นานที่สุด

สรุปความหมายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การปะทะทุกครั้งโดยเฉพาะคราวนี้ ฝ่ายไทยยอมเสียเปรียบทุกอย่าง เพื่อให้การปะทะหรือการสู้รบยุติโดยเร็วที่สุด

ภาพที่ออกมาในการเจรจาครั้งนี้ ดูเหมือนฝ่ายไทยเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อ ทั้งคำพูดของผู้นำรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่ย้ำว่า “จะตอบโต้ตามความเหมาะสม” หรือ “จะตอบโต้ตามความจำเป็น” ขณะที่ฝ่ายผู้นำทหารก็ดูจะอดกลั้นผิดปกติเหมือนกับรอให้ฝ่ายตรงข้ามยิงเข้ามาก่อนแล้วค่อยตอบโต้ หรือแม้กระทั่งยอมให้ทหารไทยได้เสียชีวิตได้รับบาดเจ็บไปก่อนแล้วถึงค่อยตอบโต้กลับไป หรือบางครั้งแม้จะถูกยิงถล่มก็ยังสั่งให้อดทนเอาไว้

สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าพิจารณากันตามหลักการระหว่างประเทศที่มีปัญหาความขัดแย้งในเรื่องเขตแดนจนเกิดการปะทะสู้รบ เมื่อถึงเวลาก็จำเป็นที่จะต้องรุกรบให้เด็ดขาดกันไปก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันในเรื่องเจรจา เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องหนีไม่พ้น ต้องลงเอยที่การพูดจากันอยู่แล้ว ส่วนจะมีประเทศที่ 3 มีองค์การระหว่างประเทศ อย่างสหประชาชาติ องค์กรในภูมิภาคเข้ามาไกล่เกลี่ยหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งในภายหลัง

แต่กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชาตั้งแต่เริ่มต้นปะทะโดยเฉพาะครั้งล่าสุดนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 เมษายนเป็นต้นมาต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ (3 พฤษภาคม) แม้ว่าเราจะถูกยิงถล่มโจมตีก่อน ทำให้มีทหารต้องบาดเจ็บล้มตาย หากนับจำนวนศพทหารที่มีการสรุปยอดออกมาก็รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 8 นาย บาดเจ็บอีกเกือบร้อยนาย ขณะที่ชาวบ้านก็เสียชีวิต บาดเจ็บต้องกลายเป็นผู้อพยพหนีภัยสงครามอีกนับหมื่น แต่ผู้นำรัฐบาลทั้งนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็บอกว่าให้ตอบโต้ตามสมควร ขณะที่ผู้นำกองทัพที่ไล่เรียงลงมาตั้งแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการทหารบกก็เน้นย้ำในเรื่องเจรจาหยุดยิงเอาไว้ก่อน แม้ว่าจะทำท่าขึงขังตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากคุยโม้ประมาณว่า “ถ้าจะรบให้ชนะนั้นทำได้ไม่ยาก เมื่อไหร่ก็ได้” แต่เมื่อได้ยินข่าวที่รายงานเข้ามาจากพื้นที่กลับปรากฏว่ามีทหารไทยถูกลอบยิงตาย-เจ็บรายวัน

ล่าสุด แม้ว่าจะให้แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาครยอม “ค้อมหัวมุดรั้ว” เข้าไปเจรจากับผู้บัญชาการทหารกัมพูชาในพื้นที่ มีการรับปากรับคำกันอย่างดี มีการข้อตกลงหยุดยิงออกมา 6 ข้อที่เปิดเผยโดยกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ผลออกมาตามคาดว่าเราต้อง “เสียเปรียบ” ตามเคย แต่หลังจากนั้นก็ยังมีการลอบยิงจนมีการสูญเสียเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ซึ่งข้ออ้างที่ออกมาจากปากของผู้นำทหารไทยว่าเป็นเพราะทหารนอกแถวของฝ่ายโน้นที่ไร้ระเบียบวินัย แต่คำถามก็คือทำไมมันถึงได้เกิดขึ้นซ้ำซาก โดยที่แก้ไขไม่ได้เลย

นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่เป็น “พิรุธ” อีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำไมถึงได้เร่งรีบปิดศูนย์อพยพแล้วเร่งผลักดันให้ชาวบ้านกลับไปยังพื้นที่ เหมือนให้ “ไปตายเอาดาบหน้า” จริงอยู่ ต้องยอมรับความจริงว่า ชาวบ้านเหล่านั้นไม่อยากเป็นผู้อพยพอยากกลับไปดูถิ่นฐานบ้านช่อง ดูแลตรวจสอบทรัพย์สิน แต่ในเมื่อสถานการณ์ยังควบคุมไม่ได้เต็มร้อยแล้วยังดันทุรัง ทำราวกับว่านี่คือการสร้างภาพเพื่อตบตาให้เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาในพื้นที่ ไร้การปะทะตามที่ข่าวที่ปรากฏออกมาว่ามีการเจรจาทำความเข้าใจกันดีแล้ว

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องแปลก และน่าสงสัย อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากองค์ประกอบที่เป็นอยู่และกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าทำให้พอเข้าเค้าได้เหมือนกันว่าทำไมการรบของทหารไทยจึงออกมาในลักษณะขีดวงจำกัดแบบนี้

เพราะถ้าบังเอิญหันมองปฏิทินการเมืองก็จะพบว่าอีกไม่กี่วันก็จะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่กันแล้ว เพราะเมื่อทบทวนคำพูดของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ย้ำว่าจะมีการยุบสภาในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมซึ่งก็คงไม่เกินวันที่ 6 พฤษภาคม แม้ว่าล่าสุดก็อาจเป็นไปได้เหมือนกันว่าต้องเลื่อนออกไปอีก 2-3 วันเพราะศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพิจารณากฎหมายลูก 3 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคม แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องมีการยุบสภาเลือกตั้งภายในเดือนนี้แน่นอน (ล่าสุดมีรายงานว่านายกฯได้ทูลเกล้าฯยุบสภาแล้ว)

สิ่งเหล่านี้ทำให้เป็นข้อน่าสังเกตหรือเปล่าว่า ทั้งฝ่ายการเมืองคือรัฐบาล นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง เพื่อพิสูจน์ตัวเองกลับมาอีกรอบ ขณะที่เรื่องอื่นให้ “พักเอาไว้ก่อน” ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องอธิปไตยของชาติที่รอไม่ได้ก็ตาม ขณะที่ฝ่ายผู้นำกองทัพก็รู้สึกว่า “สถานะของตัวเองไม่ชัวร์” จึงไม่อยากเสี่ยงถลำตัวเองลงลึกไปมากจนเกินพอดี ผลจึงออกมาในลักษณ์การรบแบบมีขีดจำกัดอย่างที่เห็นหรือไม่

เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงแล้วย่อมมองออกว่าหลังการเลือกตั้งโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบนั้นถือว่า “ริบหรี่” เต็มทน ดังนั้นคิดหรือว่าคนอย่างผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะประเมินสถานการณ์ไม่ออก ดังนั้นภาพจึงน่าจะออกมาแบบรบไปดูทิศทางลมกันไป หรืออย่างน้อยก็ประคองสถานการณ์ให้อยู่ในความควบคุมให้มากที่สุด อย่างน้อยต้องรอหลังเลือกตั้งและตั้งรัฐบาลใหม่

ภาพที่ออกมาแบบสรุปให้เห็นภาพก็คือ ในเมื่อนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์จะรีบไปเลือกตั้ง มันก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้ผู้นำกองทัพบางคนที่หวั่นไหวต่อสถานะตัวเองในอนาคตจะต้องออกรบแบบเหลียวหน้าแลหลังอยู่ตลอดเวลา เพราะดูแนวโน้มแล้วเริ่มมองออกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนขั้วกันใหม่มีสูงยิ่ง

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งจากท่าทีของผู้นำรัฐบาล และผู้นำกองทัพที่เกิดขึ้นซ้ำซากต่อเนื่องมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมองแบบนั้น เพราะถือว่าผิดวิสัย และเป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้ทหารไทยต้องเสียชีวิตบาดเจ็บรายวัน ชาวบ้านต้องหนีตาย แต่กลับสั่งให้อดกลั้นอย่าตอบโต้ หรืออย่างมากแค่อยู่ในวงจำกัด ยอมได้แม้กระทั่งถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากสังคมรอบข้างในความไม่เด็ดขาด แต่คนพวกนี้ก็ยังเฉย เอาหูทวนลม นั่นก็แสดงให้เห็นว่านาทีนี้พวกเขาไม่อยากเสี่ยง รักษาสถานะเดิมของตัวเองเอาไว้ก่อนดีกว่า!!
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น