นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย กล่าวถึงกรณที่นายกรัฐมนตรี และพรรคการเมืองจะมาหารือกับ กกต. ในวันที่ 2 พ.ค. ถึงระเบียบและข้อควรปฏิบัติระหว่างช่วงเวลาหาเสียงว่า กกต.ได้เตรียมหลักการเอาไว้แล้ว ทั้งในเรื่องค่าใช้จ่าย และการซักซ้อมทำความเข้าใจการหาเสียง โดยเฉพาะการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น เฟซบุ๊ค และการกล่าวอ้างถึงสถาบันฯ มาเป็นประโยชน์ในการหาเสียงว่าจะมีขอบเขตในการจะนำไปหาเสียงได้แค่ไหน
อย่างไรก็ตาม กกต.เชื่อว่าจะให้ความชัดเจนกับผู้สมัคร และพรรคการเมืองเพื่อให้ความมั่นใจว่าจะกระทำได้ หรือไม่ได้ โดย กกต.อยากฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองเพื่อนำข้อมูลต่างๆที่ได้จากการหารือมาประกอบการพิจารณาว่าระเบียบที่ออกมานั้นจะตึงหรือหย่อนไปหรือไม่
การที่ กกต.ได้ปรับระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงฯ โดยนำเรื่องสถาบันฯ มาไว้ในข้อควรปฏิบัติในการเลือกตั้งนั้น เพราะกกต.คิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่เหนือการเมือง ซึ่งนักการเมืองและประชาชนย่อมเทิดทูน ไม่ล่วงละเมิดแก่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว โดยตามหลักนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในระเบียบก็ได้ ซึ่งก็มี กกต.บางคนก็เห็นเช่นนั้น แต่เนื่องจากหลายฝ่ายยังคงมีข้อสงสัยว่า จะควรทำได้แค่ไหน ตามที่กฎหมายกำหนด หากกำหนดไว้ในข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้งอย่างเดียว ก็จะทำให้ดูแข็งกร้าวไป จึงเห็นควรใช้เป็นข้อควรที่มิบังควรนำสถาบันฯ ไปหาเสียงแทนจะเหมาะสมกว่า ซึ่งหากนำไปไว้ในข้อห้ามนั้น จะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นถ้าผู้สมัครจะเทิดทูนสถาบันฯ เราจะไปขัดขวางการแสดงความจงรักภักดีไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบได้ จึงเห็นควรให้เป็นข้อควรปฏิบัติแทน ซึ่งจะทำให้ผู้สมัครและพรรคการเมือง ตระหนักว่าควรจะทำอย่างไร และเชื่อว่าผู้สมัครจะมีวิจารณญาณมากกว่าบุคคลทั่วไปอยู่แล้ว
" การปรับแก้ให้นำเรื่องสถาบันฯ ไว้ในข้อควรปฏิบัตินั้น ข้อควรปฏิบัติจะไม่มีสภาพบังคับเหมือนให้ปฏิบัติเหมือนข้อห้าม แต่กกต.ก็จะดูว่าจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สงบเรียบร้อย ส่วนมาตรการอื่นๆ อาจจะนำมาใช้ร่วมด้วยได้ แค่บอกว่ามิบังควรในข้อควรปฏิบัติก็ถือว่าโทษก็ไม่ได้เบาไปกว่าข้อห้าม " นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีพรรคการเมืองนำประเด็นเทิดทูนสถาบันฯ มาเป็นสโลแกนของพรรคจะทำได้หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ภายหลังวันที่ 2 พ.ค. ที่จะมีการหารือกับพรรคการเมืองแล้ว เชื่อว่าพรรคการเมืองน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงว่าห้ามเอาเรื่องสถาบันฯ มาเป็นประโยชน์ในการหาเสียง
เมื่อถามว่ามีกกต.บางท่านไม่เห็นด้วยเรื่องในการนำสถาบันฯ มาไว้ในร่างระเบียบกกต. นายสมชัย กล่าวว่า อาจจะมีกกต.บางท่านไม่รู้สึก ไม่สบายใจที่จะมีการระบุไว้ในระเบียบดังกล่าว แต่ถ้าไม่ระบุไว้ กกต.บางท่านก็ไม่สบายใจอีกเช่นกัน ดังนั้นให้เราได้หารือกันในวันที่ 2 พ.ค.นี้ก่อน
เมื่อถามถึงการขึ้นป้ายคัดเอาต์ ของกระทรวงทบวงกรม ซึ่งอาจเสมือนเป็นการหาเสียงให้พรรคการเมืองในขณะนี้หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า คงต้องให้มาหารือในวันที่ 2 พ.ค.นี้ก่อน เพราะถ้าเป็นนโยบายกระทรวง ไม่ได้หาเสียงก็ไม่เป็นไร แตถ้าเป็นการหาเสียงก็คงไม่ได้ และต้องเอาป้ายดังกล่าวลง ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่า บางป้ายคัตเอาต์ ที่เป็นของกระทรวงบางป้าย ก็ควรเอาลง เพราะแม้รูปไม่สำคัญเท่ากับมองไปแล้ว สื่อความหมายถึงการหาเสียงหรือไม่ รวมถึงการพูดถึงนโยบายที่จะทำในอนาคตโดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นการหาเสียงด้วย ซึ่งจะต้องนำป้ายดังกล่าวของกระทรวงลง
อย่างไรก็ตาม กกต.เชื่อว่าจะให้ความชัดเจนกับผู้สมัคร และพรรคการเมืองเพื่อให้ความมั่นใจว่าจะกระทำได้ หรือไม่ได้ โดย กกต.อยากฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองเพื่อนำข้อมูลต่างๆที่ได้จากการหารือมาประกอบการพิจารณาว่าระเบียบที่ออกมานั้นจะตึงหรือหย่อนไปหรือไม่
การที่ กกต.ได้ปรับระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงฯ โดยนำเรื่องสถาบันฯ มาไว้ในข้อควรปฏิบัติในการเลือกตั้งนั้น เพราะกกต.คิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่เหนือการเมือง ซึ่งนักการเมืองและประชาชนย่อมเทิดทูน ไม่ล่วงละเมิดแก่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว โดยตามหลักนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในระเบียบก็ได้ ซึ่งก็มี กกต.บางคนก็เห็นเช่นนั้น แต่เนื่องจากหลายฝ่ายยังคงมีข้อสงสัยว่า จะควรทำได้แค่ไหน ตามที่กฎหมายกำหนด หากกำหนดไว้ในข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้งอย่างเดียว ก็จะทำให้ดูแข็งกร้าวไป จึงเห็นควรใช้เป็นข้อควรที่มิบังควรนำสถาบันฯ ไปหาเสียงแทนจะเหมาะสมกว่า ซึ่งหากนำไปไว้ในข้อห้ามนั้น จะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นถ้าผู้สมัครจะเทิดทูนสถาบันฯ เราจะไปขัดขวางการแสดงความจงรักภักดีไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบได้ จึงเห็นควรให้เป็นข้อควรปฏิบัติแทน ซึ่งจะทำให้ผู้สมัครและพรรคการเมือง ตระหนักว่าควรจะทำอย่างไร และเชื่อว่าผู้สมัครจะมีวิจารณญาณมากกว่าบุคคลทั่วไปอยู่แล้ว
" การปรับแก้ให้นำเรื่องสถาบันฯ ไว้ในข้อควรปฏิบัตินั้น ข้อควรปฏิบัติจะไม่มีสภาพบังคับเหมือนให้ปฏิบัติเหมือนข้อห้าม แต่กกต.ก็จะดูว่าจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สงบเรียบร้อย ส่วนมาตรการอื่นๆ อาจจะนำมาใช้ร่วมด้วยได้ แค่บอกว่ามิบังควรในข้อควรปฏิบัติก็ถือว่าโทษก็ไม่ได้เบาไปกว่าข้อห้าม " นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีพรรคการเมืองนำประเด็นเทิดทูนสถาบันฯ มาเป็นสโลแกนของพรรคจะทำได้หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ภายหลังวันที่ 2 พ.ค. ที่จะมีการหารือกับพรรคการเมืองแล้ว เชื่อว่าพรรคการเมืองน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงว่าห้ามเอาเรื่องสถาบันฯ มาเป็นประโยชน์ในการหาเสียง
เมื่อถามว่ามีกกต.บางท่านไม่เห็นด้วยเรื่องในการนำสถาบันฯ มาไว้ในร่างระเบียบกกต. นายสมชัย กล่าวว่า อาจจะมีกกต.บางท่านไม่รู้สึก ไม่สบายใจที่จะมีการระบุไว้ในระเบียบดังกล่าว แต่ถ้าไม่ระบุไว้ กกต.บางท่านก็ไม่สบายใจอีกเช่นกัน ดังนั้นให้เราได้หารือกันในวันที่ 2 พ.ค.นี้ก่อน
เมื่อถามถึงการขึ้นป้ายคัดเอาต์ ของกระทรวงทบวงกรม ซึ่งอาจเสมือนเป็นการหาเสียงให้พรรคการเมืองในขณะนี้หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า คงต้องให้มาหารือในวันที่ 2 พ.ค.นี้ก่อน เพราะถ้าเป็นนโยบายกระทรวง ไม่ได้หาเสียงก็ไม่เป็นไร แตถ้าเป็นการหาเสียงก็คงไม่ได้ และต้องเอาป้ายดังกล่าวลง ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่า บางป้ายคัตเอาต์ ที่เป็นของกระทรวงบางป้าย ก็ควรเอาลง เพราะแม้รูปไม่สำคัญเท่ากับมองไปแล้ว สื่อความหมายถึงการหาเสียงหรือไม่ รวมถึงการพูดถึงนโยบายที่จะทำในอนาคตโดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นการหาเสียงด้วย ซึ่งจะต้องนำป้ายดังกล่าวของกระทรวงลง