ASTVผู้จัดการรายวัน - กอ.รมน.เผย สตช.ปิดวิทยุชุมชน 13 แห่งไม่เกี่ยว “ปฏิวัติ” ยันทำตาม กม.เข้าข่ายจาบจ้วงสถาบัน แนะประชาชนใช้วิจารญาณในการรับข้อมูล ด้านตำรวจจับเพิ่มอีก 2 สถานี เสื้อแดง ไม่สำนึก แจ้งความเอาผิด“กสทช.-กอ.รมน.-ตำรวจนครบาล”อ้างเลือกปฏิบัติปิดวิทยุชุมชนไม่เป็นธรรม
วานนี้(28 เม.ย.)พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รมน.)กล่าวชี้แจงถึงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการปิดสถานีวิทยุชุมชน จำนวน 13 แห่งว่า เป็นการดำเนินการตามที่ประชาชนแจ้งมา ซึ่งมีการรายงานว่าคลื่นวิทยุชุมชนดังกล่าวได้นำเสนอเนื้อหาที่หมิ่นเหม่และ จาบจ้วงสถาบัน โดยเปิดโอกาศให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโฟนอินเข้ามาพูดยั่วยุปลุกระดมในรายการ ทำให้ประชาชนที่ฟังอยู่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อน และมีแนวโน้มทำให้เกิดความรุนแรง รวมทั้งคลื่นสัญญานของวิทยุชุมชนดังกล่าวยังรบกวนสัญญาณของวิทยุหลัก ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงได้แจ้งมายัง กอ.รมน.เพื่อดำเนินการ
“กอ.รม น.มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดภัยคุกคามทางความมั่นคง ซึ่งวิทยุชุมชนก็เข้าข่ายละเมิดและจาบจ้วงสถาบัน ทำให้เราต้องดำเนินการ ทั้งนี้การที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าเป็นลางบอกเหตุว่าจะนำไปสู่การ ปฏิวัติรัฐประหารนั้นผมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณและดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างที่แกนนำได้ออกมากล่าว อ้างหรือไม่ จากการรายงานพบว่าคลื่นวิทยุชุมชนดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ รวมทั้งได้รับเรื่องร้องเรียนในลักษณะเช่นนี้หลายครั้งจึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปิดสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวก็ได้รับการขัดขวางจากผู้ดำเนินรายการ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพและรวบรวมใหลักฐานไว้หมดแล้ว เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาคดีต่อไป”โฆษกกอ.รมน.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานผลการดำเนินการปราบปรามจับกุมสถานีวิทยุชุมชนที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย เปิดกระจายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังมีผู้ร้องเรียนวิทยุชุมชนกระจายเสียงสร้างความขัดแย้งในสังคม และนำคำปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันมาเผยแพร่ซ้ำ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลและพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบ จำนวน 14 สถานี ซึ่งมี 1 สถานีที่ปิดไปแล้ว จึงทำให้จับกุมได้ 13 สถานี เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากบางสถานีมีกลุ่มมวลชน นปช.ปิดล้อมการตรวจค้นทำให้ไม่สามารถเข้าตรวจสอบดำเนินคดีได้ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา สามารถเข้าตรวจค้นและดำเนินคดีได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 สถานี ได้แก่ 1. สถานีวิทยุคนไทยหัวใจเดียวกันคลื่นความถี่ 89.85 เมกะเฮิรตซ์ ที่ บริเวณตลาดวงศกรสายไหม 19 ล็อก อี 9-10 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.สายไหม บก.น.2 พบของกลาง โดยได้เข้าไปตรวจสอบโดยมีผู้นำตรวจค้น ไม่มีผู้ต้องหา ไม่มีมวลชนปิดล้อมหรือขัดขวางการปฏิบัติ แต่มีมวลชนกลุ่ม นปช.เฝ้าสังเกตการณ์จำนวนประมาณ 100 คน จึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
2.สถานีวิทยุชมรมเสียงคนไทย คลื่นความถี่ 91.75 เมกะเฮิรตซ์ ออกอากาศโดยใช้คลื่นความถี่ 91.25 เมกะเฮิรตซ์ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเฟรนชิพ ซอย 13 ถนนประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 2 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.โคกคราม บก.น.2 พบของกลาง เข้าไปตรวจสอบได้ ไม่ต้องทำลายสิ่งกีดกั้น ไม่มีผู้ต้องหา ไม่มีผู้ดูแลอาคาร ไม่มีมวลชนปิดล้อมหรือขัดขวางการปฏิบัติ แต่มีมวลชนกลุ่ม นปช.เฝ้าสังเกตการณ์จำนวนประมาณ 20 คน จึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
***เสื้อแดงชี้เลือกปฏิบัติ
วันเดียวกันที่กองปราบปราม นายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย ดีเจ “เล็ก สุพรรณ” และกลุ่มผู้สนับสนุนกว่า 30 คน ถือป้ายผ้ามีข้อความว่า “ความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิด งดปราบปรามสื่อวิทยุชุมชน” เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน (สบ2) กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่นำกำลังบุกเข้าปิดสถานีวิทยุชุมชน 13 แห่ง ทั้งใน กทม.และปริมณฑล โดยทำหนังสือแนบภาพถ่ายขณะเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชน และรายชื่อสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าว มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำไว้ก่อน เพื่อนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
วานนี้(28 เม.ย.)พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รมน.)กล่าวชี้แจงถึงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการปิดสถานีวิทยุชุมชน จำนวน 13 แห่งว่า เป็นการดำเนินการตามที่ประชาชนแจ้งมา ซึ่งมีการรายงานว่าคลื่นวิทยุชุมชนดังกล่าวได้นำเสนอเนื้อหาที่หมิ่นเหม่และ จาบจ้วงสถาบัน โดยเปิดโอกาศให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโฟนอินเข้ามาพูดยั่วยุปลุกระดมในรายการ ทำให้ประชาชนที่ฟังอยู่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อน และมีแนวโน้มทำให้เกิดความรุนแรง รวมทั้งคลื่นสัญญานของวิทยุชุมชนดังกล่าวยังรบกวนสัญญาณของวิทยุหลัก ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงได้แจ้งมายัง กอ.รมน.เพื่อดำเนินการ
“กอ.รม น.มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดภัยคุกคามทางความมั่นคง ซึ่งวิทยุชุมชนก็เข้าข่ายละเมิดและจาบจ้วงสถาบัน ทำให้เราต้องดำเนินการ ทั้งนี้การที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าเป็นลางบอกเหตุว่าจะนำไปสู่การ ปฏิวัติรัฐประหารนั้นผมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณและดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างที่แกนนำได้ออกมากล่าว อ้างหรือไม่ จากการรายงานพบว่าคลื่นวิทยุชุมชนดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ รวมทั้งได้รับเรื่องร้องเรียนในลักษณะเช่นนี้หลายครั้งจึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปิดสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวก็ได้รับการขัดขวางจากผู้ดำเนินรายการ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพและรวบรวมใหลักฐานไว้หมดแล้ว เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาคดีต่อไป”โฆษกกอ.รมน.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานผลการดำเนินการปราบปรามจับกุมสถานีวิทยุชุมชนที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย เปิดกระจายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังมีผู้ร้องเรียนวิทยุชุมชนกระจายเสียงสร้างความขัดแย้งในสังคม และนำคำปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันมาเผยแพร่ซ้ำ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลและพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบ จำนวน 14 สถานี ซึ่งมี 1 สถานีที่ปิดไปแล้ว จึงทำให้จับกุมได้ 13 สถานี เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากบางสถานีมีกลุ่มมวลชน นปช.ปิดล้อมการตรวจค้นทำให้ไม่สามารถเข้าตรวจสอบดำเนินคดีได้ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา สามารถเข้าตรวจค้นและดำเนินคดีได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 สถานี ได้แก่ 1. สถานีวิทยุคนไทยหัวใจเดียวกันคลื่นความถี่ 89.85 เมกะเฮิรตซ์ ที่ บริเวณตลาดวงศกรสายไหม 19 ล็อก อี 9-10 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.สายไหม บก.น.2 พบของกลาง โดยได้เข้าไปตรวจสอบโดยมีผู้นำตรวจค้น ไม่มีผู้ต้องหา ไม่มีมวลชนปิดล้อมหรือขัดขวางการปฏิบัติ แต่มีมวลชนกลุ่ม นปช.เฝ้าสังเกตการณ์จำนวนประมาณ 100 คน จึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
2.สถานีวิทยุชมรมเสียงคนไทย คลื่นความถี่ 91.75 เมกะเฮิรตซ์ ออกอากาศโดยใช้คลื่นความถี่ 91.25 เมกะเฮิรตซ์ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเฟรนชิพ ซอย 13 ถนนประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 2 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.โคกคราม บก.น.2 พบของกลาง เข้าไปตรวจสอบได้ ไม่ต้องทำลายสิ่งกีดกั้น ไม่มีผู้ต้องหา ไม่มีผู้ดูแลอาคาร ไม่มีมวลชนปิดล้อมหรือขัดขวางการปฏิบัติ แต่มีมวลชนกลุ่ม นปช.เฝ้าสังเกตการณ์จำนวนประมาณ 20 คน จึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
***เสื้อแดงชี้เลือกปฏิบัติ
วันเดียวกันที่กองปราบปราม นายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย ดีเจ “เล็ก สุพรรณ” และกลุ่มผู้สนับสนุนกว่า 30 คน ถือป้ายผ้ามีข้อความว่า “ความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิด งดปราบปรามสื่อวิทยุชุมชน” เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน (สบ2) กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่นำกำลังบุกเข้าปิดสถานีวิทยุชุมชน 13 แห่ง ทั้งใน กทม.และปริมณฑล โดยทำหนังสือแนบภาพถ่ายขณะเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชน และรายชื่อสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าว มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำไว้ก่อน เพื่อนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป