ก.ตร.มีมติเอกฉันท์ให้ “พล.ต.ต.ชัยทัย รุ่งแจ้ง” ขึ้นเป็น ผบก.จว.บึงกาฬ และให้ “พ.ต.อ.มนธน ทิพย์จันทร์” รอง ผบก.จว.ลพบุรี ขึ้นเป็นผบก.ประจำ บช.ภ.4 แทน ขณะเดียวกัน ก.ตร.มีมติให้เปิดสถานีตำรวจสุวรรณภูมิ พร้อมกำหนดตำแหน่งตำรวจ 291 ตำแหน่ง อีกทั้งมีมติให้เปลี่ยนชื่อ สภ.ราชาเทวะ เป็น สภ.บางพลี และ สภ.บางพลี เป็น สภ.บางแก้ว
วันนี้ (10.00 น.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เดินทางเป็นประธานการประชุม ก.ตร. โดยมีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และคณะกรรมการ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วาระสำคัญวันนี้ ประกอบด้วย เรื่องแรกเป็นเรื่องการแต่งตั้งผู้บังคับการจังหวัดบึงกาฬ หลังจากที่ครม.อนุมัติให้ตั้งจังหวัดใหม่ โดยก.ตร.ทีมติให้ พล.ต.ต.ชัยทัต รุ่งแจ้ง ผบก.ประจำ บช.ภ.4 ทำหน้าที่ยุทธศาสตร์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการผบก.จว.บึงกาฬอยู่แล้ว เป็นผบก.จว.บึงกาฬ และให้พ.ต.อ.มนธน ทิพย์จันทร์ รองผบก.จว.ลพบุรี ขึ้นเป็นผบก.ประจำ บช.ภ.4 แทน
พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องกรณีที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมกุล รองผบช.ก.ขอความเป็นธรรมให้แต่งตั้งดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ตามมติ ก.ตร.ครั้งที่ 7/2553 และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส คัดค้านขอยกเลิกมติ ก.ตร.ดังกล่าว เรื่องนี้ทาง ก.ตร มีมติส่งเรื่องกลับไปให้ทางคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริง โดยมี พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธาน ซึ่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีทั้งหมด 5 ประเด็นในบางประเด็นยังไม่เสร็จสิ้น โดยประเด็นเสร็จสิ้นเรื่องการนับอายุราชการวันทวีคูณไม่สามารถนับได้ ส่วนเรื่องการแต่งตั้ง พล.ต.ต.ศรีวราห์เป็น ผบช.ภ.1 ตามมติ ก.ตร.ก่อนหน้านี้ให้ชะลอเรื่องไว้ก่อน เนื่องจากคุณสมบัติยังไม่ครบ
พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวต่อว่า เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องกรณีการดำเนินการทางวินัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ซึ่งทาง ก.ตร.มีมติให้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความ เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 94 ระบุว่าการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี นับจากวันออกจากราชการ แต่ไม่ได้บอกว่าถ้าเกิน 1 ปี จะต้องดำเนินการอย่างไร จึงต้องให้กฤษฎีกาตีความว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมการสอบสวนจึงล่าช้าเกินกว่า 1 ปียังไม่เสร็จสิ้น พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนการสอบสวนวินัยร้ายแรงว่าดำเนินการอย่างไร บางช่วงการสอบสวนหายไปด้วยเหตุผลอะไร
พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวอีกว่า เรื่องที่ 4 การกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจให้กับสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ภายสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า ทาง ก.ตร. มีมติให้เปิดสถานีตำรวจสุวรรณภูมิ พร้อมกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 291 ตำแหน่ง แบ่งเป็น ผกก.1 ตำแหน่ง รอง ผกก. 3 ตำแหน่ง สว.5 ตำแหน่ง รอง สว.18 ตำแหน่ง พงส. 8 ตำแหน่ง โดยสถานีตำรวจจะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ บช.ภ.1 ดังนั้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รรท.ผบช.ภ.1 และมีอำนาจในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุวรรณภูมิด้วย นอกจากนี้ ก.ตร.มีมติให้เปลี่ยนชื่อ สภ.ราชาเทวะ เป็น สภ.บางพลี และ สภ.บางพลี เป็น สภ.บางแก้ว เพื่อความเหมาะสมด้วย
ด้าน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า วาระการประชุมเรื่องการร้องขอความเป็นธรรมของข้าราชการตำรวจในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ สว. ถึงรอง ผบก.ในวาระการแต่งตั้งปี 2553 ซึ่งตนได้เสนอเข้าไป เพื่อพิจารณานั้น เรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าการแต่งตั้งที่ไม่ชอบธรรมด้วยเหตุผล เพราะการแต่งตั้งระดับนายพลขึ้นไป ทำบัญชีการแต่งตั้งแบบเร่งรัด นำบัญชีการแต่งตั้งเสนอแบบปุบปับ ไม่ได้มีการพิจารณาประวัติ ความรู้ ความสามารถอย่างรอบคอบ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผบช.4-5 บช. โดยไม่ว่าจะเป็น ผบช.ภ.2,4, 5, 6 ,7 แต่ละท่านมีความรู้ความสามารถต่างบช. ซึ่งไม่เคยทำงานใน บช. ที่ได้รับการแต่งตั้งมาก่อนทำให้ไม่รู้ลักษณะของพื้นที่ ลักษณะการทำงาน ซึ่งเมื่อมีการแต่งตั้งระดับต่ำลงมาจึงถูกร้องเรียนเป็นจำนวนมาก โดยการร้องเรียนได้เข้าสู่กระบวนการร้องทุกข์ โดยเข้าสู่อนุ ก.ตร.เกี่ยวกับการร้องทุกข์ ซึ่งมีตนเป็นประธาน หากการแต่งตั้งที่มีการร้องเรียนมีความไม่ชอบธรรม ขัดต่อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ตนในฐานะประธาน อนุก.ตร.เกี่ยวกับการร้องทุกข์ จะเสนอให้พิจารณาโทษทางวินัยผู้บัญชาการ ซึ่งตอนนี้มีผู้ที่ร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งทั้งหมด 40 คน โดยอยู่ระหว่างการพิจารณา
พล.ต.อ.อชิรวิทย์กล่าวต่อว่า อย่างกรณีการแต่งตั้ง ผบก.จว.บึงกาฬ ในวันนี้ก็เสนอบัญชีแบบฉุกละหุก แต่ครั้งนี้มีมติเอกฉันท์ และ พล.ต.ต.ชัยทัต ผู้ที่ได้รับเลือกก็มีความเหมาะสมอยู่ในพื้นที่ภ.4 มาก่อน โดยมีคุณสมบัติเป็นไปตามที่ก.ตร.ได้ระบุไว้ว่าต้องเป็นผู้ที่อยู่ในบช.ภ.4 มีและเป็นการย้ายในระนาบเดียวกัน ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองมาไม่มีปัญหาอะไร ส่วนพ.ต.อ.มนธน ที่ขึ้นมานั่งในตำแหน่งแทนของพล.ต.ต.ชัยทัต นั้น ก็เป็นบุคคลที่ ก.ตร.มีมติเอาไว้ว่าหากมีตำแหน่งผบก.ว่างให้พิจารณาเป็นลำดับแรก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ความรอบคอบในการแต่งตั้งนายพลครั้งต่อไป ก.ตร.เสนอและมีมติให้มีการจัดส่งบัญชีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองมาพร้อมวาระการประชุมให้ก.ตร.ได้รับทราบและพิจารณาก่อนจะมีการประชุมก.ตร.เพื่อแต่งตั้ง ล่วงหน้า 3 วัน เพราะถือว่าความลับไม่สำคัญเท่าตัวกฎหมาย ซึ่งระเบียบการเรื่องการเสนอบัญชีและวาระก่อน 3 วันนั้นมีระบุไว้แต่ที่ผ่านมาที่ประชุม ก.ตร.ขอยกเว้นกฎนี้มาโดยตลอดเนื่องจากอ้างว่าเร่งด่วน ต่อไปก็จะไม่ยินยอมให้มีการยกเว้นกฎนี้อีก
“ยืนยันว่า ก.ตร.ชุดนี้จะปกป้ององค์กรตำรวจอย่างเต็มที่ และทำการแต่งตั้งอย่างรอบคอบเหมาะสม การวิ่งเต้นจากนักการเมืองและอื่นๆ จะไม่ปล่อยผ่าน เพราะมีเวลาในการพิจารณาถึงความเหมาะสม และไม่สามารถวิ่งเต้น ก.ตร.ชุดนี้ได้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่เลือก ก.ตร.ชุดนี้เข้ามาทำงาน” พล.ต.อ.อชิรวิทย์กล่าว