xs
xsm
sm
md
lg

จดหมายของผมกับอาจารย์ปราโมทย์

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

จดหมายฉบับนี้จะว่าเป็นจดหมายส่วนตัวของผมกับอาจารย์ปราโมทย์ก็คงไม่ใช่(และถ้าเป็นจดหมายส่วนตัวผมคงไม่กล้าถือวิสาสะนำมาตีพิมพ์แบบที่สมณะรูปหนึ่งและคอลัมนิสต์คนหนึ่งทำต่อพล.ต.จำลอง) เพราะเริ่มมาจาก Forword Mail ของอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพที่แพร่ไปทั่ว ดังนั้นจะเรียกว่า เป็นความเห็นต่อสาธารณะก็ว่าได้ และความเห็นนี้ยังถูกใช้ขยายความโจมตีเวทีมัฆวานฯ และภายหลังผมตอบกลับผ่าน Forword Mail ในถ้อยความตอบกลับของผมและมีปฏิกิริยาตามมาจากคนที่ได้รับเมล์จากอาจารย์ปราโมทย์จำนวนมาก

หลายคนไม่เห็นด้วยกับคำตอบของผม เพราะเขาคงยึดความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพ ว่า ยิ่งใหญ่ เมื่อเทียบกับผม ซึ่งเป็นใครไม่รู้

ระยะหลังนั้นอาจารย์ปราโมทย์ค่อนข้างจะมีจุดยืนที่ค่อนข้างไม่ตรงกับเวทีการชุมนุมที่มัฆวานฯ เพราะเวทีมัฆวานฯ สนับสนุนการโหวต โนซึ่งเป็นวิถีทางภายใต้ระบอบที่มีอยู่ แต่อาจารย์ปราโมทย์ มีจุดยืนไม่เอาเลือกตั้ง และเสนอการถวายคืนพระราชอำนาจราชประชาสมาสัย ซึ่งอาจารย์ปราโมทย์เคยเสนอความคิดนี้กับพวกเรามาก่อน แต่ตอนหลังเราเห็นว่าความคิดนี้ไม่ได้รับการขานรับและเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังเคารพต่อความคิดและจุดมุ่งหมายของอาจารย์ปราโมทย์

จนกระทั่งผมได้รับ Forword Mail ล่าสุดของอาจารย์ปราโมทย์ภายหลังจากสหภาพมีมติถอนตัวจากพันธมิตรฯ เพราะอดีตแกนนำสหภาพต้องการลงเลือกตั้ง ในระบอบที่อาจารย์ปราโมทย์ไม่ยอมรับ และหลังจากผมแสดงความเห็นต่อ Forword Mail ของอาจารย์ปราโมทย์ อาจารย์ได้ตอบกลับผมมาและผมเองก็ได้ตอบกลับอาจารย์ไปอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่าความเห็นของผมเป็นความเห็นที่ยืนอยู่บนความเคารพต่อตัวอาจารย์ปราโมทย์ แต่ผมไม่อาจละเลยต่อทัศนะของอาจารย์ปราโมทย์ไปได้ดังนี้

...................................

ขอแสดงความเสียใจ เห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่ที่เสียดายมากคือมวลชนที่ได้อุตส่าห์ร่วมกันสร้างขึ้นมา 193 วัน และในปีนี้

ขอตั้งข้อสังเกตว่า “อัตตากับมานะ 9” ของบรรดาผู้นำและลิ่วล้อ คือ ปัญหาที่หนักกว่าการยุแหย่หรือโจมตีจากฝ่ายตรงกันข้าม และเป็นเหตุให้คนไทยเคลื่อนไหวไม่เป็น ไม่ว่าจะลากยาวเพียงใดก็ได้แต่ชัยชนะจอมปลอม

อย่างไรก็ตาม หวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะมีโอกาสทบทวนอย่างมีสติ เพื่อจะได้มีโอกาสยิ้มให้กัน และร่วมมือกันในอนาคต

                                           ปราโมทย์

ดูเหมือนข้อเขียนของอาจารย์ที่แนบมาจะสับสน ไม่ทราบว่า อาจารย์หมายถึงอะไรและใคร กรุณาอธิบายเพราะความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพ และความเป็นผู้เฒ่ามันทำร้ายคนได้ ผมเห็นอาจารย์ก็ขึ้นมาใช้เวทีและพูดในสิ่งที่อาจารย์อยากจะพูด โดยไม่สนใจความเห็นอันเป็นมติของที่ชุมนุม นั่นก็เพราะอาจารย์ถือว่าตัวเองมีประสบการณ์ มีความอาวุโส มีความรอบรู้กว่าคนอื่น และสิ่งนี้แหละที่เมื่อนำใช้กล่าวหาคนอื่นโดยไม่กระจ่างคลุมเครือและเหมารวมมันทำร้ายผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน

ทุกวันนี้ผมถูกคนจำนวนหนึ่งกาหัวหรือป้ายสีว่าชอบตอบโต้กับทุกคน แต่ผมไม่สนใจ เพราะนี่คือนิสัยของผมที่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ถ้าผมเห็นว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง นั่นเพราะผมถือว่า ความคิดเห็นความผิดถูกไม่ได้อยู่ที่วัยและประสบการณ์ชีวิตของคนเรา

                                  ด้วยความเคารพ

                                                สุรวิชช์

สุรวิชช์ ที่รัก

ขอบคุณมากที่อุตส่าห์โทร.มาบอกก่อนที่จะเขียนตามมาหรือเอาไปพิมพ์ ตามที่ได้อ่านงานและได้คุยกับสุรวิชช์มา ผมไม่ถือหรอกว่าสุรวิชช์จะโต้ผมว่าอย่างไร และก็ไม่มีคำขอโทษจากผมด้วย เพราะผมไม่มีเจตนาที่จะ “พูดชั่วตัวตายทำลายมิตรเลย” แต่คนเราพูดหรือเขียนอะไรไปก็ต้องเป็นทาสสิ่งนั้นตามคำพังเพยนั่นแหละ

ความจริงบันทึกสั้นที่ผมเขียนนั้นเขียนถึงทั้งสองฝ่าย คือ ผู้นำพันธมิตรฯ และผู้นำ ส.ส.ร.ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าผมเป็นมิตรแท้ของทั้งสองฝ่าย แต่ผมอาจจะคิดข้างเดียวกระมัง ความจริงเมื่อผมเขียนถึงบรรดาผู้นำและลิ่วล้อ ผมควรจะเขียนว่า “พวกเรา”มากกว่า เพื่อจะบอกว่าบางทีผมก็คงมีอัตตาและมานะ 9 เหมือนกัน แต่ผมมีสำนึกและควบคุมมันไว้อย่างสุดปัญญาสามารถ และบอกพี่น้องเสมอว่าคนจบ ป. 4 กับปริญญาสูงๆ มันไม่มีใครเก่งกว่ากันในเรื่องเบสิกของชีวิตและบ้านเมืองหรอก ความรู้อาจเรียนทันกันหมดจริงๆ ผมจึงไม่ค่อยนึกถึงความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพเท่าไหร่ ไม่ว่าผมจะไปไหน คนที่รู้จักผมจะรู้ข้อนี้ดี

เรื่องผมไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพื่อจะพูดอะไรตามใจผมนั้น อย่ามาโทษผมเลย ผมต่างหากที่ต้องโทษตัวเองว่าชุ่ย เมื่อเอ็ดโทร.มาตามทีไร ผมก็ลากสังขารไปทุกที ถามว่าจะให้พูดเรื่องอะไรเขาก็ไม่บอก ไม่เชื่อถามเอ็ดดู บางครั้งผมก็ไม่รู้ว่าจะให้พูดเรื่องอะไร น้อยครั้งที่ผมอยากจะไปพูดเองเพราะว่าอยากไปพูดอะไรเป็นพิเศษ ดังที่ผมได้บอกผู้ฟังว่า ถ้าหากรัฐบาลไม่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงผมก็คงจะไม่ไปขึ้นเวที และถ้าตำรวจไม่ทำท่าจะไปสลายเช้าวันนั้น ผมก็คงไม่ออกจากบ้านไปตั้งแต่ยังไม่ตีห้า ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะต้องไปทำหรือพูดอะไร รู้แต่ว่าจะต้องทำอะไรก็ต้องทำเพื่อให้พี่น้องปลอดภัย

อีกอย่างหนึ่งที่ทั้งเจิมศักดิ์ ทั้งสุรวิชช์ และใครก็ไม่รู้ที่เขียนมาโต้คุณบรรจบจากอเมริกาต่างก็ว่า ก็ผมเล่นส่งไปทั่วทาง

การที่ผมพูดโดยไม่สนใจความเห็นอันเป็นมติของที่ชุมนุมนั่นก็เห็นจะจริง เพราะผมไม่เคยร่วมประชุมหรือได้รับคำบอกกล่าวว่าที่ชุมนุมมีมติอย่างไร ผมขำและปฏิเสธเสมอที่ใครๆ ว่าผมเป็นผู้ชี้นำพันธมิตรฯ เพราะผมไม่ใช่ ไม่เคยคิดหรือต้องการจะรับเกียรติยศเช่นนั้น

ผมขอย้อนมาย้ำเรื่องอัตตาและมานะ 9 อีกครั้ง ผมว่าสิ่งนี้เป็นปัญหาพิเศษของผู้นำไทย ผมเป็นคนที่ไม่เคยนึกว่าตัวเองเป็นสถาบันและไม่ชอบออกหน้าใคร จึงพยายามลดละความเป็นตัวตนของตัวเองอยู่เสมอ และผมก็ไม่อยากกล่าวร้ายใครคนหนึ่งโดยเฉพาะดอก

ผมกล่าวรวมๆ มาเสมอว่าคนไทยเคลื่อนไหวไม่เป็น เมื่อเหมารวมเช่นนั้นก็แปลว่าคนไทยที่มีผมรวมอยู่ด้วย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ ผมก็ยืนยันอยู่เสมอว่า 193 วันอันเป็นความยิ่งใหญ่สวยงามไม่มีชาติไหนทำได้นอกจากคนไทย คนไทยที่นับไม่ถ้วนที่มาช่วยกันทำให้มันเป็นเช่นนั้น และผมก็ไม่เคยลืมที่จะตอกย้ำถึงคุณูปการของผู้นำเช่นสนธิ หรือพลตรีจำลอง รวมทั้งกองทัพธรรมและ ASTV ผมยังอยากเห็นองค์รวมอันประเสริฐนี้เข้มแข็งขึ้นไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้เป็นความจริงใจของคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่า ใจน้อย หากเวทีใดยังต้องการและเชิญ ผมยินดีจะไปเสมอโดยไม่เกี่ยงโน่นเกี่ยงนี้ แต่ผมเพิ่งบอกเวที FM ไปหยกๆ ว่าผมมันแก่แล้ว ต่อไปนี้ถ้ามีคนนิมนต์จึงจะเทศน์

ขอให้สุรวิชช์ยืนหยัดต่อไป และไม่ต้องกลัวว่าผมจะคิดเล็กคิดน้อย

                                   ปราโมทย์

ตอบอาจารย์ปราโมทย์

ผมเชื่อว่าแต่ต้นอาจารย์ไม่ขอโทษหรอกครับ 1. เพราะเป็นความคิดของอาจารย์ก่อนจะเขียนก็เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนนั้นถูกต้อง 2. เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่อาจารย์เขียนนั้นเป็นความตั้งใจและเจตนา 3. เพราะความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพ ไงครับ

คนเราอาจมีอัตตาและมานะ 9 เหมือนกันหมด แต่มันมีสถานะที่แตกต่างกัน คนแก่ทำอะไรเกินเลยก็ไม่มีใครว่า ผมถูกกล่าวหาว่าก้าวร้าวเพราะเป็นเด็ก (ทั้งที่จวนจะ 50 แล้ว) ตอบโต้คนไปทั่ว เพราะผมยึดหลักผิดหรือถูก เหตุและผล และอำนาจของสื่อ เพราะผมทำสื่อมาตลอดชีวิต อาจารย์บอกว่า ไม่ค่อยนึกถึงความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพเท่าไหร่ ไม่ว่าจะไปไหน คนที่รู้จักอาจารย์รู้จักข้อนี้ดี บางทีอาจารย์ต้องคิดสักนิดว่า เพราะอาจารย์เป็นเช่นนั้นจริงหรือเพราะเขาเกรงใจอาจารย์กันแน่ แล้วเขาเกรงใจอะไร เขาก็เกรงใจความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพ ไงครับ นั่นแหละครับ นี่แหละตัวตนปนอัตตาและมานะ 9 ที่ซ่อนเร้นอยู่ บางทีความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพ ไงครับ มันทำลายและสร้างได้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ดูเหมือนคำพูดเรื่องมติของที่ชุมนุมอาจารย์จะตีความแคบแค่ว่า คือ การเข้าร่วมประชุมเหมือนแสร้งไม่เข้าใจกระบวนการ และหลักการของขบวนการการชุมนุมไปเสีย อาจารย์ต้องรู้อยู่แล้วซิว่า เวทีการชุมนุมนี้เขาจัดขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์หรือเป้าหมายใด เวทีการชุมนุมย่อมไม่ใช่ชั้นเรียนที่อาจารย์ออกข้อสอบมาแล้วให้นักเรียนออกมาพรีเซนต์ตามแต่ความเข้าใจและเสรีภาพทางความคิดของแต่ละคน แต่ต้องมีความเข้าใจและเป้าหมายร่วมกัน สมมติว่าสหภาพแรงงานที่ไหนสักแห่งในโลกเขาจัดชุมนุมเรียกร้องค่าแรง แม้อาจารย์จะไปขึ้นเวทีด้วยใครเชิญมาหรือโทรศัพท์ไป อาจารย์ก็ต้องรับรู้จุดร่วมของเวทีการชุมนุมที่จัดขึ้น ไม่ทำลายหลักการและแนวทางของเขา หรือขึ้นไปพูดโจมตีว่าผมไม่เห็นด้วยกับที่พวกคุณ (นี่ผมยกตัวอย่างในเชิงหลักการ ไม่ได้หมายถึงตัวอาจารย์) อาจารย์มีเสรีภาพที่จะพูด แต่มันมีเรื่องของกาละและเทศะด้วย แต่สิ่งที่อาจารย์ไม่คำนึงเรื่องนี้ก็เพราะอาจารย์ คือ ปราโมทย์ นาครทรรพ ไงครับ เวทีการชุมนุมจะเป็นกลางหรือเปิดรับความคิดทุกด้านไม่ได้ พวกผมทำสื่อที่คนเขาว่าต้องเป็นกลางพวกผมยังไม่เชื่อปรัชญานี้เลยครับ

แวบแรกที่ผมได้ยินอาจารย์ว่าทั้งสุรวิชช์และเจิมศักดิ์ (ซึ่งตอนนี้ทั้งสองคนคิดต่างกันแน่) ต่างก็กล่าวถึงอาจารย์ในทำนองเดียว ก็เพื่ออาจารย์จะตอบผมกลับว่าผมไม่ผิด หรือผมไม่ได้เข้าใครออกใคร เพราะขนาดคนที่คิดต่างกันยังตำหนิผมเหมือนกันเลย นี่ก็คืออัตตาและนัยที่ซ่อนอยู่

ส่วนเรื่องคนไทยเคลื่อนไหวไม่เป็นนั้นผมว่าไม่ใช่ ลองดูว่า เพราะมันไม่ถูกใจเราหรือเปล่า เวทีพันธมิตรฯ ยินดีต้อนรับเสมอ ตราบที่อาจารย์เชื่อมั่นว่าแนวทางที่พวกเราต่อสู้อยู่นั้นถูกต้อง และตอบรับอาจารย์ทุกครั้งที่อาจารย์โทร.มาขอขึ้นเวที แม้บางครั้งอาจารย์จะปฏิเสธที่พวกเราเชิญไป แต่ถ้าอาจารย์คิดว่าเวทีเราอยู่บนวิถีที่ไม่ถูกต้องนั้นก็เป็นสิทธิและเสรีภาพของอาจารย์ที่จะไม่เข้าร่วม

สำหรับผมตราบที่คิดว่าเราทำถูกทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตัวเอง ผมไม่ยี่หระเลยว่าจะมีใครเข้าร่วม คนที่ออกไปก็คือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ เช่น เจิมศักดิ์ และมวลชนที่รักอภิสิทธิ์และปชป. อาจารย์ต้องมองออกสิว่าเขาออกไป เพราะเขายึดในหลักการหรือพวกพ้อง ไม่ใช่ความแตกแยก แต่เป็นความแตกต่าง ส่วนถ้าใครจะจากไปเพราะอยากลงเลือกตั้ง ในระบบที่อาจารย์เองก็ว่ามันเลวจะไปยี่หระมันทำไม

ผมเคารพในความคิดของอาจารย์ แต่ผมไม่อาจรับฟังข้อความสั้นที่อาจารย์หว่านไปในโลกออนไลน์เหมือนป้องปากพูด เพราะมันกลายเป็นการใช้ความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพทำลายคนอื่นไงครับ ดังนั้น ผมจึงไม่อาจไม่โต้แย้งความคิดของอาจารย์และปล่อยให้มันผ่านไปได้ เพราะความเป็นปราโมทย์ นาครทรรพ ย่อมไม่ใช่สายลมที่ผ่านเลย

                                   ด้วยความเคารพ

                                                สุรวิชช์
กำลังโหลดความคิดเห็น