xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนฯสิงคโปร์ไล่ซื้อรร.ภูเก็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่มซีดีแอล ทุนสิงคโปร์ยังสนลงทุนไทย ชี้ผลตอบแทน 15-25% ต่อปี แต่ต้นทุนก่อสร้างพุ่งสูงขณะที่ราคาต่ำที่สุดในภูมิภาค ล่าสุดซื้อลากูน่า บีช รีสอร์ทภูเก็ต พร้อมเปิดตัวคอนโดฯเอ็ม โซไซตี้ แจ้งวัฒนะ ราคาเริ่มต้น 9.9 แสนบาท/ยูนิต ชี้ชุมชนหนาแน่น ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มตามหลังเปิดศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เผยไม่หวั่นแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเตรียมงบ 600 ล้านเหรียญสหรัฐซื้อคอนโดฯ - โรงแรมเพิ่ม

นายสุชาติ เจียรานุสสติ กรรมการ บริษัท เอ็ม เรสซิเดนซ์ จำกัด ในเครือซิตี้ ดิเวลลอปเม้นท์ (ซีดีแอล) ผู้ประกอบธุรกิจกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่จากประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยแม้จะมีทิศทางการลงทุนที่ดี แต่ยังมีปัญหาสำคัญคือ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาขายไม่สามารถปรับขึ้นสูงได้ และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในแถบภูมิภาคเดียวกัน อสังหาฯของไทยถือว่าถูกกว่ามาก อาทิ ราคาคอนโดมิเนียมย่านชานเมืองของไทยราคา 40,000-50,000 บาท/ตร.ม. ย่านกลางเมืองแพงสุด 2 แสนบาท/ตร.ม. ขณะที่เขตชานเมืองเล็กๆของจีนตร.ม.ละกว่า 4 แสนบาทขึ้นไป ในสิงคโปร์ราคากว่า 1 ล้านบาท/ตร.ม.ขึ้นไป ทั้งนี้ ราคาอสังหาฯของไทยถูกกว่าประเทศอื่นมาก และน่าจะมีภาวะการซื้อ-ขายที่ดีกว่าในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามผลตอบแทนจากการลงทุนในไทยยังอยูในเกณฑ์ที่ดีคือประมาณ 15-25% ต่อปี

ส่วนการลงทุนในญี่ปุ่นนั้น บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนการลงทุนเดิมแม้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่ได้ทำให้ราคาอสังาหฯลดลงมากนัก เพียงทำให้การเจรจาซื้อขายง่ายขึ้นเท่านั้น สำหรับอาคารที่ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ส่วนอาคารที่ได้รับผลกระทบก็จะไม่มีใครสนใจซื้อเลย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มซีดีแอลได้เจรจาซื้ออสังหาฯหลายโครงการ ทั้งคอนโดมิเนียมและโรงแรม โดยเตรียมเงินลงทุนประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังแผนลงทุนใน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี จีน และมาเก๊า เป็นต้น ที่ผ่านมากลุ่ม ซีดีแอลมีการลงทุนทั่วโลกแล้วประมาณ 14,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 30,000 - 40,000 ล้านบาท

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทย ในเดือนพ.ค.54 นี้จะมีการเซ็นสัญญาซื้อโรงแรม “ลากูน่า บีช รีสอร์ท ภูเก็ต”ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 254 ห้อง ด้วยเม็ดเงินประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลว่าหลังจากเซ็นสัญญาซื้อขายแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะทุนอสังหาฯในกทม.และต่างจังหวัดอื่นๆอย่างต่อเนื่อง โดยจะไม่มีการจำกัดรูปแบบในการพัฒนา ขึ้นอยู่กับศักยภาพของสินทรัพย์และผลตอบแทนจากการลงทุน

ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคม 53 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ซื้อสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เป็นอาคารสร้างค้างบนถนนบอนด์สตรีท ในโครงการเมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ จำนวน 3 อาคาร จากทั้งหมด 22 อาคาร ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด(มหาชน) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 238 ล้านบาท เนื่องจากมองว่ามีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงศูนย์การค้าและธุรกิจร้านค้าต่างๆเกิดขึ้นมาก นับจากมีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และเชื่อว่าจะมีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น