วันที่ 13 เมษายนของทุกปี คนไทยและคนในประเทศใกล้เคียงที่ได้รับอิทธิพลทางประเพณีและวัฒนธรรมจากอินเดีย อันเป็นต้นกำเนิดของนิยายปรัมปราเรื่องท้าวมหาพรหมกับมานพหนุ่มที่ท้าพนันกันด้วยการถามปัญหาเกี่ยวกับมนุษย์ 3 ราศี และปรากฏว่าท้าวมหาพรหมพ่ายแพ้ ต้องใช้นิ้วเพชรของตนเองเด็ดพระศอขาด และนำพระเศียรไปเก็บในถ้ำเขาไกรลาศ และเมื่อถึงวันที่ 13 เมษายนของทุกปี พระธิดาของท้าวมหาพรหมก็จะนำพระเศียรออกมาแห่เป็นการสักการบูชาพระบิดา จึงกลายเป็นที่มาของการรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ของปวงชนผู้มีความเชื่อความศรัทธาในเรื่องนี้ในทุกประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อนี้
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศที่ได้รับอิทธิพลความเชื่อเรื่องวันสงกรานต์ และดูเหมือนว่าประเทศไทยได้นำคติความเชื่อในเรื่องสงกรานต์อันนับเนื่องมาจากพราหมณ์มาประยุกต์ให้เข้ากับหลักกตัญญูกตเวทีของพุทธศาสนาได้อย่างกลมกลืน และมีคุณค่ายิ่งต่อการดำเนินวิถีชีวิตแบบไทย จะเห็นได้จากการจัดพิธีสงกรานต์เริ่มด้วยตอนเช้าเข้าวัดทำบุญสรงน้ำพระพุทธรูป พอตกบ่ายรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้เฒ่าผู้แก่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่แต่ละคนเคารพนับถือ สุดท้ายจบลงด้วยการเล่นสาดน้ำของหนุ่มสาว รวมไปถึงการละเล่นในรูปแบบต่างๆ ผิดแผกกันไปตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่น นี่คือประเพณีสงกรานต์อันดีงามที่ยึดถือปฏิบัติกันมายาวนานในประเทศไทย
แต่วันนี้ เวลานี้ ประเพณีสงกรานต์ได้ถูกนำมาเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว และกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามาเล่นสงกรานต์กับคนไทย จากจุดนี้เองทำให้ประเพณีสงกรานต์ได้กลายเป็นเทศกาลสาดน้ำ และสนุกสนานเป็นหลัก ทำให้คุณค่าแห่งความกตัญญูและกตเวทีอันเป็นรากเหง้าหรือมูลเหตุอันแท้จริงของวันนี้ด้อยลงไป จะเห็นได้อย่างชัดเจนจากสองกรณีการเล่นสงกรานต์ฉาวคาวโลกีย์ดังต่อไปนี้
1. สามสาววัยรุ่นถอดเสื้อโชว์นมเล่นน้ำที่ถนนสีลม
2. สาวประเภทสองแต่งกายเปิดอกเล่นสาดน้ำที่จังหวัดพิจิตร
ไม่ว่าทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นจะเนื่องมาจากเหตุแห่งความคึกคะนอง หรือเกิดจากเสพสิ่งมึนเมา หรือจะด้วยเกิดความกล้าบ้าบิ่นจากเสียงเชียร์ของคนรอบข้างตามที่สามสาวซึ่งเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวอ้าง และขอโทษประชาชนโดยการยอมรับผิด และถูกเปรียบเทียบปรับในข้อหากระทำอนาจารในที่สาธารณะไปเรียบร้อยแล้ว
แต่การกระทำในครั้งนี้ไม่ควรจบลงด้วยแค่ออกมาขอโทษ และเสียค่าปรับ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อความรู้สึกอันดีงามของคนไทยผู้รัก และหวงแหนในประเพณีและวัฒนธรรม ทั้งทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียในสายตาของคนต่างชาติไปแล้วทั่วโลก เพราะได้มีผู้นำเอาภาพเปลือยอกที่ว่านี้เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว จึงน่าจะถือได้ว่าประเทศไทยและคนไทยขาดทุนทางวัฒนธรรมเมื่อเปรียบกับเงินที่ได้จากการส่งเสริมการจัดงานเทศกาลสงกรานต์เพื่อมุ่งเป็นจุดขายของธุรกิจการท่องเที่ยว โดยไม่มีแผนการป้องกันอย่างรอบคอบและรัดกุมในเรื่องนี้ จึงเกิดความสูญเสียขึ้น
ในทำนองเดียวกับที่ประเทศไทยเปิดแหล่งท่องเที่ยวโดยใช้ความงามทางธรรมชาติเป็นจุดขาย แต่ไม่ป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม ผลปรากฏออกมาได้ไม่คุ้มเสียเพราะความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างมาโดยอาศัยกาลเวลานับพันปีได้ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือมนุษย์เพียงชั่วพริบตาเดียว จะเห็นได้จากการทำลายปะการังใต้น้ำในทะเล อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกือบทุกแห่งที่เปิดเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
เมื่อประเทศไทยยังต้องการใช้ประเพณี วัฒนธรรม รวมไปถึงความสวยงามของเกาะแก่งแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวต่อไป จะมีวิธีใดป้องกันมิให้มีการทำลายประเพณี วัฒนธรรม และความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติ?
เกี่ยวกับประเด็นแห่งปัญหาดังกล่าวข้างต้นสามารถมองเห็นทางแก้ไขและป้องกันได้ไม่ญาก เพียงแต่ผู้รับผิดชอบในการแก้ไขและป้องกันจะต้องเปิดใจกว้างรับฟังปัญหาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงผู้ได้รับผลกระทบโดยรวมคือประชาชนทั่วไปผู้เป็นเจ้าของประเทศและเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษมอบให้ และในขณะเดียวกันจะต้องยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ทั้งจะต้องมีความเสียสละประโยชน์ส่วนตนในกรณีที่การแก้ไขและป้องกันปัญหาเป็นเหตุให้ตนเอง และพรรคพวกมีอันต้องสูญเสียประโยชน์ไปบ้าง
เริ่มด้วยการแก้ไขและป้องกันการเล่นสงกรานต์ด้วยการแสดงออกในทางศีลธรรมอันดี ดังที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณีก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียกหน่วยงานราชการ และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องในการจัดงานมาสอบถามหาสาเหตุ และวางแนวทางแก้ไขในปีต่อไปให้ตรงจุด เป็นต้นว่า ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มประเภทมึนเมา ก็จะต้องกำหนดบริเวณจัดงานให้ปราศจากเครื่องดื่มประเภทที่ว่านี้ รวมไปถึงการป้องกันผู้ที่มีอาการมึนเมาเนื่องจากดื่มเครื่องดื่มประเภทมึนเมา รวมไปถึงเสพยาเสพติดชนิดต่างๆ มาจากที่อื่น มิให้เข้ามาในบริเวณงาน และถ้าพบว่าหลุดรอดเข้ามาก็ต้องเชิญตัวออกไป และถ้ามีการดื้อแพ่งก็ต้องจับกุมไปกักตัวให้พ้นไปจากบริเวณงาน
ส่วนการป้องกันล่วงหน้ายิ่งจะทำได้ง่ายกว่าการแก้ไขป้องกันเฉพาะหน้า เพียงแต่เตรียมสถานที่จัดงาน และกำหนดกติกาไว้ล่วงหน้า พร้อมทั้งประกาศเชิญชวนให้ประชาชนที่จะมาร่วมงานให้ความร่วมมือในการตักเตือน บอกกล่าวผู้ที่จะมาร่วมงานให้ช่วยกันป้องกัน โดยที่ตนเองไม่ทำ และไม่ให้ผู้จะมาร่วมงานด้วยทำผิดกฎ กติกาที่ทางผู้จัดงานวางไว้ ก็เชื่อได้ในระดับหนึ่งว่าป้องกันได้ ถึงแม้จะไม่ 100% ก็จะเหลือน้อยที่สุด
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศที่ได้รับอิทธิพลความเชื่อเรื่องวันสงกรานต์ และดูเหมือนว่าประเทศไทยได้นำคติความเชื่อในเรื่องสงกรานต์อันนับเนื่องมาจากพราหมณ์มาประยุกต์ให้เข้ากับหลักกตัญญูกตเวทีของพุทธศาสนาได้อย่างกลมกลืน และมีคุณค่ายิ่งต่อการดำเนินวิถีชีวิตแบบไทย จะเห็นได้จากการจัดพิธีสงกรานต์เริ่มด้วยตอนเช้าเข้าวัดทำบุญสรงน้ำพระพุทธรูป พอตกบ่ายรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้เฒ่าผู้แก่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่แต่ละคนเคารพนับถือ สุดท้ายจบลงด้วยการเล่นสาดน้ำของหนุ่มสาว รวมไปถึงการละเล่นในรูปแบบต่างๆ ผิดแผกกันไปตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่น นี่คือประเพณีสงกรานต์อันดีงามที่ยึดถือปฏิบัติกันมายาวนานในประเทศไทย
แต่วันนี้ เวลานี้ ประเพณีสงกรานต์ได้ถูกนำมาเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว และกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามาเล่นสงกรานต์กับคนไทย จากจุดนี้เองทำให้ประเพณีสงกรานต์ได้กลายเป็นเทศกาลสาดน้ำ และสนุกสนานเป็นหลัก ทำให้คุณค่าแห่งความกตัญญูและกตเวทีอันเป็นรากเหง้าหรือมูลเหตุอันแท้จริงของวันนี้ด้อยลงไป จะเห็นได้อย่างชัดเจนจากสองกรณีการเล่นสงกรานต์ฉาวคาวโลกีย์ดังต่อไปนี้
1. สามสาววัยรุ่นถอดเสื้อโชว์นมเล่นน้ำที่ถนนสีลม
2. สาวประเภทสองแต่งกายเปิดอกเล่นสาดน้ำที่จังหวัดพิจิตร
ไม่ว่าทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นจะเนื่องมาจากเหตุแห่งความคึกคะนอง หรือเกิดจากเสพสิ่งมึนเมา หรือจะด้วยเกิดความกล้าบ้าบิ่นจากเสียงเชียร์ของคนรอบข้างตามที่สามสาวซึ่งเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวอ้าง และขอโทษประชาชนโดยการยอมรับผิด และถูกเปรียบเทียบปรับในข้อหากระทำอนาจารในที่สาธารณะไปเรียบร้อยแล้ว
แต่การกระทำในครั้งนี้ไม่ควรจบลงด้วยแค่ออกมาขอโทษ และเสียค่าปรับ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อความรู้สึกอันดีงามของคนไทยผู้รัก และหวงแหนในประเพณีและวัฒนธรรม ทั้งทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียในสายตาของคนต่างชาติไปแล้วทั่วโลก เพราะได้มีผู้นำเอาภาพเปลือยอกที่ว่านี้เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว จึงน่าจะถือได้ว่าประเทศไทยและคนไทยขาดทุนทางวัฒนธรรมเมื่อเปรียบกับเงินที่ได้จากการส่งเสริมการจัดงานเทศกาลสงกรานต์เพื่อมุ่งเป็นจุดขายของธุรกิจการท่องเที่ยว โดยไม่มีแผนการป้องกันอย่างรอบคอบและรัดกุมในเรื่องนี้ จึงเกิดความสูญเสียขึ้น
ในทำนองเดียวกับที่ประเทศไทยเปิดแหล่งท่องเที่ยวโดยใช้ความงามทางธรรมชาติเป็นจุดขาย แต่ไม่ป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม ผลปรากฏออกมาได้ไม่คุ้มเสียเพราะความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างมาโดยอาศัยกาลเวลานับพันปีได้ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือมนุษย์เพียงชั่วพริบตาเดียว จะเห็นได้จากการทำลายปะการังใต้น้ำในทะเล อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกือบทุกแห่งที่เปิดเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
เมื่อประเทศไทยยังต้องการใช้ประเพณี วัฒนธรรม รวมไปถึงความสวยงามของเกาะแก่งแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวต่อไป จะมีวิธีใดป้องกันมิให้มีการทำลายประเพณี วัฒนธรรม และความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติ?
เกี่ยวกับประเด็นแห่งปัญหาดังกล่าวข้างต้นสามารถมองเห็นทางแก้ไขและป้องกันได้ไม่ญาก เพียงแต่ผู้รับผิดชอบในการแก้ไขและป้องกันจะต้องเปิดใจกว้างรับฟังปัญหาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงผู้ได้รับผลกระทบโดยรวมคือประชาชนทั่วไปผู้เป็นเจ้าของประเทศและเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษมอบให้ และในขณะเดียวกันจะต้องยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ทั้งจะต้องมีความเสียสละประโยชน์ส่วนตนในกรณีที่การแก้ไขและป้องกันปัญหาเป็นเหตุให้ตนเอง และพรรคพวกมีอันต้องสูญเสียประโยชน์ไปบ้าง
เริ่มด้วยการแก้ไขและป้องกันการเล่นสงกรานต์ด้วยการแสดงออกในทางศีลธรรมอันดี ดังที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณีก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียกหน่วยงานราชการ และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องในการจัดงานมาสอบถามหาสาเหตุ และวางแนวทางแก้ไขในปีต่อไปให้ตรงจุด เป็นต้นว่า ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มประเภทมึนเมา ก็จะต้องกำหนดบริเวณจัดงานให้ปราศจากเครื่องดื่มประเภทที่ว่านี้ รวมไปถึงการป้องกันผู้ที่มีอาการมึนเมาเนื่องจากดื่มเครื่องดื่มประเภทมึนเมา รวมไปถึงเสพยาเสพติดชนิดต่างๆ มาจากที่อื่น มิให้เข้ามาในบริเวณงาน และถ้าพบว่าหลุดรอดเข้ามาก็ต้องเชิญตัวออกไป และถ้ามีการดื้อแพ่งก็ต้องจับกุมไปกักตัวให้พ้นไปจากบริเวณงาน
ส่วนการป้องกันล่วงหน้ายิ่งจะทำได้ง่ายกว่าการแก้ไขป้องกันเฉพาะหน้า เพียงแต่เตรียมสถานที่จัดงาน และกำหนดกติกาไว้ล่วงหน้า พร้อมทั้งประกาศเชิญชวนให้ประชาชนที่จะมาร่วมงานให้ความร่วมมือในการตักเตือน บอกกล่าวผู้ที่จะมาร่วมงานให้ช่วยกันป้องกัน โดยที่ตนเองไม่ทำ และไม่ให้ผู้จะมาร่วมงานด้วยทำผิดกฎ กติกาที่ทางผู้จัดงานวางไว้ ก็เชื่อได้ในระดับหนึ่งว่าป้องกันได้ ถึงแม้จะไม่ 100% ก็จะเหลือน้อยที่สุด