“ยิ่งลักษณ์” ถือฤกษ์ดีหลัง 09.00 น.เข้าทำงานวันแรก พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ ข้าราชการงงนายกฯ คนใหม่สักการะพระภูมิเจ้าที่ก่อนท้าวมหาพรหม แถมปรับฮวงจุ้ย เปลี่ยนเชิงเทียนบันไดทางขึ้นเป็นสีแดง ดึงไม้บรรทัดลงอักขระหน้าประตูตึกไทยคู่ฟ้าสมัย “อภิสิทธิ์” ทิ้ง “ปู” ระบุการแก้ปัญหาน้ำท่วมต้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ส่วนการแก้ระยะยาวจะเรียกอธิบดีกรมชลประทานพร้อมผู้เกี่ยวข้องหารือในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะจังหวัดที่น้ำท่วมซ้ำซาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.19 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็นวันแรก ด้วยรถตู้โฟล์คสีดำ ป้ายแดง ทะเบียน ว 1662 กทม. ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
จากนั้นเมื่อเวลา 09.28 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังศาลพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล บริเวณด้านข้างตึกสันติไมตรี ก่อนจะเดินขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึกไทยคู่ฟ้า สักการะท้าวมหาพรหม เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเข้าทำงาน โดยมีเจ้าหน้าที่และข้าราชการระดับสูงในทำเนียบร่วมเดินทางไปสักการะด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนได้แสดงความแปลกใจที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปสักการะพระภูมิเจ้าที่ด้านข้างตึกสันติไมตรีก่อนที่จะไปสักการะท้าวมหาพรหมที่อยู่บนดาดฟ้าของตึกไทย เพราะปกตินายกรัฐมนตรีทุกคนจะเดินทางไปสักการะท้าวมหาพรหมก่อนไปสักการะศาลพระภูมิ
อย่างไรก็ตาม ที่ตึกไทยค่ฟ้า ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี ได้เริ่มมีการเปลี่ยนบ้างแล้ว โดยเฉพาะการดึงเอาไม้บรรทัดที่ลงอักขระที่นำมาติดไว้ในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรฐมนตรี บริเวณประตูทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าออก นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงบริเวณตุ๊กตาเชิงเทียนที่ตั้งอยู่ตีนบันไดที่จะขึ้นไปยังห้องทำงานนายกฯ ทั้ง 2 ข้าง โดยได้เปลี่ยนเทียนจากเทียนสีขาว เป็นเทียนสีแดงด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใน เวลา 11.00 น. นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออเร้นจ์ จำกัด และคณะได้เข้าแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และในเวลา 13.30 น. มิสเตอร์ จิม เวบบ์ (Jim Webb) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคาราวะ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดร่างนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลแล้วว่า รู้สึกสบายใจหลังจากที่ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ซึ่งความจริงไม่ได้ดูฤกษ์อะไรมากมาย เพียงแต่ดูว่าวันนี้เป็นวันดี เป็นสิริมงคล ซึ่งถือว่าหลัง 09.00 น.เป็นสิริมงคลกับเรา ก็มาสักการะเพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจกับเราในการเริ่มทำงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ครั้งหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นพี่ชาย เคยนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ครั้งนี้ในฐานะน้องสาวก็มารับตำแหน่งนี้อีก น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ก็รู้สึกว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจอันทรงเกียรติและรู้สึกภาคภูมิใจ และดีใจที่ตนเองเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ประชาชนให้ความไว้วางใจให้ตนทำงาน ซึ่งก็จะทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ประชาชน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายอยากจะเห็นการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบว่า ต้องมองเป็น 2 ส่วน คือ การแก้ไขในระยะเร่งด่วน เรื่องการบรรเทาทุเลาปัญหาน้ำท่วม การดูแลซ่อมแซมในส่วนของพื้นที่เสียหาย การเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรมหรืออาชีพการประมงที่เสียหาย ก็ต้องมีการคุยกันว่าในภาครัฐจะมีการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างไร
แต่สำหรับการแก้ไขในระยะยาวต้องมีการพูดคุยกับหลายส่วน ในเรื่องระบบน้ำและระบบชลประทาน เพราะถ้าเราแก้ไขปัญหาในจุดเดียวหรือจังหวัดเดียวก็จะส่งปัญหาไปในจังหวัดอื่น ดังนั้น ต้องมองการแก้ปัญหาทั้งระบบและกลับไปมองย้อนว่าจะเชื่อมโยงกันอย่างไร และดูรายละเอียดแต่ละจังหวัดว่าจะมีวิธีการ และจะแบ่งเฟตในการทำงานอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขปัญหาทั้งระบบต้องใช้เงินมหาศาล จะสามารถทำได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สามารถทำได้ ด้วยการวางแผนอย่างเป็นระบบ ใช้วิธีการคิดเชิงระบบ แต่การใช้เงินต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ โดยการใช้เงินในแต่ละประเภทต้องเรียงลำดับตามความเร่งด่วน ซึ่งจะมีการวางแผนในระยะยาว คือการใช้เงินแก้ปัญหาในระยะสั้น แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้ตอบโจทย์ในระยะยาว เพราะฉะนั้นตนเองจะต้องนั่งคุยกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ได้มีการหารือกับอธิบดีกรมชลประทาน ซึ่งท่านจะนำเรื่องของการทำเวิร์คช็อปมาให้ความรู้ และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาหารือกันในการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะจังหวัดที่เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซ้อนทุกๆ ปี ซึ่งบางที่ก็น่าเห็นใจเพราะเจอน้ำท่วมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ตนเห็นพี่น้องประชาชนลำบาก เราเองจึงต้องนำเรื่องนี้เป็นวาระที่จะต้องผลักดันให้ได้
ส่วนปัญหาอุทกภัยบริเวณแก่งเสือเต้น นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาของแก่งเสือเต้น คือต้องหาพื้นที่จุดรับน้ำที่จะทุเลาไปจังหวัดอื่น ดังนั้นถ้าเราบอกว่าเราแก้ไขชลประทานเป็นระบบ เราจะมองตั้งแต่ต้นน้ำลงไปดีกว่า แล้วค่อยมาดูว่าในแต่ละจังหวัดวิธีการแก้ไขปัญหาจะเป็นอย่างไร ถือเป็นคำตอบที่ตรงกว่าที่จะบอกในเรื่องการแก้ปัญหาที่แก่งเสือเต้น