xs
xsm
sm
md
lg

ยึดอำนาจ คืนอำนาจ ถวายคืนพระราชอำนาจ ราชประชาสมาสัย

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

1. ยึดอำนาจ
       “หากใครยึด อำนาจ ชาติจะแย่
       ไทยแท้ๆ ขนเงินหนี มีเท่าไหร่
        ยึดอำนาจ แต่ละที ดีอะไร
        ลองอีกครั้ง พลั้งไป เลือดไทยริน

        ยึดอำนาจ จากบดินดร์ ปิ่นปกเกล้า
        อำนาจเดิม ของเรา ยกให้สิ้น
        เป็นของขวัญ ปวงประชา ทั่วธานินทร์
        แต่ไม่ยิน ดีให้กลุ่ม ใดคุมคับ

        สองครั้งหลัง ยังควรจำ ให้จับจิต
        หนึ่ง..ชีวิต ลูกหลานไทย เท่าใดดับ
        สอง.. ฉลาด กับอรุณ ก็สูญวับ
        สาม..ความลับ ความแค้น ยังแน่นทรวง”

                                                          ปราโมทย์ นาครทรรพ
                                              วารสารธรรมศาสตร์ครบรอบ 50 ปี
                                             สมาคมธรรมศาสตร์ นิวยอร์ก 2527


เมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา มีข่าวลือปฏิวัติโชยทั้งวัน ในที่สุดก็เป็นเพียงผายลม คนไทยถูกหลอกจนหลงเชื่อแล้วว่ายึดอำนาจคือการปฏิวัติ เพราะว่าดาวเทียมล่ม สถานีทีวีช่องขี้ (คี่) คือ 3-5-7 เท่ากับเงินล้านที่ซื้อ ส.ส.ยุคโบราณ หรือคี่ 9-11 ก็ไม่รู้ที่จอมืด ยึดอำนาจทีไรก็ยึดสถานีทีวีทุกที

ก่อนอื่นขอประกาศว่าในชีวิตผมไม่เคยสนับสนุนการยึดอำนาจ พูดและเขียนนับร้อยครั้งว่าไม่ต้องกวนเบื้องพระยุคลบาท ไม่เอา 1. ยึดอำนาจ 2. นายกฯ พระราชทาน 3.รัฐบาลแห่งชาติ แต่ก็ไม่วายถูกบิดเบือนโดยจริตของสื่อ นักวิชาการและผู้ใหญ่ผู้โตทั้งหลายที่ไม่รู้จักอ่านให้จบ หรือจบแล้วไม่รู้จักคิด จึงเชื่อในสิ่งที่ตนอยากจะเชื่อ

ส่วนผมเชื่อแน่ว่า ราชประชาสมาสัยหรือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ยอดปรารถนาที่เราไม่เคยมี ไม่มีทางจะเป็นไปได้ หาก 1. มิได้พึ่งบารมีในหลวง 2. ปวงชนไม่มีส่วนร่วม 3. กองทัพไม่สนับสนุนซ้ำหมุนกลับไปอีกทาง

ผมอยู่นิวยอร์ก มีข่าวปฏิวัติโชยไปในปี 2527 เพราะผบ.ทบ.คือพลเอกอาทิตย์ กำลังเอกปีนเกลียวกับพลเอกเปรม นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ฝ่ายแรกอยากต่ออายุเหมือนฝ่ายหลัง เมื่อพลเอกเปรมลดค่าเงินบาทครั้งที่สาม 2 พฤศจิกายน 2527 กองทัพและผู้นำเสียประโยชน์ เพราะต้องซื้ออาวุธแพงขึ้น พลเอกอาทิตย์ถึงกับออกทีวีเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณากลับลำ

ในครั้งนั้น ผมเขียนกลอนลงในหนังสือที่ระลึกธรรมศาสตร์อายุครบ 50 ปี และส่งมาให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคน มีข้อความบางตอนดังที่คัดไว้ต้นบทความ

ผมขออธิบายขยายความว่า

(1) คือ 6 “ตุลามหาโหด” 2519 (2) คือกบฏสังหารพลตรีอรุณ ทวาทสิน ผบ.พล 1 มีนาคม 2520 พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ถูกนายกฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร สั่งประหารชีวิต ตอนอยู่ในคุกพร้อมพลตรีบุญเลิศ (ตท. 1) และพลตรีสนั่น บุคลิกและทัศนะของพลเอกฉลาดประทับใจผู้นำนักศึกษารุ่น 6 ตุลาคม 19 ที่อยู่ในนั้นมาก รวมทั้งวีระ มุสิกพงษ์ด้วย (3) กบฏยังเติร์ก 1 เมษายน 2524 ซึ่งนำประเทศชาติราชบัลลังก์ และชีวิตนับหมื่นแสนไปเสี่ยง ครั้งที่ 1 ตุลาคม 19 พลเอกเปรมมีส่วนอยู่ข้างเดียวกับยังเติร์กและพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิวัติ ครั้งที่ ๓ นัยว่ายังเติร์กจะโค่นพลเอกเปรม พลเอกอาทิตย์และพลเอกชวลิตผู้ปราบจึงทะลุพรวดข้ามชั้นยศและทหารอาชีพขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.

การยึดอำนาจแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวล้วนแต่สร้างปัญหาดึงชาติให้ตกต่ำจมลงๆ ผมจึงเขียนถึงพลเอกอาทิตย์ว่า

“คนสำคัญ ในปัญหา คืออาทิตย์
สุจริต ใจจริง อย่านิ่งเฉย”

ในตอนนั้นพลเอกอาทิตย์กำลังบีบรัฐบาลให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อต่ออายุตนเองอย่างลูกพี่บ้าง ผมเขียนว่า

“เรื่องจะต่อ เคยต่อ ขอคนเดียว
กองทัพ แตกแหลกเจียว จำได้ไหม”

ยังเติร์กอ้างว่าพลเอกเปรมต่ออายุเพื่อควบตำแหน่ง ผบ.ทบ.ไว้ค้ำเก้าอี้นายกรัฐมนตรีทำให้เสื่อมศรัทธา

ผมเองเคารพพลเอกเปรมและเห็นด้วยกับนโยบายปรองดองกับพี่น้องร่วมชาติ แต่ผมไม่แน่ใจว่าประชาธิปไตยของพลเอกเปรมกับของผมจะเหมือนกัน

พลเอกเปรมในฐานะผู้ถืออำนาจรัฐคงไม่ได้ยินคำขอของผมให้เป็นผู้นำปฏิรูปการเมืองเสียเอง “เกือบสามปีจึงจะมีการเลือกตั้ง หากเปรมยังแข็งอยู่สู้เต็มที่ ควรเป็นผู้นำแก้แต่โดยดี จะได้มีสมานฉันท์กันทั้งมวล”

ผมขออภัยที่ได้สะท้อนความรู้สึกของคนร่วมสมัยในครั้งนั้นว่ามีผู้ใหญ่หลายคน “เป็นผู้ใหญ่ปากว่าตาขยิบ คนเขาจะซุบซิบกระเซ้าสรวล เหมือนไม้หลักปักในขี้ควายกวน ไม่คู่ควรคุณค่าน่าเคารพ”

และผมก็อดเตือนทหารผ่านพลเอกอาทิตย์ไม่ได้ว่า “เพื่อนก็ชายชาติทหารชาญวิชิต ถูกหรือผิดก็ควรแยกจำแนกได้ เราก็ชาติมาตรหมายฝากลายไทย ไม่ให้ใครจูงจมูกลูกผู้ชาย” แปลว่าถ้าใครยึดอำนาจก็เจอกัน ถึงแม้ผมจะมีอาวุธแค่ปลายปากกา

ยุคพลเอกเปรมใกล้และหลังเป็นรัฐบาล เป็นข้อต่อของยุคที่มีการยึดอำนาจมากที่สุด ทั้งสำเร็จและล้มเหลว มีทั้งยึดอำนาจจริง ยึดอำนาจปลอม และยึดอำนาจเงียบ ชนิด “สื่อไม่เคยรายงาน นักวิชาการไม่เคยศึกษา” รวมทั้งการยึดอำนาจที่ทำให้พลเอกเปรมได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 มีนาคม 2523

คืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2523 ทูตรัสเซียอำลาหลังอาหาร ผมกับ นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว รมว.สาธารณสุข นั่งคุยต่อกับนายกรัฐมนตรีจนเกือบเที่ยงคืน ผมเรียนพลเอกเกรียงศักดิ์ว่าท่านมั่นใจเกินไปที่รับรองกับทูตว่าวันที่ 3 มีนาคมจะคุมเสียงสภาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เพราะท่านมั่นในว่าพันเอกประจักษ์ สว่างจิตรจะคุมยังเติร์ก จปร. 7 มาหนุนท่านเหมือนกับวันที่ 20 ตุลาคม 2520

เช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2523 จปร. 7 หวิดจะปะทะกันเองหน้าบ้านพลเอกเกรียงศักดิ์ พัลลภ ปิ่นมณี จึงขอให้โหวต

ฝ่ายที่ยืนข้างพลเอกเกรียงศักดิ์มีแค่ 3 คือ ประจักษ์ แสงศักดิ์ และปรีดี เสียงของพลเอกเปรมท่วมท้น นำด้วย จำลอง มนูญ พัลลภ ตามด้วยยังเติร์กทั้งโขยง

ถ้าไม่ได้โหวตหน้าบ้านพลเอกเกรียงศักดิ์ พลเอกเปรมจะได้โหวตในสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออะไรเกิดขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคม 2520 พลเอกพัลลภ เขียนเล่าในหนังสือว่าเขากับพันเอกจำลอง ศรีเมือง กับทหารเพียงสิบคนฝ่าด่านรักษาการทหารเรือเข้ากองบัญชาการคณะปฏิวัติ ใช้ปืนพกจี้พลเรือเอกสงัด และนายพลอาวุโส 20 กว่าคน รออยู่จนหัวใจเกือบวาย รถถังนำโดยพันเอกมนูญ และพันเอกประจักษ์จึงนำกำลังมาสมทบ

ด้วยเหตุนี้ พลเรือเอกสงัดจึงยอมให้ทหารบกเป็นนายกรัฐมนตรี

ยึดอำนาจอย่างนี้มีอยู่ในบันทึกข้อมูลหรือตำราการเมืองไทยหรือไม่

เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจดีขึ้น ผมขอแบ่งการเมืองไทยตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็น 3 ยุคคือ

1. ยุคคณะราษฎรหรือยุคทดลองประชาธิปไตย (2475-2490) ยุคนี้มีกบฏที่ล้มเหลว 1 ครั้งและสำเร็จ 1 ครั้งเท่ากัน คือกบฏบวรเดชระหว่าง 11-27 ตุลาคม 2476 ซึ่งนายพันตรีหลวงพิบูลสงครามเป็นผู้นำปราบจนกลายเป็นดาวรุ่งบนหนทางสู่ดวงดาว

การยึดอำนาจที่สำเร็จคือเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2476 เมื่อพันเอกพระยาพหลฯ ใช้กำลังทหารยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรี ทำให้พระยามโนปกรณ์ต้องไปลี้ภัยในปีนังจนถึงอสัญกรรมเมื่อ 1 ตุลาคม 2491

การยึดอำนาจจากรัฐบาลโดยทหารครั้งแรกนี้ทำให้พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทำนายว่า “จะทำให้การเปลี่ยนแปลงโดยราบรื่นต่อไปเป็นไปได้ยาก”

ยุคนี้ใช้รัฐธรรมนูญถาวร 10 ธันวาคม 2475 ฉบับเดียวนานที่สุดถึง 9 ธันวาคม 2489 รวมเวลา 13 ปีเศษ และรัฐธรรมนูญต่อมาก็ถือฤกษ์วันที่ 10 ธันวาคม เช่นกัน หากไม่มีการยึดอำนาจอาจเป็นไปได้ว่าการเมืองไทยจะพัฒนาไปอย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญอีกเลย ยุคนี้เป็นยุคที่งานฉลองรัฐธรรมนูญมีความหมายและสนุกที่สุด และสิ้นสุดลงด้วยการยึดอำนาจของคณะรัฐประหารซึ่งแปลว่าผู้สังหารประเทศในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 โปรดอ่านต่อฉบับหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น