“สอดแนมการเมือง”
โดย…ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
สมัยเด็ก..บ้านผมที่ท่าเขียวไข่กา สี่แยกบางกระบือยันสี่แยกเกียกกายจรดสี่แยกบางซื่อนั้นรายล้อมไปด้วยค่ายทหารมากมาย
นับแต่ทหารรถถังหรือทหารม้า ม.พัน 4 กรม ปตอ.หรือค่ายทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานกรมทหารสรรพวุธ กรมอุตสาหกรรมทหาร กรมทหารสื่อสารที่เรียกกันว่า..ทหารสื่อสารสะพานแดงบางซื่อ โอ้ย..ทหารอีกมากมายหลายเหล่าที่บรรยายไม่หมด แถมมีโรงเรียนโยธินบูรณะ..อันถือเป็นแหล่งเรียนที่ลูกทหารทั้งหลายเขาเข้ามาเรียนกัน
ทุกครั้งที่ฝนตกหนักน้ำท่วมถนนหนทางแถวนี้ ผมจะเห็นบรรดาทหารของชาติในชุดเขียวและลายพราง ออกมาขับรถบรรทุกคันโตลุยน้ำท่วม รับผู้คนที่ขึ้นจากเรือตรงท่าเขียวไข่กา และตามตรอกซอกซอยต่างๆ ไปส่งเด็กๆ ตามโรงเรียนและส่งคนตามป้ายรถเมล์ พอน้ำแห้ง..ทหารช่างก็มาช่วยซ่อมถนนหนทาง ที่เสียหายอย่างแข็งขันอีกด้วย
หลายครั้งครา..ผมได้เห็นรถถังวิ่งออกจาก ม.พัน 4 ไปจอดแถวพระรูปทรงม้า ธนาคารแห่งชาติ-ถนนบางขุนพรหม กรมประชาสัมพันธ์-ถนนราชดำเนิน ฯลฯ จากนั้นไม่นานก็มีประกาศของคณะรัฐประหาร อ้างเหตุผลในการล้มรัฐบาลขณะนั้นผ่านทางวิทยุและทีวี!
สภาพแวดล้อมของชีวิตที่เวียนว่ายในวงสีเขียวทหาร ทำให้ผมฝันอยากเป็นทหารในวัยเด็กแต่ฝันของผม“คุด”ครับ เพราะสุดท้าย..ชีวิตกลับได้ร่ำเรียนและทำงานศิลปะ ในบริษัทโฆษณาทั้งของคนไทยและฝรั่งมังค่าไปเสียฉิบ
จนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ผมจึงมีโอกาสได้เป็นทหาร แต่เป็นทหารที่ใส่หมวกดาวแดงในกองร้อย 561 ของกองทัพปลดแอกฯ ที่มีเสนาธิการฯ ใหญ่ชื่อ“สหายคำตัน” หรือ พ.ท.โพยม จุลานนท์ ทหารเก่งของกองทัพบกไทย ที่เป็นบิดาของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นองคมนตรีในปัจจุบัน แต่บิดาได้ผันตัวเองเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยครับ
หลัง“ป๋าเปรมฯ”ใช้นโยบาย 66/2523 ผู้คนในป่าก็กลับเข้าเมือง ผมได้ทำงานกับอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ทำให้รู้จักนายทหารอีกมากมายทั้งบก-เรือ-อากาศ รวมทั้งบรรดานายตำรวจอีกกลุ่มใหญ่ ที่มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีปนเปไปหมด
อย่างไรก็ตาม..ทั้งหมดทำให้ผมได้รู้-ได้เห็นว่า กองทัพไทยนี่แหละ..ที่เป็นปราการหลักที่สำคัญยิ่งในการปกป้องรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ทว่าสถานการณ์ของกองทัพไทยจากวันนั้นจรดวันนี้ กลับอ่อนแอลงอย่างน่าใจหาย เพราะระบอบคณา-ธนา-โจราธิปไตย ที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยมานานแล้ว ได้ฝังรากลึกและเติบใหญ่จนทำลายความมั่นคงของชาติในทุกมิติไปเสียแล้วครับ
เพราะขุมทรัพย์จากงบประมาณแผ่นดินของรัฐนับล้านๆ บาท รวมทั้งโครงการรษฎร์-หลวงอีกมากมาย ทำเงินให้นักธุรกิจการเมืองได้แบบคุ้มแสนคุ้ม แถมความเสี่ยงในการติดคุกหรือความผิดทางกฏหมายน้อยมาก เพราะกฏหมายเอาผิดนักการเมืองชั่วที่คอร์รัปชั่นชาติบ้านเมืองนั้น..ยากและเบามาก มีนักการเมืองแค่คนสองคนเท่านั้นที่ต้องติดตะรางเพราะโกงกินบ้านเมือง..จริงไหม?
ดังนั้น ถนนสาย“ยึดอำนาจรัฐ”จึงเต็มไปด้วยบรรดานักธุรกิจการเมืองและผู้มีอิทธิพลชั่วๆ ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ตั้งกลุ่ม-ก๊วน-แก๊ง-พรรคการเมืองกำมะลอ ใช้เงินซื้อเสียงในเวทีเลือกตั้ง เพื่อให้ได้ ส.ส.เสียงข้างมากเข้าไปยึดครองสภา ก่อนจะตั้งนายกฯ และ ครม. เพื่อใช้อำนาจรัฐไปโกงกินบ้านเมืองไงล่ะครับ
เมื่อได้อำนาจรัฐอยู่ในกำมือ รัฐบาลขี้โกงก็จะแต่งตั้งข้าราชการเลวๆ มาทำการฉ้อฉลให้ตนและพวกพ้อง ดังนั้นข้าราชการระดับสำคัญของทุกกระทรวงทบวงกรม จึงเลือกที่จะรับใช้นักการเมืองขี้โกง แทนที่จะทำตัวเป็นข้าราชการของชาติและประชาชน รวมทั้งข้าราชการทหารและตำรวจก็หนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์นี้ได้
ในยุคนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ผู้เชี่ยวชาญในการซื้อตัวข้าราชการให้ละทิ้งความดีหันมาทำชั่วรับใช้ตน นอกจากใช้ตำแหน่งล่อแล้ว ยังมีการแจกสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงของโลก แจกเงินเดือนลับๆ แจกหุ้นที่กำลังจะเข้าหรือซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ อย่างหุ้น ปตท.ที่มีผลกำไรต่อปีกว่าแสนล้านบาทให้กับบรรดาข้าราชการบิ๊กเบิ้มอยู่เสมอ
ทักษิณได้บันดาลให้ ส.ส.-ส.ว.-ข้าราชการ-นายทหารและตำรวจใหญ่จำนวนไม่น้อย มีเงินทองและทรัพย์สินเพิ่มหรือรวยราวปาฏิหาริย์ เรียกว่า..รับราชการกันทั้งชีวิตก็ไม่มีวันจะมีเงินและทรัพย์สินได้มากมายขนาดนั้นไงล่ะครับ
ส่วนข้าราชการที่ดีและไม่ยอมทำการฉ้อฉลให้นักการเมืองชั่ว ก็จะถูกโยกย้ายไปอยู่ในจุดไม่สำคัญหรือไม่มีงานทำ การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการไทยของนักการเมืองขี้โกงทั้งหลาย จึงไร้ซึ่งความยุติธรรม-สิ้นคุณธรรม-ไม่มีจริยธรรม ทำให้ทั้งสังคมจมอยู่กับค่านิยมผิดๆ ที่ว่า ทำดี-ไม่ได้ดีมีให้เห็น(มากมาย) แต่ทำชั่ว-ได้ดีมีถมไป(เต็มบ้านเต็มเมือง)!
ข้าราชการในกองทัพไทยก็หนีไม่พ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ ยิ่งอดีตนายทหารใหญ่บางคนได้ก้าวเข้าสู่วงการเมือง และได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงกลาโหม กระทำตนเป็นบุคคลที่เห็นแก่ตัว-เอาแต่ได้ แสวงหาแต่ผลประโยชน์เข้าตัวและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง
ถึงขนาดเอากองทัพมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อข่มขู่คุกคามพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่สมควร รวมทั้งใช้กองทัพไปต่อรองกับตำแหน่งทางการเมือง และของบประมาณแผ่นดินเพื่อแสวงหาประโยชน์จากการจัดซื้ออาวุธสงครามเข้ามาใช้ในกองทัพ
ที่สำคัญมีอดีตนายทหารระดับสูงบางคนเหล่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงคุณค่าชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยถึงกับบังอาจเอาเงินงบประมาณแผ่นดินที่รีดมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชนไปเที่ยวซื้ออาวุธที่ไร้ประสิทธิภาพเข้าสู่กองทัพ เมื่อทหารหาญของชาตินำอาวุธเหล่านั้นไปใช้ก็เกิดการสูญเสียต่อกำลังพลอย่างไม่อาจให้อภัยได้
แถมบางรัฐบาลของนักการเมืองชั่ว นอกจากจะกระทำการคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬารแล้ว ยังมีการใช้นโยบายขายชาติเที่ยวยกดินแดนไทยให้กับชาติเขมรอย่างโจ๋งครึ่มด้วยการไปเซ็น MOU 2543 รับรองแผนที่ฯ 1 ต่อ2 แสนของเขมรอย่างไร้เหตุผล ทำให้เกิดเส้นแบ่งเขตแดนทับซ้อนที่กินลึกเข้ามาในดินแดนไทยทันที และยังกลายเป็นข้ออ้างให้เขมรยกกำลังพลเข้ายึดยอดภู-ตั้งค่ายทหาร สร้างหมู่บ้าน-ตลาด-วัดในเขตแดนไทย ทำให้ชาติไทยเสียดินแดนให้กับชาติเขมรไปโดยปริยายแล้ว
ทว่า..กองทัพไทยที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นจอมทัพ มีภาระกิจหลักตามกฏหมายรัฐธรรมนูญที่จะต้องปกป้องรักษาสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กลับมีผู้นำนายทหารบางคนที่หน้ามืดตามัว ยังคงเดินตามก้นนโยบายผิดๆ ของนักการเมืองขี้โกง โดยไม่จำแนกสิ่งถูก-ผิดใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะหลงรักแต่ลาภ-ยศ-เงินทอง จนลืมรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชนไงล่ะครับ!
เนื่องจากนักการเมืองชั่วไม่ยอมให้ทหารที่ดี หรือทหารอาชีพของชาติขึ้นปกครองกองทัพแต่จะเอาบรรดาทหารพาณิชย์ที่มุ่งแต่หาเงินเข้ากระเป๋าตนและพวกพ้อง กับบรรดาทหารกำมะลอที่เอาแต่ก้มหัวรับใช้นักการเมืองขี้ฉ้อ ขึ้นมาเป็นผู้นำกองทัพที่ไร้ประสิทธิภาพ ในการทำหน้าที่ปกป้องรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไงล่ะครับ
วันนี้..ชาติและประชาชนคนไทย ต้องการทหารและกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มิได้ต้องการทหารและกองทัพของนักการเมืองชั่ว..นะโว้ย..จะบอกให้...!!!