xs
xsm
sm
md
lg

BECLโอดส่วนแบ่งรายหด500ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน-BECL ฟุ้งแหล่งเงินพร้อมหนุนลงทุนด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ เพียบ ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มั่นใจประสบการณ์และความแข็งแกร่งทางการเงิน ทำข้อเสนอชิงสัมปทานได้ดีที่สุด ยันสิทธิ์เจรจาก่อนถูกต้องชอบธรรมเชื่อสุดท้ายตัดสินที่ข้อเสนอเป็นไปตามสัญญาด่วน 2 โอดปรับส่วนแบ่งรายได้กับกทพ.เหลือ 40% ทำรายได้ปี 54 ลด 500 ล้านบาทแต่กระทบกำไรไม่มากเหตุปริมาณจราจรเพิ่มกระฉูด เตรียมลงทุนอีก 300 ล้านทำทางยกระดับเชื่อมจตุรทิศ และเตรียมออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท

นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำข้อเสนอเพื่อยื่นขอลงทุนดำเนินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 16.7 กม.มูลค่า 17,458 ล้านบาท โดยมีสถาบันการเงินประมาณ 7 แห่งแสดงความสนใจที่จะให้การสนับสนุนด้านเงินลงทุนในโครงการแก่บริษัทโดยมีต้นทุนทางการเงินที่ค่อนข้างต่ำ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพันธมิตรเดิม เช่น ธนาคารกรุงเทพ, กรุงไทย, ไทยพาณิชย์, ทหารไทย,นครหลวงไทย

“วันที่18 พ.ค. 2554 นี้ BECL จะยื่นข้อเสนอประมูล PPP ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯแน่นอน ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถยื่นข้อเสนอทั้งด้านการก่อสร้างและผลตอบแทนต่างๆ ที่ดีให้รัฐ และมีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นผู้ลงทุนเนื่องจาก บริษัทมีประสบการณ์ มีความสามารถในเรื่องการก่อสร้างและบริหารทางด่วน รวมทั้งมีความแข็งแกร่งด้านการเงิน”นางพเยาว์กล่าว และว่าทั้งนี้กรณีที่ BECL ได้รับสิทธิ์เจรจาก่อนในฐานะเป็นผู้รับสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 นั้น เป็นสิทธิ์ตามสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ที่ระบุไว้ตั้งแต่ตอนทำสัญญาไม่ได้เป็นประเด็นที่เพิ่งมาตกลงกัน อย่างไรก็ตามการตัดสินจะต้องพิจารณาว่า ใครมีข้อเสนอที่ดีที่สุดและค่าผ่านทางที่มีความเป็นไปได้และเหมาะสมมากกว่า

ปรับส่วนแบ่งทางด่วนทำรายได้ปี 54 ลด 500 ล้านบาท

นางพเยาว์กล่าวว่า ประมาณการรายได้ในปี 2554 ของ BECL คาดว่าจะลดลงจากปี 2553 ประมาณ 500 ล้านบาทหรือประมาณ 7 % จากรายได้รวมประมาณ 7,000 ล้านบาท เนื่องจากตั้งแต่เดือนมี.ค.54 เป็นต้นไปจะมีการปรับส่วนแบ่งรายได้ระหว่าง BECL กับกทพ. จาก 50-50 เป็น 40-60 ตามสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้น 2 ระบบในเมือง (Sector A,B) ในช่วง 9 ปีสุดท้าย ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงจากปี 53 ไปด้วยแต่ไม่มากนัก โดยปี 53
มีกำไรสุทธิประมาณ 1,800 ล้านบาท

นางพเยาว์กล่าวว่า ปัจจัยที่ช่วยให้กำไรสุทธิลดลงไม่มากแม้รายได้จากลดลงประมาณ 500 ล้านบาทนั้น เนื่องจากในปี 54 นี้คาดว่าอัตราการเติบโตของปริมาณการจราจรจะเพิ่มขึ้น4-7% เมื่อเทียบกับปี 53 ดังนั้นยืนยันว่า การปันผลผู้ถือหุ้นจะอยู่ในระดับที่ไม่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเฉลี่ยที่จ่ายย้อนหลังไป5 ปี

“แม้ส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางจะปรับลดลงแต่มีตัวช่วยจากปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเฉพาะเดือนมีนาคมโตกว่าเดือนมีนาคมปี53 ถึง 10% เนื่องจากไม่มีการชุมนุมทางการเมืองส่วนปัจจัยราคาน้ำมันแพงไม่ส่งผลกระทบทำให้มีการเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้รถ นอกจากนี้ บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากเขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งถือหุ้นอยู่ 12.5 % โดยมียอดขายประมาณ 4,4000 ล้านบาทต่อปี,มีรายได้จากการขานสินทรัพย์ ประมาณ100 ล้านบาท ,ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ ประมาณ 100 ล้านบาท มาช่วยอีก”นางพเยาว์กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้พยายามหารายได้เพิ่มนอกเหนือจากค่าผ่านทางเช่น พัฒนาพื้นที่ใต้เขตทางซึ่งได้เสนอไปยังกทพ.จำนวน 4 แห่ง ซึ่งได้ทำแผนเสนอกทพ.ไปแล้ว นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกทพ.และกรุงเทพมหานคร เพื่มอก่อสร้างทางเชื่อมต่อลอยฟ้าจากถนนจตุรทิศเข้าสู่ระบบทางด่วนที่บริเวณอโศก วงเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาทคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ไตรมาศที่ 4/54

สำหรับหนี้ของบริษัทที่ครบกำหนดชำระมีจำนวน 3,900 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ 2,9000 ล้านบาท และเป็นหนี้ธนาคาร 1,000 ล้านบาท ซึ่งภายในเดือนเม.ย. นี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้จำนวน 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นระยะสั้น 3 ปีจำนวน 1,000 ล้านบาทและระยะยาว 10 ปีจำนวน 1,000 ล้านบาทซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำถือว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่ดีสามารถแสวงหาต้นทุนการเงินที่ต่ำได้ในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น