นางกิ่งเทียน บางอ้อ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT แจ้งผลงานไตรมาสแรกปี 54 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 54 ซึ่งผู้สอบบัญชียังมิได้สอบทานและยังมิได้ตรวจสอบผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวด 3 เดือนแรกของปี 54 ปรากฎตามงบกำไรขาดทุนเฉพาะ มีผลกำไรสุทธิ 20.379 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.275 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 6.67% เมื่อเทียบกับผลกำไรงวดบัญชีเดียวกันของปี 53 มี 19.104 ล้านบาท สำหรับผล ขณะที่กำไรสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวมในไตรมาสแรกของปี 54 มีผลกำไรสุทธิ 15.206 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิลดลง 2.373 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 13.50% เมื่อเทียบกับผลกำไรงวดบัญชีเดียวกันของปี 53 ที่มี 17.579 ล้านบาท อันเป็นผลจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนเผื่อขายไว้ด้วยนั้น ในไตรมาสแรกของปี 54
อย่างไรก็ดี ในส่วนของรายได้นั้นพบว่าในไตรมาสแรกของ 54 บริษัทฯมีรายการที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น คือ รายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 8.578 ล้านบาท จาก 5.846 ล้านบาท เป็น 14.424 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินปันผลรับจากบริษัทย่อย
นอกจากนี้มีการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น ๆ อีก 6.913 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นการลดลงของรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขาย 5.59 ล้านบาท การลดลงของค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้นิติบุคคล 1.961 ล้านบาท และ 0.516 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะเดียวกันบริษัทมีรายการที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงคือการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 5.307 ล้านบาท จาก 44.101 ล้านบาท เป็น 38.794 ล้านบาท และการลดลงของกำไรสุทธิจากเงินลงทุน 11.303 ล้านบาท
ขณะที่การลดลงของกำไรสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวม 2.373 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 54 เทียบกับไตรมาสแรกของปี 53 เพราะถึงแม้ว่ากำไรสุทธิจากบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้น 1.275 ล้านบาท อันเนื่องมาจากเงินปันผลที่มีการรับมาจริงจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านบาท แต่ในการจัดทำงบการเงินรวมต้องตัดรายการเงินปันผลดังกล่าวออก จึงทำให้กำไรสุทธิในการจัดทำงบการเงินรวมลดลงเป็น 6.725 ล้านบาท และเกิดจากการรับรู้กำไรสุทธิจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 4.352 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในส่วนของรายได้นั้นพบว่าในไตรมาสแรกของ 54 บริษัทฯมีรายการที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น คือ รายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 8.578 ล้านบาท จาก 5.846 ล้านบาท เป็น 14.424 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินปันผลรับจากบริษัทย่อย
นอกจากนี้มีการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น ๆ อีก 6.913 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นการลดลงของรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขาย 5.59 ล้านบาท การลดลงของค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้นิติบุคคล 1.961 ล้านบาท และ 0.516 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะเดียวกันบริษัทมีรายการที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงคือการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 5.307 ล้านบาท จาก 44.101 ล้านบาท เป็น 38.794 ล้านบาท และการลดลงของกำไรสุทธิจากเงินลงทุน 11.303 ล้านบาท
ขณะที่การลดลงของกำไรสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวม 2.373 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 54 เทียบกับไตรมาสแรกของปี 53 เพราะถึงแม้ว่ากำไรสุทธิจากบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้น 1.275 ล้านบาท อันเนื่องมาจากเงินปันผลที่มีการรับมาจริงจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านบาท แต่ในการจัดทำงบการเงินรวมต้องตัดรายการเงินปันผลดังกล่าวออก จึงทำให้กำไรสุทธิในการจัดทำงบการเงินรวมลดลงเป็น 6.725 ล้านบาท และเกิดจากการรับรู้กำไรสุทธิจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 4.352 ล้านบาท