ASTVผู้จัดการรายวัน – โจนส์ แลง ลาซาลล์ เผยเงินเฟ้อปรับขึ้น แหล่งเงินทุนหาง่าย ความเสี่ยงต่ำหนุนนักลงทุนซื้ออาคาร พบ ไตรมาสแรกตัวแลขซื้อ-ขายพุ่ง 38% มูลค่าเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ เอเชียแปซิฟิก อเมริกาโตขณะที่ยุโรปและตะวันออกกลางชะลอตัว คาด 9 เดือนที่เหลือซื้อ-ขายเพิ่มอีก 2.9-3.1 หมื่นล้านดอลลาร์
บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นการซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ (อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม) ทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2554 พบว่า มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2553
ทั้งนี้พบว่า นักลงทุนทั้งประเภทสถาบันและประเภทบุคคล ยังคงให้ความสนใจซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำในเมืองหน้าด่านหลักๆ ทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันเริ่มมีนักลงทุนบางส่วนที่ลงทุนซื้อสินทรัพย์ในตลาดที่มีความเสี่ยงการลงทุนสูงขึ้น โดยรอจังหวะที่ธนาคารปล่อยขายสินทรัพย์ในราคาที่น่าสนใจออกมา หรือเมื่อเห็นว่าปัจจัยพื้นฐานในตลาดนั้นๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น
ในเอเชียแปซิฟิก มูลค่าการซื้อขายปรับเพิ่มสูงขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสแรกของปี 2553 สะท้อนให้เห็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของภูมิภาคนี้ โดยนักลงทุนภายในประเทศเป็นผู้ซื้อรายหลัก ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจสูงก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว
ในยุโรปและตะวันออกกลาง กิจกรรมการซื้อขายอาคารได้ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2553ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเร่งปิดการซื้อขายให้เสร็จก่อนสิ้นปี แต่ยังสูงกว่าไตรมาสแรกของปีที่แล้ว โดยเฉพาะในตลาดหลักๆ เช่น เยอรมัน โปแลนด์ รัสเซีย และอังกฤษ
ในภูมิภาคอเมริกา มูลค่าการซื้อขายสูงกว่าไตรมาสแรกของปี 2553 มากกว่าเท่าตัว แต่ลดลงเล็กน้อยเพื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นไตรมาสที่มีมูลค่าการซื้อขายพุ่งสูงขึ้นมากในสหรัฐฯ
มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้นักลงทุนสนใจซื้ออาคาร อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เมืองหลักๆ หลายเมืองมีอุปทานไม่เพียงพอรองรับอุปสงค์ การลงทุนซื้ออาคารมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนอื่นๆ บางประเภทเช่นการลงทุนในตลาดหุ้น ราคาซื้อขายในตลาดชั้นรองยังคงอยู่ระดับที่น่าสนใจ และการหาแหล่งเงินทุนสามารถทำได้ง่ายขึ้น คาดว่า ในช่วงสามไตรมาสที่เหลือของปีนี้ จะมีการซื้อขายอาคารเพิ่มขึ้นรวมมูลค่าอีกประมาณ 2.9-3.1 แสนล้านดอลลาร์
บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นการซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ (อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม) ทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2554 พบว่า มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2553
ทั้งนี้พบว่า นักลงทุนทั้งประเภทสถาบันและประเภทบุคคล ยังคงให้ความสนใจซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำในเมืองหน้าด่านหลักๆ ทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันเริ่มมีนักลงทุนบางส่วนที่ลงทุนซื้อสินทรัพย์ในตลาดที่มีความเสี่ยงการลงทุนสูงขึ้น โดยรอจังหวะที่ธนาคารปล่อยขายสินทรัพย์ในราคาที่น่าสนใจออกมา หรือเมื่อเห็นว่าปัจจัยพื้นฐานในตลาดนั้นๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น
ในเอเชียแปซิฟิก มูลค่าการซื้อขายปรับเพิ่มสูงขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสแรกของปี 2553 สะท้อนให้เห็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของภูมิภาคนี้ โดยนักลงทุนภายในประเทศเป็นผู้ซื้อรายหลัก ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจสูงก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว
ในยุโรปและตะวันออกกลาง กิจกรรมการซื้อขายอาคารได้ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2553ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเร่งปิดการซื้อขายให้เสร็จก่อนสิ้นปี แต่ยังสูงกว่าไตรมาสแรกของปีที่แล้ว โดยเฉพาะในตลาดหลักๆ เช่น เยอรมัน โปแลนด์ รัสเซีย และอังกฤษ
ในภูมิภาคอเมริกา มูลค่าการซื้อขายสูงกว่าไตรมาสแรกของปี 2553 มากกว่าเท่าตัว แต่ลดลงเล็กน้อยเพื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นไตรมาสที่มีมูลค่าการซื้อขายพุ่งสูงขึ้นมากในสหรัฐฯ
มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้นักลงทุนสนใจซื้ออาคาร อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เมืองหลักๆ หลายเมืองมีอุปทานไม่เพียงพอรองรับอุปสงค์ การลงทุนซื้ออาคารมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนอื่นๆ บางประเภทเช่นการลงทุนในตลาดหุ้น ราคาซื้อขายในตลาดชั้นรองยังคงอยู่ระดับที่น่าสนใจ และการหาแหล่งเงินทุนสามารถทำได้ง่ายขึ้น คาดว่า ในช่วงสามไตรมาสที่เหลือของปีนี้ จะมีการซื้อขายอาคารเพิ่มขึ้นรวมมูลค่าอีกประมาณ 2.9-3.1 แสนล้านดอลลาร์