จากกรณีที่หลายพรรคการเมืองแสดงการคัดค้านกรณีที่นายกรัฐมนตรีเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งออกระเบียบห้ามพรรคการเมืองอ้างสถาบันในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยอ้างว่า กฎหมายระบุชัดเจนทุกพรรคการเมืองต้องเทิดทูนสถาบันอยู่แล้ว
ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการแจ้งครม.เพื่อทราบว่า ได้มีหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวังแจ้งถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้ครม.ทราบเป็นเรื่องที่มีข่าวว่า ได้ให้พรรคการเมืองหนึ่งไปดำเนินการในเรื่องของการแสดงความจงรักภักดี เชิดชูสถาบัน โดยพบว่ามีพรรรคการเมืองไปพิมพ์เอกสารแล้วบอกว่าได้รับพระบรมราชานุญาติ ซึ่งทางราชเลขาฯก็ตอบหนังสือปฏิเสธมาบอกว่า ไม่เคยมีพระบรมราชานุญาติแก่ผู้ใด ไม่ว่าพรรคการเมืองใด ๆทั้งสิ้น ในเรื่องของการให้ไปดำเนินการในเรื่องของแสดงความจงรักภักดี วันที่ 19เม.ย.
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าว ในที่ประชุมครม. นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค ซึ่งการจัดงานในวันนั้นเนื่องจากเป็นวันสำคัญของพรรคในการครบรอบ 3 ปี ส่วนพระบรมฉายาลักษณ์ จำนวน 1 ล้าน 5 แสนฉบับ ได้ขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลได้มีการคำสั่งไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อให้มีงดกิจกรรมในการนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปแจกจ่าย เมื่อวันเสาร์ที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยทางจังหวัดได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่วิทยุชุมชนหารือเป็นการด่วน และได้มีการขอให้นักการเมือง ผู้นำท้องถิ่นงดกิจกรรมดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า ได้มีการให้ประชาชนลงชื่อก่อนรับมอบพระบรมฉายาลักษณ์
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีในกฎหมายชัดเจน “มันผู้ใดไม่เทิดทูนพระมหากษัตริย์ มันผู้นั้นไม่ใช่คนไทย” คนไทยทุกคนรักสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องไปเขียนทำไม กฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็มีแล้ว ส่วนเจตนาของ กกต. ที่ต้องการให้ปกป้องสถาบันนั้น ตนไม่ทราบ เพราะ กกต. ไม่เคยเป็นผู้แทนราษฎร
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยต้องปรับเปลี่ยนนโยบายหาเสียงหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ก็ไม่เห็นต้องมีอะไรต้องปรับเปลี่ยน เคยทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น ส่วนนโยบายที่ชูการปกป้องสถาบันนั้น ทุกคนที่เป็นคนไทยทั้งประเทศก็ต้องปกป้องทั้งนั้น ใครไม่ปกป้องสถาบันก็คงไม่ใช่คนไทย
เมื่อถามว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ชูเรื่องสถาบันจะมีปัญหากับ กกต. หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ก็ยังไม่เห็น จะให้ตนตอบอย่างไร ซึ่งเรื่องที่ กกต. เห็นว่าเรื่องของสถาบันคนไทยต้องปกป้องอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่พรรคการเมืองต้องนำเรื่องมาใช้เป็นประโยชน์ในการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ทางกองทัพระบุว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังในการจาบจ้วงสถาบัน นายชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนไม่ใช่พนักงานสอบสวน จะได้รู้เรื่อง ไม่ได้สืบสวนประเด็นนี้
รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า เรื่องของสถาบันอยู่เหนือการเมืองอยู่แล้ว และประชาชนคนไทยทุกคนต่างเทิดทูน หากนักการเมืองปราศรัยในเชิงบวกไม่น่าจะมีปัญหา แต่หากพูดในทางลบ หมิ่นเหม่ หรือจาบจ้วงสถาบัน แม้ไม่มีระเบียบ กกต.ก็มีกฎหมายอาญาบังคับใช้อยู่แล้ว ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะต้องหารือกับพรรคการเมืองก่อน พร้อมกับพิจารณาบทลงโทษต่างๆ อย่างรอบคอบ นอกจากนี้ยังเห็นว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีการแข่งขันที่เข้มข้น โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเล็ก ที่ผู้สมัครได้รับความนิยมสูสีกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เขียนอย่างนั้น แต่ตนมีความคิดอย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด เราต้องการให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง อยู่เหนือการเมืองเป็นเหตุผลที่ตนได้บอกให้ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. อันนี้กินความในเรื่องการที่ไปเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหนังสือจากสำนักราชเลขาฯมาถึงครม.หรือไม่เกี่ยวกับการที่พรรคการเมืองนำเรื่องการปกป้องสถาบันไปหาเสียง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ไม่ใช่คำพูดอย่างนั้น” เมื่อถามต่อว่า ในส่วนของกกต.บอกว่า จะออกระเบียบ นายอภิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เมื่อถามอีกว่า ทางพรรคภูมิใจไทยออกมาคัดค้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า กกต.คงจะดำเนินการอยู่ แต่คงจะให้มีความชัดเจนขึ้น เพราะเราไม่ต้องการ เนื่องจากใกล้การเลือกตั้งแล้ว และต้องยอมรับว่า ในทางการเมืองตอนหลังที่มีการเคลื่อนไหว มีเรื่องของสถาบันถูกหยิบยกเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ตนต้องการไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามออกไป ฉะนั้นถ้ากกต.ทำได้เร็วเท่าไรก็เป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามย้ำว่า ทางพรรคภูมิใจไทยออกมาต่อว่ากกต. นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นความคิดของพรรคภูมิใจไทย แต่สิ่งที่กกต.กำลังดำเนินการอยู่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลในส่วนของพรรคร่วมจะมีการพูดคุยให้เดินตามแนวทางนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนได้พูดชัดในที่ประชุมครม. เมื่อถามว่า ท่าทีของพรรคภูมิใจไทยที่อยู่ในที่ประชุมครม.เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ตอนที่อยู่ในครม.ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามต่อว่า นายกฯกำชับไปว่าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ย้ำไปว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง เมื่อถามอีกว่า พรรคการเมืองที่ไปขึ้นป้ายขึ้นคัตเอาว์ทใช้สถาบันหาเสียงกันแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้บอกไปแล้วให้ระมัดระวัง และคิดว่าดีที่สุดเพื่อให้เกิดความชัดเจน และเป็นกติกาไปเลย ถ้ากกต.ทำจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด
“เราต้องยอมรับว่า มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือการเคลื่อนไหว หรือการพูดจาหรืออะไรก็ตามหลายเรื่องมันไม่ผิดกฎหมาย แต่ผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น เพราะมันไม่เหมาะสม ถ้าหากว่า มาเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง ฉะนั้นกกต.อยู่ในฐานะที่ดีมาก และผมขอขอบคุณกกต.ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว เพราะเห็นท่านให้สัมภาษณ์ว่า ท่านก็ทำอยู่ก่อนแล้ว แต่อยากให้เร่งออกมา จะได้ชัดเจน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวยืนยันว่าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่เคยนำเรื่องสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือนำเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ทางพรรคภูมิใจไทยจะมีการแถลงข่าวที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย ได้จัดงานครบรอบ 2 ปีก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 ภายใต้งานว่า “ บ้านฉัน..รักพระเจ้าอยู่หัว ” พร้อมทั้งให้ ส.ส.แจกพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับพระบรมราชานุญาต จำนวน 1.5 ล้านใบ ซึ่งเป็นภาพพระราชกรณียกิจทรงงานนำไปแจกให้กับประชาชน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมออกระเบียบห้ามพรรคการเมืองพาดพิงสถาบันในการหาเสียงเลือกตั้งว่า ปชป.เห็นด้วยในหลักการ แต่ต้องมีความชัดเจนในรายละเอียด เพราะแม้มีกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่กระบวนการล่าช้า ดังนั้น การออกเป็นระเบียบ กกต.จะสามารถเอาผิดได้ทันที เช่นเดียวกับระเบียบ กกต.ที่ห้ามปราศรัยใส่ร้าย ถ้ากกต.วินิจฉัยเอาผิดได้ทันที
ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการแจ้งครม.เพื่อทราบว่า ได้มีหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวังแจ้งถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้ครม.ทราบเป็นเรื่องที่มีข่าวว่า ได้ให้พรรคการเมืองหนึ่งไปดำเนินการในเรื่องของการแสดงความจงรักภักดี เชิดชูสถาบัน โดยพบว่ามีพรรรคการเมืองไปพิมพ์เอกสารแล้วบอกว่าได้รับพระบรมราชานุญาติ ซึ่งทางราชเลขาฯก็ตอบหนังสือปฏิเสธมาบอกว่า ไม่เคยมีพระบรมราชานุญาติแก่ผู้ใด ไม่ว่าพรรคการเมืองใด ๆทั้งสิ้น ในเรื่องของการให้ไปดำเนินการในเรื่องของแสดงความจงรักภักดี วันที่ 19เม.ย.
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าว ในที่ประชุมครม. นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค ซึ่งการจัดงานในวันนั้นเนื่องจากเป็นวันสำคัญของพรรคในการครบรอบ 3 ปี ส่วนพระบรมฉายาลักษณ์ จำนวน 1 ล้าน 5 แสนฉบับ ได้ขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลได้มีการคำสั่งไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อให้มีงดกิจกรรมในการนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปแจกจ่าย เมื่อวันเสาร์ที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยทางจังหวัดได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่วิทยุชุมชนหารือเป็นการด่วน และได้มีการขอให้นักการเมือง ผู้นำท้องถิ่นงดกิจกรรมดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า ได้มีการให้ประชาชนลงชื่อก่อนรับมอบพระบรมฉายาลักษณ์
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีในกฎหมายชัดเจน “มันผู้ใดไม่เทิดทูนพระมหากษัตริย์ มันผู้นั้นไม่ใช่คนไทย” คนไทยทุกคนรักสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องไปเขียนทำไม กฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็มีแล้ว ส่วนเจตนาของ กกต. ที่ต้องการให้ปกป้องสถาบันนั้น ตนไม่ทราบ เพราะ กกต. ไม่เคยเป็นผู้แทนราษฎร
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยต้องปรับเปลี่ยนนโยบายหาเสียงหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ก็ไม่เห็นต้องมีอะไรต้องปรับเปลี่ยน เคยทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น ส่วนนโยบายที่ชูการปกป้องสถาบันนั้น ทุกคนที่เป็นคนไทยทั้งประเทศก็ต้องปกป้องทั้งนั้น ใครไม่ปกป้องสถาบันก็คงไม่ใช่คนไทย
เมื่อถามว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ชูเรื่องสถาบันจะมีปัญหากับ กกต. หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ก็ยังไม่เห็น จะให้ตนตอบอย่างไร ซึ่งเรื่องที่ กกต. เห็นว่าเรื่องของสถาบันคนไทยต้องปกป้องอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่พรรคการเมืองต้องนำเรื่องมาใช้เป็นประโยชน์ในการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ทางกองทัพระบุว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังในการจาบจ้วงสถาบัน นายชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนไม่ใช่พนักงานสอบสวน จะได้รู้เรื่อง ไม่ได้สืบสวนประเด็นนี้
รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า เรื่องของสถาบันอยู่เหนือการเมืองอยู่แล้ว และประชาชนคนไทยทุกคนต่างเทิดทูน หากนักการเมืองปราศรัยในเชิงบวกไม่น่าจะมีปัญหา แต่หากพูดในทางลบ หมิ่นเหม่ หรือจาบจ้วงสถาบัน แม้ไม่มีระเบียบ กกต.ก็มีกฎหมายอาญาบังคับใช้อยู่แล้ว ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะต้องหารือกับพรรคการเมืองก่อน พร้อมกับพิจารณาบทลงโทษต่างๆ อย่างรอบคอบ นอกจากนี้ยังเห็นว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีการแข่งขันที่เข้มข้น โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเล็ก ที่ผู้สมัครได้รับความนิยมสูสีกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เขียนอย่างนั้น แต่ตนมีความคิดอย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด เราต้องการให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง อยู่เหนือการเมืองเป็นเหตุผลที่ตนได้บอกให้ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. อันนี้กินความในเรื่องการที่ไปเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหนังสือจากสำนักราชเลขาฯมาถึงครม.หรือไม่เกี่ยวกับการที่พรรคการเมืองนำเรื่องการปกป้องสถาบันไปหาเสียง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ไม่ใช่คำพูดอย่างนั้น” เมื่อถามต่อว่า ในส่วนของกกต.บอกว่า จะออกระเบียบ นายอภิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เมื่อถามอีกว่า ทางพรรคภูมิใจไทยออกมาคัดค้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า กกต.คงจะดำเนินการอยู่ แต่คงจะให้มีความชัดเจนขึ้น เพราะเราไม่ต้องการ เนื่องจากใกล้การเลือกตั้งแล้ว และต้องยอมรับว่า ในทางการเมืองตอนหลังที่มีการเคลื่อนไหว มีเรื่องของสถาบันถูกหยิบยกเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ตนต้องการไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามออกไป ฉะนั้นถ้ากกต.ทำได้เร็วเท่าไรก็เป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามย้ำว่า ทางพรรคภูมิใจไทยออกมาต่อว่ากกต. นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นความคิดของพรรคภูมิใจไทย แต่สิ่งที่กกต.กำลังดำเนินการอยู่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลในส่วนของพรรคร่วมจะมีการพูดคุยให้เดินตามแนวทางนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนได้พูดชัดในที่ประชุมครม. เมื่อถามว่า ท่าทีของพรรคภูมิใจไทยที่อยู่ในที่ประชุมครม.เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ตอนที่อยู่ในครม.ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามต่อว่า นายกฯกำชับไปว่าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ย้ำไปว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง เมื่อถามอีกว่า พรรคการเมืองที่ไปขึ้นป้ายขึ้นคัตเอาว์ทใช้สถาบันหาเสียงกันแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้บอกไปแล้วให้ระมัดระวัง และคิดว่าดีที่สุดเพื่อให้เกิดความชัดเจน และเป็นกติกาไปเลย ถ้ากกต.ทำจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด
“เราต้องยอมรับว่า มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือการเคลื่อนไหว หรือการพูดจาหรืออะไรก็ตามหลายเรื่องมันไม่ผิดกฎหมาย แต่ผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น เพราะมันไม่เหมาะสม ถ้าหากว่า มาเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง ฉะนั้นกกต.อยู่ในฐานะที่ดีมาก และผมขอขอบคุณกกต.ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว เพราะเห็นท่านให้สัมภาษณ์ว่า ท่านก็ทำอยู่ก่อนแล้ว แต่อยากให้เร่งออกมา จะได้ชัดเจน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวยืนยันว่าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่เคยนำเรื่องสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือนำเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ทางพรรคภูมิใจไทยจะมีการแถลงข่าวที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย ได้จัดงานครบรอบ 2 ปีก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 ภายใต้งานว่า “ บ้านฉัน..รักพระเจ้าอยู่หัว ” พร้อมทั้งให้ ส.ส.แจกพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับพระบรมราชานุญาต จำนวน 1.5 ล้านใบ ซึ่งเป็นภาพพระราชกรณียกิจทรงงานนำไปแจกให้กับประชาชน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมออกระเบียบห้ามพรรคการเมืองพาดพิงสถาบันในการหาเสียงเลือกตั้งว่า ปชป.เห็นด้วยในหลักการ แต่ต้องมีความชัดเจนในรายละเอียด เพราะแม้มีกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่กระบวนการล่าช้า ดังนั้น การออกเป็นระเบียบ กกต.จะสามารถเอาผิดได้ทันที เช่นเดียวกับระเบียบ กกต.ที่ห้ามปราศรัยใส่ร้าย ถ้ากกต.วินิจฉัยเอาผิดได้ทันที