xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนท่องเที่ยวลดเป้า ปีนี้ต่างชาติโตเหลือแค่5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน  เอกชนท่องเที่ยวเผยตัวเลขต่างชาติเที่ยวสงกรานต์คึกคัก นักท่องเที่ยวผ่านด่านสนามบินสุวรรณภูมิโต 30%  สทท.ยอมรับ 3 ปัจจัย กระทบจำนวนนักท่องเที่ยวไม่โตตามคาด เล็งปรับลดประมาณการณ์เหลือ 17.1 ล้านคน โต 5-8%  ด้าน ส.โรงแรม เล็งใช้สีลม โปรโมตสงกรานต์กรุงเทพฯปีหน้า ช่วยเพิ่มอัตราเข้าพักช่วงวันหยุดยาว

นายกงกฤช หิรัญกิจ  ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า  จากการเก็บตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางผ่านด่านสนามบินสุวรรณภูมิ เพิ่มขึ้นถึง 30% จากช่วงปกติ ขณะที่สนามบินภูเก็ต มีเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยวบิน สะท้อนได้ชัดเจนว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวในช่วงเทศกาลนี้กันอย่างคึกคัก  ใกล้เข้าสู่ภาวะปกติในช่วงปี 2550 แล้ว

แม้สถานการณ์นักท่องเที่ยว เริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังมีปัจจัยลบ ที่ทำให้ สทท.ประเมินว่า ภาพรวมการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ สทท. วางไว้ ล่าสุดจึงเตรียมปรับลดตัวเลขการคาดการณ์อัตราเติบโต นักท่องเที่ยวเป็นโตเพิ่มจากปีก่อน  5-8% หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม  16.7-17.1 ล้านคน ลดลงจากเมื่อต้นปีที่ประมาณการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน  8-10% หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 17.1-17.3 ล้านคน   ที่ สทท.ต้องปรับลดประมาณการณ์นักท่องเที่ยว  มาจาก 3 ปัจจัยลบ ได้แก่ ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และ สึนามิ ในประเทศญี่ปุ่น , ผลจากความรุนแรงทางการเมืองในตะวันออกกลางและ  แอฟริกาเหนือ   และ ประการที่สาม คือผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น คาดว่า ผู้ประกอบการจะเริ่มทยอยปรับขึ้นราคาค่าบริการราว  5-10%  สอดคล้องกับต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ได้แก่ ต้นทุนค่าแรงงาน ต้นทุนค่าวัตถุดิบอาหาร และ ต้นทุนพลังงาน  โดยเป็นการปรับขึ้นราคาครั้งแรกในรอบ 3 ปี  สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไตรมาสแรก อยู่ที่ระดับ 107   สะท้อนว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ

***ส.โรงแรมชูสีลมโปรโมตสงกรานต์กรุงเทพฯปีหน้า****
นายประกิจ  ชินอมรพงษ์  นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ)  เปิดเผยว่า  มีแนวคิดว่า ในเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า สมาคม จะโปรโมต การจัดงานเล่นน้ำสงกรานต์ ถนน สีลม ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับรู้ เพื่อเชิญชวนให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว เพราะทุกปีที่ผ่านมา ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉพาะโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯมหานคร   จะมีอัตราเข้าพักลดลง เฉลี่ยอยู่ที่ 40% จากปกติจะเฉลี่ยที่ 60-70%  เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว นักธุรกิจที่เดินทางมาก็ต้องหยุดการติดต่องานในช่วงนี้ไปด้วย แต่หากสามารถโปรโมตการจัดงานเล่นน้ำสงกรานต์ ถนน สีลม ได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะทำให้ โรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักได้เพิ่มขึ้นอีก 5-10% หรือมีอัตราเข้าพักเพิ่มเป็น 50-55%   ชดเชยกันกับกลุ่มลูกค้านักธุรกิจที่หายไป   

สำหรับภาพรวมนักท่องเที่ยวทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พบว่า เกือบทุกพื้นที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวคึกคัก ส่งผลให้อัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยแล้วดีกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้เฉลี่ยพื้นที่ละ 3-5%  ทำให้หลายพื้นที่มีอัตราเข้าพักในระดับสูง   เช่น พัทยา มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 90-95% ,เชียงใหม่ 75-80% ,ภูเก็ต 85-90%   ส่วนพื้นที่ภาคใต้ ยอมรับว่า ผลจากข่าวสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางลงภาคใต้  เช่น เกาะสมุย อัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 65-70%  เท่านั้น
***เตรียมรับมือผลกระทบราคาน้ำมันแพง*****
นายประกิจ กล่าวอีกว่า  เร็วนี้ เตรียมหารือระหว่างภาคเอกชน และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ยังปรับตัวสูงขั้นต่อเนื่องเช่นทุกวันนี้  โดยยอมรับว่า  ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล(ลองฮอลล์) เช่น ยุโรป อังกฤษ และ อเมริกา จะชะลอการเดินทางมาประเทศไทย และ อีกหลายประเทศในเอเชีย อย่างแน่นอน
เพราะว่าค่าใช้จ่ายการเดินทาง คือ ค่าตั๋วเครื่องบิน จะสูงขึ้น ทำให้ บริษัทนำเที่ยวต้องปรับขึ้นค่าทัวร์ ซึ่งปัจจุบัน หลายเส้นทางเริ่มทยอยปรับขึ้นค่าทัวร์แล้ว  ทำให้มีเพียงกลุ่มคนรวยเท่านั้นที่ยังสามารถเดินทางมาระยะไกลได้

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชน และ ททท. จึงเห็นตรงกันว่า จะต้องหันมาโรปโมตเส้นทางระยะใกล้ หรือ ชอตฮอลล์  ให้เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น  ตลาดเป้าหมาย ได้แก่ จีน   อินเดีย  และ รัสเซีย

“  เราจะเน้นส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มีการใช้จ่ายสูง เพื่อมาชดเชยตลาด ยุโปร ที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น  ซึ่งจากผลสำรวจ พบว่า ประชากรจีน 1,300 ล้านคน มีจำนวน 300 ล้านคน ที่เป็นกลุ่มมีรายได้สูง มีฐานะดี  ขณะที่ตลาดอินเดีย ก็เช่นกัน ที่มีจำนวนประชากรที่มีรายได้สูงอยู่จำนวนมาก เพราะ ประชากรอินเดียก็มีจำนวนเกือบ 1,000 ล้านคน การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ชาวอินเดียมีรายได้สูงขึ้นฐานะดีขึ้น”  นายประกิจ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น