เหยื่อทัวร์เกาหลีเข้าร้องเรียนต่อตำรวจท่องเที่ยว ยกเหตุถูก “ฟลามิงโก ทราเวล” หลอกเรียกเก็บเงินแต่ไม่พาบินไปเที่ยวเกาหลี แถมปิดบริษัทหนี ขณะที่ปลัด ก.ท่องเที่ยวฯ เผยเคยมีประวัติก่อเหตุลักษณะเดียวกัน แต่ถูกปล่อยชั่วคราว เตรียมประสานตำรวจขอถอนประกัน ด้านตำรวจได้เร่งสืบขยายผลติดตามเจ้าของบริษัท และแก๊งทัวร์ต้มตุ๋นทางอินเทอร์เน็ตมาดำเนินคดี
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (กก.1บก.ทท.) ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 40 ราย จากทั้งหมด 100 รายที่ถูกบริษัท ฟลามิงโก ทราเวล จำกัด หลอกให้โอนเงินค่าทัวร์ประเทศเกาหลีแล้วปิดบริษัทหนี ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อนายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และพล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตรสุขศรี ผบก.ทท. เพื่อให้ดำเนินการติดตามจับกุม นายปรีชา ดวงศรี อายุ 29 ปี เจ้าของบริษัท
โดย น.ส.ทิพยกาญจน์ ภาษิตวิไลธรรม อายุ 30 ปี นักประชาสัมพันธ์ ตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาคุ้มครองผู้บริโภค เพราะว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกหลอกลวงจากบริษัททัวร์นี้ ซึ่งบางคนต้องเก็บเงินเพื่อไปท่องเที่ยวก็ต้องมาโดนหลอกเอาเงินไปจนหมด โดยหลายกลุ่มที่มีการรวมตัวกันซื้อทัวร์ก็สูญเงินไปนับแสนบาท ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของนายปรีชา เจ้าของบริษัทดังกล่าวพบว่ามีคดีติดตัวในลักษณะเดียวกันมาแล้ว กลับยังสามารถทำความผิดซ้ำซาก จึงอยากให้ผู้มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบติดตามตัวมาดำเนินคดี และต้องการเงินที่เสียไปคืนมา
ส่วน น.ส.กนกกานต์ ขุนสมุทร อายุ 22 ปี นักศึกษา ผู้เสียหายอีกรายกล่าวว่า เพิ่งจบการศึกษาจึงชักชวนเพื่อนในกลุ่มประมาณ 4-5 คนไปท่องเที่ยวประเทศเกาหลี โดยหาข้อมูลบริษัททัวร์จากเว็บไซต์กูเกิล ก็ปรากฏชื่อบริษัท ฟลามิงโก ทราเวล จำกัด ขึ้นเป็นชื่อแรก จึงเข้าเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.fit-tour.com เพื่อติดต่อซื้อทัวร์และมีการโอนเงินตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมารายละ 17,900 บาท โดยกำหนดจะเดินทางในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่พอใกล้วันเดินทางก็ยังไม่ได้รับการติดต่อให้ไปรับตั๋วจากบริษัททัวร์ ซึ่งครั้งสุดท้ายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์ไปที่บริษัทฯ อีกครั้ง แต่มีเพียงเสียงรอสายอัตโนมัติว่าพนักงานไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด จึงรู้ว่าถูกหลอก ซึ่งเมื่อเข้าไปหน้าเฟซบุ๊กของบริษัทพบว่ามีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.เตาปูน และมีการรวมตัวกันมาร้องเรียนที่ตำรวจท่องเที่ยว
ด้าน นายสมบัติกล่าวว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีมาตรการดำเนินการจริงจังในเรื่องนี้ ซึ่งจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบและดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะนายปรีชา เจ้าของบริษัททัวร์ที่มีประวัติถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันและประกันตัวออกไป ยังกลับออกมาทำความผิดซ้ำซาก โดยเบื้องต้นจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการขอถอนประกัน และให้ศาลสั่งจำคุกไว้ก่อน ส่วนคดีที่เพิ่งก่อเหตุก็ให้เร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัว รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว
พล.ต.ต.อดิศร์กล่าวว่า ตำรวจจะพยายามติดตามจับกุมนายปรีชาให้ได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้จะประสานกองบังคับการปราบปรามให้ตัวแทนผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี และเร่งสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมแก๊งบริษัททัวร์หลอกลวงนักท่องเที่ยวทางอินเทอร์เน็ตรายนี้ให้ได้ทั้งหมด เนื่องจากเอาเปรียบผู้บริโภคจนมีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยคาดว่าจะได้ตัวในเร็วนี้อย่างแน่นอนหากคนร้ายยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ
แจ้งจับเจ้าของบริษัททัวร์ตุ๋นไปเกาหลี
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองปราบฯ กลุ่มผู้เสียหายกว่า 40 ราย ที่ถูกบริษัทดังกล่าว หลอกลวงให้ซื้อทัวร์เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทฯ และนายปรีชา ดวงศรี ในฐานะกรรมการบริษัทดังกล่าว และเจ้าของบัญชีธนาคารที่ได้รับการโอนเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยนำเอกสารการโอนเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายภิสันติ์ ตินะคัต อายุ 32 ปี อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก กล่าวว่า เคยทำงานเป็นมัคคุเทศก์มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยมีรุ่นน้องที่รู้จักกันมาสอบถามเรื่องทัวร์ท่องเที่ยวประเทศเกาหลี จึงรับที่จะประสานหาข้อมูลให้โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของบริษัทนี้ ซึ่งมีโปรแกรมท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ โดยมีค่าใช้จ่ายรายละไม่เกิน 20,000 บาท ถูกกว่าราคาทัวร์ของที่อื่นๆ จึงบอกผู้ที่สนใจอยากเดินทางไปท่องเที่ยวมีทั้งญาติ และรุ่นน้อง รวม 22 คน ติดต่อซื้อทัวร์จากบริษัทนี้ และชำระเงินครบแล้วเป็นเงินรายละ 17,900 บาท ซึ่งจะต้องเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 23-27 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ก่อนการเดินทางเพียงไม่กี่วันได้มีการแจ้งเปลี่ยนสายการบินและก่อนเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมงบริษัทฯ แจ้งว่า ไม่สามารถพานักท่องเที่ยวไปได้ทั้งหมด
นายภิสันต์ กล่าวต่อว่า จากนั้นทางบริษัทเรียกเงินเพิ่มรวมแล้วกว่า 1 แสนบาท แต่ทางกลุ่มตนไม่ยินยอมจ่ายเงินในส่วนนี้ ทางบริษัทฯจึงให้เดินทางไปได้ แต่ก็ล่าช้าไปกว่ากำหนดการหลายชั่วโมง แต่เมื่อเดินทางไปถึงสนามบินนานาชาติ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ กลับพบปัญหาในส่วนของบริษัทนำเที่ยวในภาคพื้น ซึ่งไม่เป็นไปตามที่บริษัทฯ อ้างไว้ รวมทั้งมีปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดินทางกลับ ซึ่งสุดท้ายจึงต้องเสียเงินเพิ่มอีกรายละ 13,000 บาท เป็นค่านำเที่ยว 5,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบินอีก 8,000 บาท
นายภิสันต์ กล่าวอีกว่า พวกตนเหมือนถูกมัดมือชกเพราะไปถึงแล้วก็ต้องจำยอมท่องเที่ยวแม้จะไม่เป็นไปตามโปรแกรมและข้อตกลง พอกลับมาถึงเมืองไทยแล้วก็พยายามติดต่อกับนายปรีชา ทุกช่องทาง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนโทรศัพท์ที่ติดต่อไปก็มีการตั้งข้อความตอบรับอัตโนมัติอ้างว่า บริษัทฯ ไปสัมมนาที่ประเทศสิงคโปร์ สำหรับที่สำนักงานของบริษัทฯ และเว็บไซต์ก็ปิดตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้อีก ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลขณะนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกประมาณ 200 คน เป็นผู้เสียหาย ซึ่งยังไม่ได้เดินทาง
ด้านผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งขอสงวนชื่อและนามสกุล กล่าวว่า ได้จองทัวร์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยมีการจ่ายมัดจำ 2 ครั้ง พร้อมกับเพื่อนที่จะร่วมเดินทางไป 9 คน รอบแรกที่จ่ายมัดจำจ่ายไปทั้งหมด 5 หมื่นบาท รอบที่สองจ่ายไปรวม 1.1 แสนบาท โดยมีกำหนดเดินทางไปวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้ทำการโทรศัพท์ติดต่อมาตลอด ซึ่งสอบถามถึงสายการบินที่จะเดินทางไป โทรไป 3 ครั้ง ก็เปลี่ยนสายการบินไป 3 ครั้ง จนกระทั่งถึงวันเดินทาง บริษัทได้ส่งข้อความสายการบินมาให้พร้อมไฟลท์เดินทาง โดยทางเราตรวจสอบดูแล้วก็พบมาว่ามีจริง แต่ไม่นานนักได้ส่งข้อความมาให้เลื่อนไปวันที่ 1 เม.ย. หลังจากนั้นมาก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียหายที่เหลือซึ่งทราบข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลีของบริษัทดังกล่าวทางเว็บไซต์นั้นมีทั้งไปในลักษณะส่วนตัว เดินทางไปแบบครอบครัว และในนามของบริษัทเอกชน ซึ่งเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ก็มีทั้งที่โอนเงินค่ามัดจำไปแล้ว รวมทั้งโอนเงินค่าทัวร์ครบตามจำนวนทั้งหมดรายละประมาณ 20,000 บาท รวมค่าเสียหายทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ได้แจ้งความที่ สน.เตาปูน มาแล้ว นอกจากนี้ยังทราบจากผู้เสียหายว่าบริษัทแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตจัดการท่องเที่ยว และถูกดำเนินคดีมาแล้ว แต่ครั้งนั้นได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายกันได้
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยา อยู่แพทย์ พ.ต.ท.มารุต กาญจนขันธกุล รองผกก.1 บก.ป.จัดพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ในเบื้องต้น ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (กก.1บก.ทท.) ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 40 ราย จากทั้งหมด 100 รายที่ถูกบริษัท ฟลามิงโก ทราเวล จำกัด หลอกให้โอนเงินค่าทัวร์ประเทศเกาหลีแล้วปิดบริษัทหนี ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อนายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และพล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตรสุขศรี ผบก.ทท. เพื่อให้ดำเนินการติดตามจับกุม นายปรีชา ดวงศรี อายุ 29 ปี เจ้าของบริษัท
โดย น.ส.ทิพยกาญจน์ ภาษิตวิไลธรรม อายุ 30 ปี นักประชาสัมพันธ์ ตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาคุ้มครองผู้บริโภค เพราะว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกหลอกลวงจากบริษัททัวร์นี้ ซึ่งบางคนต้องเก็บเงินเพื่อไปท่องเที่ยวก็ต้องมาโดนหลอกเอาเงินไปจนหมด โดยหลายกลุ่มที่มีการรวมตัวกันซื้อทัวร์ก็สูญเงินไปนับแสนบาท ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของนายปรีชา เจ้าของบริษัทดังกล่าวพบว่ามีคดีติดตัวในลักษณะเดียวกันมาแล้ว กลับยังสามารถทำความผิดซ้ำซาก จึงอยากให้ผู้มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบติดตามตัวมาดำเนินคดี และต้องการเงินที่เสียไปคืนมา
ส่วน น.ส.กนกกานต์ ขุนสมุทร อายุ 22 ปี นักศึกษา ผู้เสียหายอีกรายกล่าวว่า เพิ่งจบการศึกษาจึงชักชวนเพื่อนในกลุ่มประมาณ 4-5 คนไปท่องเที่ยวประเทศเกาหลี โดยหาข้อมูลบริษัททัวร์จากเว็บไซต์กูเกิล ก็ปรากฏชื่อบริษัท ฟลามิงโก ทราเวล จำกัด ขึ้นเป็นชื่อแรก จึงเข้าเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.fit-tour.com เพื่อติดต่อซื้อทัวร์และมีการโอนเงินตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมารายละ 17,900 บาท โดยกำหนดจะเดินทางในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่พอใกล้วันเดินทางก็ยังไม่ได้รับการติดต่อให้ไปรับตั๋วจากบริษัททัวร์ ซึ่งครั้งสุดท้ายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์ไปที่บริษัทฯ อีกครั้ง แต่มีเพียงเสียงรอสายอัตโนมัติว่าพนักงานไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด จึงรู้ว่าถูกหลอก ซึ่งเมื่อเข้าไปหน้าเฟซบุ๊กของบริษัทพบว่ามีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.เตาปูน และมีการรวมตัวกันมาร้องเรียนที่ตำรวจท่องเที่ยว
ด้าน นายสมบัติกล่าวว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีมาตรการดำเนินการจริงจังในเรื่องนี้ ซึ่งจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบและดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะนายปรีชา เจ้าของบริษัททัวร์ที่มีประวัติถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันและประกันตัวออกไป ยังกลับออกมาทำความผิดซ้ำซาก โดยเบื้องต้นจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการขอถอนประกัน และให้ศาลสั่งจำคุกไว้ก่อน ส่วนคดีที่เพิ่งก่อเหตุก็ให้เร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัว รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว
พล.ต.ต.อดิศร์กล่าวว่า ตำรวจจะพยายามติดตามจับกุมนายปรีชาให้ได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้จะประสานกองบังคับการปราบปรามให้ตัวแทนผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี และเร่งสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมแก๊งบริษัททัวร์หลอกลวงนักท่องเที่ยวทางอินเทอร์เน็ตรายนี้ให้ได้ทั้งหมด เนื่องจากเอาเปรียบผู้บริโภคจนมีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยคาดว่าจะได้ตัวในเร็วนี้อย่างแน่นอนหากคนร้ายยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ
แจ้งจับเจ้าของบริษัททัวร์ตุ๋นไปเกาหลี
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองปราบฯ กลุ่มผู้เสียหายกว่า 40 ราย ที่ถูกบริษัทดังกล่าว หลอกลวงให้ซื้อทัวร์เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทฯ และนายปรีชา ดวงศรี ในฐานะกรรมการบริษัทดังกล่าว และเจ้าของบัญชีธนาคารที่ได้รับการโอนเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยนำเอกสารการโอนเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายภิสันติ์ ตินะคัต อายุ 32 ปี อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก กล่าวว่า เคยทำงานเป็นมัคคุเทศก์มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยมีรุ่นน้องที่รู้จักกันมาสอบถามเรื่องทัวร์ท่องเที่ยวประเทศเกาหลี จึงรับที่จะประสานหาข้อมูลให้โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของบริษัทนี้ ซึ่งมีโปรแกรมท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ โดยมีค่าใช้จ่ายรายละไม่เกิน 20,000 บาท ถูกกว่าราคาทัวร์ของที่อื่นๆ จึงบอกผู้ที่สนใจอยากเดินทางไปท่องเที่ยวมีทั้งญาติ และรุ่นน้อง รวม 22 คน ติดต่อซื้อทัวร์จากบริษัทนี้ และชำระเงินครบแล้วเป็นเงินรายละ 17,900 บาท ซึ่งจะต้องเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 23-27 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ก่อนการเดินทางเพียงไม่กี่วันได้มีการแจ้งเปลี่ยนสายการบินและก่อนเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมงบริษัทฯ แจ้งว่า ไม่สามารถพานักท่องเที่ยวไปได้ทั้งหมด
นายภิสันต์ กล่าวต่อว่า จากนั้นทางบริษัทเรียกเงินเพิ่มรวมแล้วกว่า 1 แสนบาท แต่ทางกลุ่มตนไม่ยินยอมจ่ายเงินในส่วนนี้ ทางบริษัทฯจึงให้เดินทางไปได้ แต่ก็ล่าช้าไปกว่ากำหนดการหลายชั่วโมง แต่เมื่อเดินทางไปถึงสนามบินนานาชาติ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ กลับพบปัญหาในส่วนของบริษัทนำเที่ยวในภาคพื้น ซึ่งไม่เป็นไปตามที่บริษัทฯ อ้างไว้ รวมทั้งมีปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดินทางกลับ ซึ่งสุดท้ายจึงต้องเสียเงินเพิ่มอีกรายละ 13,000 บาท เป็นค่านำเที่ยว 5,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบินอีก 8,000 บาท
นายภิสันต์ กล่าวอีกว่า พวกตนเหมือนถูกมัดมือชกเพราะไปถึงแล้วก็ต้องจำยอมท่องเที่ยวแม้จะไม่เป็นไปตามโปรแกรมและข้อตกลง พอกลับมาถึงเมืองไทยแล้วก็พยายามติดต่อกับนายปรีชา ทุกช่องทาง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนโทรศัพท์ที่ติดต่อไปก็มีการตั้งข้อความตอบรับอัตโนมัติอ้างว่า บริษัทฯ ไปสัมมนาที่ประเทศสิงคโปร์ สำหรับที่สำนักงานของบริษัทฯ และเว็บไซต์ก็ปิดตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้อีก ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลขณะนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกประมาณ 200 คน เป็นผู้เสียหาย ซึ่งยังไม่ได้เดินทาง
ด้านผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งขอสงวนชื่อและนามสกุล กล่าวว่า ได้จองทัวร์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยมีการจ่ายมัดจำ 2 ครั้ง พร้อมกับเพื่อนที่จะร่วมเดินทางไป 9 คน รอบแรกที่จ่ายมัดจำจ่ายไปทั้งหมด 5 หมื่นบาท รอบที่สองจ่ายไปรวม 1.1 แสนบาท โดยมีกำหนดเดินทางไปวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้ทำการโทรศัพท์ติดต่อมาตลอด ซึ่งสอบถามถึงสายการบินที่จะเดินทางไป โทรไป 3 ครั้ง ก็เปลี่ยนสายการบินไป 3 ครั้ง จนกระทั่งถึงวันเดินทาง บริษัทได้ส่งข้อความสายการบินมาให้พร้อมไฟลท์เดินทาง โดยทางเราตรวจสอบดูแล้วก็พบมาว่ามีจริง แต่ไม่นานนักได้ส่งข้อความมาให้เลื่อนไปวันที่ 1 เม.ย. หลังจากนั้นมาก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียหายที่เหลือซึ่งทราบข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลีของบริษัทดังกล่าวทางเว็บไซต์นั้นมีทั้งไปในลักษณะส่วนตัว เดินทางไปแบบครอบครัว และในนามของบริษัทเอกชน ซึ่งเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ก็มีทั้งที่โอนเงินค่ามัดจำไปแล้ว รวมทั้งโอนเงินค่าทัวร์ครบตามจำนวนทั้งหมดรายละประมาณ 20,000 บาท รวมค่าเสียหายทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ได้แจ้งความที่ สน.เตาปูน มาแล้ว นอกจากนี้ยังทราบจากผู้เสียหายว่าบริษัทแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตจัดการท่องเที่ยว และถูกดำเนินคดีมาแล้ว แต่ครั้งนั้นได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายกันได้
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยา อยู่แพทย์ พ.ต.ท.มารุต กาญจนขันธกุล รองผกก.1 บก.ป.จัดพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ในเบื้องต้น ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป