ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คนร้ายซุกระเบิดในรถฮอนด้าซีวิค คาร์บอมบ์ ปากทางเข้าตลาดสดหน้าแขวงการทางยะลา ทหารพรานพลีชีพ 1 นาย คากองเพลิง เจ็บ 23 รายทั้ง จนท.ชาวบ้าน หน่วยข่าวเตือนโจรใต้จ้องป่วนทั้งเดือนในโอกาสครบรอบ 7 ปีมัสยิดกรือเซะ แฉมี จยย.คาร์บอมบ์รอบึ้มอีก 4-6 คัน ด้านนักวิชาการจวกรัฐบาล ปชป.เหลวดับไฟใต้
เมื่อเวลา 08.16 น.วานนี้ (18 เม.ย.) ได้เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ขึ้นที่บริเวณปากทางเข้าตลาดสดหน้าสำนักงานแขวงการทางยะลา ถนนสิโรรส ในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้เจ้าหน้าทหารพรานและประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 20 ราย
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุเป็นฟุตบาธริมถนนใหญ่สายหลัก ในเขตเทศบาลนครยะลา พบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ถูกไฟไหม้หลายคัน โดยเฉพาะรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บต.4963 ปัตตานี เมื่อเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบศพ จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ ยวงปรางค์ สังกัดกรมทหารพรานที่ 47 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโกอยู่ภายในรถ
ส่วนผู้ได้บาดเจ็บมีทั้งหมด 23 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เป็นทหารพราน 6 นาย ชาวบ้าน 17 คน โดยผู้ที่บาดเจ็บสาหัสล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ทหารพรานทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังพบซากรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นรถที่ซุกระเบิดมาเสียหายเละทั้งคันอยู่ริมทางเท้าหน้าร้านบุนบุนเภสัช เลขที่ 543 ถนนสิโรรส พบป้ายทะเบียนตกอยู่ 2 หมายเลข คือ บค 5309 ยะลา และ บค 2554 นอกจากนั้น แรงระเบิดยังทำให้ร้านค้าในรัศมี 50 เมตร รวมทั้งรถยนต์และรถกรยานยนต์ได้รับความเสียหายอีกนับสิบคัน
เหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือพวกก่อความไม่สงบชุดที่เคยลอบวางระเบิดแบบคาร์บอมบ์และรถ จยย.บอมบ์ในบริเวณใกล้ๆ กันมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยลอบนำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักร่วม 20 กิโลกรัมซุกในรถเก๋งฮอนด้าซีวิคคันดังกล่าวขับมาจอดไว้ที่หน้าร้านบุนบุนเภสัช เมื่อ จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ ซึ่งนำกำลังรวม 8 นายเดินทางจากฐานที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เพื่อมาจับจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคที่ตลาดสดพอขับผ่านสามแยกทางเข้าแขวงการทางยะลาคนร้ายจึงได้กดระเบิดขึ้นดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.โชติ ได้เรียก ผกก.สภ.เมืองยะลา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมส่งชุดสืบสวนสอบสวนออกหาข่าาสารและได้ประสานงานกับทางเทศบาลนครยะลาเพื่อหาภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลภาพวงจรปิดให้กับสื่อมวลชนได้ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุได้
"สำหรับรถยนต์ที่คนร้ายน้ำมาประกอบระเบิดนั้นในเบื้องต้นทราบว่า เดิมเป็นสีน้ำเงิน คนร้ายได้เปลี่ยนแปลงสีรถเป็นสีเทา-ดำ ซึ่งรถคันดังกล่าวมีการซื้อขายมาแล้วหลายคน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังเร่งหาข้อมูลเพื่อตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริงว่าเป็นแผ่นป้ายอะไร ผู้ใดเป็นผู้ครอบครอง"
ด้านหน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยกำลังในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ยังจะมีการลอบวางระเบิดต่อไปอีกในหลายพื้นที่ตลอดทั้งเดือนเมษายน โดยนายมะแซ อุเซ็ง แกนนำระดับสูงได้ออกมาประกาศว่า เพื่อเป็นการครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ 28 เม.ย.นี้โดยจะมีการก่อเหตุต่อไป และพบว่ากลุ่มแนวร่วมจำนวน 100 คนที่ได้รับการฝึกจากประเทศเพื่อนบ้านกระจายเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ 3 จังหวัดเพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายพร้อมกันปลายเดือนนี้ โดยเฉพาะระเบิดคาร์บอมบ์และรถ จยย.บอมบ์ยังมีอีก 4-6 คัน
**นักวิชาการจวกรัฐเหลวดับไฟใต้
ด้านนักวิชาการมุสลิมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้หลายคน เช่น นายอัฮ์หมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการอิสระปัตตานี มองว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นับวันยิ่งยากในการที่จะยุติปัญหาได้ เพราะรัฐบาลยังมองว่าเป็นเพียงปัญหาภายใน ขณะเดียวกันที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีองค์กรระหว่างประเทศ หรือองค์กรสากลมากกว่า 10 องค์กรเข้ามารับทราบปัญหาและเก็บข้อมูลในพื้นที่กันแล้ว เพราะองค์กรเหล่านี้ล่วงรู้ปัญหาความขัดแย้งของสังคมที่นี้ว่ามีมานานแล้วและพร้อมที่จะยื่นมือช่วยหาทางออกให้
นอกจากนั้น ในพื้นที่ยังต้องเสี่ยงกับปัญหาความไม่สงบในโลกตะวันออกกลางอีก เพราะนับวันปัญหาเหล่านั้นยิ่งใกล้เข้ามาทุกที เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธ พร้อมที่จะก่อเหตุได้ทุกเมื่อ หลังจากที่ได้มีการฝึกกำลังเข้มทั้งในพื้นที่ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้ฝึกเข้มในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้โครงสร้างในภาพรวมปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าได้กลับมาเหมือนในยุคสมัยการจับอาวุธต่อสู้ของกลุ่มอุดมการณ์ของกลุ่มโจรเปาะเยะ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
"ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดกินเวลานานมากและยังไม่รู้ทิศทางของการยุติปัญหาได้เลย มีหลายประเทศในกลุ่มชาติอาเชี่ยนที่ได้เสนอตัวเป็นคนกลางทำหน้าที่ประสานเจรจา หรือหาทางออกเพื่อให้ภูมิภาคแห่งนี้สงบ แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลเองยังคงไม่ยอมเปิดพื้นที่ให้เลย แล้วยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าความไม่สงบในพื้นที่เป็นเพียงปัญหาภายใน รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาตัวเองได้ ซึ่งล่วงเลยไปถึง 7 ปีแล้วปัญหาความไม่สงบยังเกิดมาเป็นระยะๆ และทุกครั้งยิ่งรุนแรงกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า" นายอัฮ์หมัดสมบูรณ์ กล่าว.
เมื่อเวลา 08.16 น.วานนี้ (18 เม.ย.) ได้เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ขึ้นที่บริเวณปากทางเข้าตลาดสดหน้าสำนักงานแขวงการทางยะลา ถนนสิโรรส ในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้เจ้าหน้าทหารพรานและประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 20 ราย
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุเป็นฟุตบาธริมถนนใหญ่สายหลัก ในเขตเทศบาลนครยะลา พบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ถูกไฟไหม้หลายคัน โดยเฉพาะรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บต.4963 ปัตตานี เมื่อเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบศพ จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ ยวงปรางค์ สังกัดกรมทหารพรานที่ 47 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโกอยู่ภายในรถ
ส่วนผู้ได้บาดเจ็บมีทั้งหมด 23 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เป็นทหารพราน 6 นาย ชาวบ้าน 17 คน โดยผู้ที่บาดเจ็บสาหัสล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ทหารพรานทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังพบซากรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นรถที่ซุกระเบิดมาเสียหายเละทั้งคันอยู่ริมทางเท้าหน้าร้านบุนบุนเภสัช เลขที่ 543 ถนนสิโรรส พบป้ายทะเบียนตกอยู่ 2 หมายเลข คือ บค 5309 ยะลา และ บค 2554 นอกจากนั้น แรงระเบิดยังทำให้ร้านค้าในรัศมี 50 เมตร รวมทั้งรถยนต์และรถกรยานยนต์ได้รับความเสียหายอีกนับสิบคัน
เหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือพวกก่อความไม่สงบชุดที่เคยลอบวางระเบิดแบบคาร์บอมบ์และรถ จยย.บอมบ์ในบริเวณใกล้ๆ กันมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยลอบนำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักร่วม 20 กิโลกรัมซุกในรถเก๋งฮอนด้าซีวิคคันดังกล่าวขับมาจอดไว้ที่หน้าร้านบุนบุนเภสัช เมื่อ จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ ซึ่งนำกำลังรวม 8 นายเดินทางจากฐานที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เพื่อมาจับจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคที่ตลาดสดพอขับผ่านสามแยกทางเข้าแขวงการทางยะลาคนร้ายจึงได้กดระเบิดขึ้นดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.โชติ ได้เรียก ผกก.สภ.เมืองยะลา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมส่งชุดสืบสวนสอบสวนออกหาข่าาสารและได้ประสานงานกับทางเทศบาลนครยะลาเพื่อหาภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลภาพวงจรปิดให้กับสื่อมวลชนได้ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุได้
"สำหรับรถยนต์ที่คนร้ายน้ำมาประกอบระเบิดนั้นในเบื้องต้นทราบว่า เดิมเป็นสีน้ำเงิน คนร้ายได้เปลี่ยนแปลงสีรถเป็นสีเทา-ดำ ซึ่งรถคันดังกล่าวมีการซื้อขายมาแล้วหลายคน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังเร่งหาข้อมูลเพื่อตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริงว่าเป็นแผ่นป้ายอะไร ผู้ใดเป็นผู้ครอบครอง"
ด้านหน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยกำลังในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ยังจะมีการลอบวางระเบิดต่อไปอีกในหลายพื้นที่ตลอดทั้งเดือนเมษายน โดยนายมะแซ อุเซ็ง แกนนำระดับสูงได้ออกมาประกาศว่า เพื่อเป็นการครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ 28 เม.ย.นี้โดยจะมีการก่อเหตุต่อไป และพบว่ากลุ่มแนวร่วมจำนวน 100 คนที่ได้รับการฝึกจากประเทศเพื่อนบ้านกระจายเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ 3 จังหวัดเพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายพร้อมกันปลายเดือนนี้ โดยเฉพาะระเบิดคาร์บอมบ์และรถ จยย.บอมบ์ยังมีอีก 4-6 คัน
**นักวิชาการจวกรัฐเหลวดับไฟใต้
ด้านนักวิชาการมุสลิมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้หลายคน เช่น นายอัฮ์หมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการอิสระปัตตานี มองว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นับวันยิ่งยากในการที่จะยุติปัญหาได้ เพราะรัฐบาลยังมองว่าเป็นเพียงปัญหาภายใน ขณะเดียวกันที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีองค์กรระหว่างประเทศ หรือองค์กรสากลมากกว่า 10 องค์กรเข้ามารับทราบปัญหาและเก็บข้อมูลในพื้นที่กันแล้ว เพราะองค์กรเหล่านี้ล่วงรู้ปัญหาความขัดแย้งของสังคมที่นี้ว่ามีมานานแล้วและพร้อมที่จะยื่นมือช่วยหาทางออกให้
นอกจากนั้น ในพื้นที่ยังต้องเสี่ยงกับปัญหาความไม่สงบในโลกตะวันออกกลางอีก เพราะนับวันปัญหาเหล่านั้นยิ่งใกล้เข้ามาทุกที เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธ พร้อมที่จะก่อเหตุได้ทุกเมื่อ หลังจากที่ได้มีการฝึกกำลังเข้มทั้งในพื้นที่ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้ฝึกเข้มในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้โครงสร้างในภาพรวมปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าได้กลับมาเหมือนในยุคสมัยการจับอาวุธต่อสู้ของกลุ่มอุดมการณ์ของกลุ่มโจรเปาะเยะ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
"ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดกินเวลานานมากและยังไม่รู้ทิศทางของการยุติปัญหาได้เลย มีหลายประเทศในกลุ่มชาติอาเชี่ยนที่ได้เสนอตัวเป็นคนกลางทำหน้าที่ประสานเจรจา หรือหาทางออกเพื่อให้ภูมิภาคแห่งนี้สงบ แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลเองยังคงไม่ยอมเปิดพื้นที่ให้เลย แล้วยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าความไม่สงบในพื้นที่เป็นเพียงปัญหาภายใน รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาตัวเองได้ ซึ่งล่วงเลยไปถึง 7 ปีแล้วปัญหาความไม่สงบยังเกิดมาเป็นระยะๆ และทุกครั้งยิ่งรุนแรงกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า" นายอัฮ์หมัดสมบูรณ์ กล่าว.