ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผบ.ฉก.ยะลาสั่งตรวจเข้มทุกจุดตรวจเมืองเบตงป้องกันกลุ่มก่อการร้ายขนระเบิดเข้ามาป่วนครบรอบ 7 ปี "กรือเซะ" ส่วนที่ปัตตานีสั่งเช็ควงจรปิด หวั่นโจรใต้ป่วนเช่นกัน ผบก.ยะลา เผยเหตุคาร์บอมบ์เก๋งฮอนด้าซีวิคกลางเมือง เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงก.พ.54 สั่งเฝ้าระวังกระบะ "มิตซูฯ สตราด้า" อีก 1 คันเตรียมคาร์บอม
เมื่อเช้าวานนี้ (19 เม.ย.) พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม จุดตรวจ และด่านตรวจในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา และจุดตรวจร่วมทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยกำลังภาคประชาชน พร้อมกับสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่กองกำลังร่วม 4 ฝ่าย จัดชุดกำลังวางจุดตรวจ จุดสกัด ตามถนนสายหลัก สายรอง และในย่านชุมชนอย่างเข้มงวด โดยเน้นการตรวจค้นรถทุกชนิด รวมไปถึงบุคคลทั้งชายและหญิงอย่างละเอียด เพื่อป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบลักลอบขนวัตถุระเบิด หรืออุปกรณ์ประกอบระเบิดเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่เป้าหมาย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยกำลังต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรงมีความพยายามที่จะลอบวางระเบิดต่อไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดทั้งเดือนเม.ย. เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะครบรอบ 7 ปี ในวันที่ 28 เม.ย.และจะมีการก่อเหตุความรุนแรงต่อไป โดยเฉพาะระเบิดคาร์บอมบ์และจักรยานยนต์บอมบ์
นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ขณะนี้มีแนวโน้มที่กลุ่มคนร้ายกันมาก่อเหตุในพื้นที่เขตเมือง เขตชุมชน รวมถึงเขตเทศบาล ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับมีกระแสข่าวกลุ่มก่อความไม่สงบได้เตรียมเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ในช่วงวันที่ 28-30 เม.ย.นี้ เนื่องจากห้วงเวลาดังกล่าวเป็นวันครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เขตเมืองอย่างเข้มข้นเพื่อเรียกขวัญกำลังใจของประชาชนในระยะนี้เป็นพิเศษ แม้ว่าวันดังกล่าวจะมีความสำคัญแต่เมื่อเทียบกับชาวบ้านส่วนใหญ่ในระดับพื้นที่ไม่อยากให้มีการพูดถึงประเด็นการเชื่อมโยงเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เนื่องจากไม่อยากจุดประเด็น หรือจุดชนวนความรู้สึกเจ็บปวดของผู้ที่เกี่ยวข้องขึ้นมากอีก
"เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศบาลตรวจสอบและเช็คระบบการทำงานของกล้องวงจรปิดที่กระจายติดตั้งอยู่ทั่วเมือง 300 ตัว โดยเฉพาะจุดล่อแหลมที่จะสุ่มเสี่ยงเกิดการลอบสร้างสถานการณ์จากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้กล้องทุกตัวนอกจากจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้ว ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ผ่านกล้องทุกตัวตลอด24 ชั่วโมง โดยหากพบเห็นความผิดปกติให้ประสานไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าตรวจสอบทันที"
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดของกลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งร้านค้า ร้านทอง ธนาคาร อีกหลายแห่งที่อยู่ในภาวะพร้อมปฏิบัติการ 100% ทุกจุดเพื่อช่วยในการเป็นหูเป็นตาเพื่อร่วมสกัดการก่อความรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในระยะนี้
ทางด้าน พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายนำรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค ซุกซ่อนระเบิดมาจอดที่ริมถนนปากทางเข้าสำนักงานแขวงการทางยะลา ถนนสิโรรส เขตเทศบาลนครยะลาแล้วจุดชนวนระเบิดขึ้นจนเจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 นายได้รับบาดเจ็บอีก 23 รายทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้าน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จากที่ได้ติดตามความคืบหน้าของคดีจากเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงาน หลังจากได้มอบหมายงานไปพบว่าจากกรณีเกิดเหตุเมื่อวันที่ 13 และ 21 ก.พ.ที่ผ่านมามีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ในเรื่องของวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะการประกอบระเบิดของกลุ่มคนร้ายที่จะใช้ถังแก๊สขนาดเล็ก รวมทั้งการจุดระเบิดที่ใช้ระบบวิทยุสื่อสาร อีกทั้งการเพิ่มความรุนแรงด้วยการผสมน้ำมันเบนซินที่จะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ รวมทั้งสะเก็ดระเบิด จึงทำให้เชื่อว่าเหตุการณ์ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังคงมีรถยนต์กระบะ ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอีก 1 คัน คือ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น สตราด้า รวมทั้งรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่งที่ถูกขโมยไปที่คาดว่าคนร้ายจะนำมาใช้คาร์บอมบ์ ซึ่งตนได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไปแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีคาร์บอมกลางเมืองยะลา ซึ่ง พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งให้จับตารถกระบะมิตซูบิชิ รุ่น สตราด้า ซึ่งถูกโจรกรรมมาก่อนหน้านี้และคนร้ายอาจจะนำไปใช้ในการทำคาร์บอม เนื่องจากเหตุการณ์ในภาคใต้เริ่มที่จะกลับมารุนแรงอีกครั้งว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องของยี่ห้อรถ แต่เรื่องสถานการณ์ได้คุยกับ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ตลอดเวลา ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็พยายามแก้ไขสถานการณ์ ตนก็เห็นใจท่าน แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เกี่ยวกับมาตรการในการดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น
เมื่อเช้าวานนี้ (19 เม.ย.) พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม จุดตรวจ และด่านตรวจในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา และจุดตรวจร่วมทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยกำลังภาคประชาชน พร้อมกับสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่กองกำลังร่วม 4 ฝ่าย จัดชุดกำลังวางจุดตรวจ จุดสกัด ตามถนนสายหลัก สายรอง และในย่านชุมชนอย่างเข้มงวด โดยเน้นการตรวจค้นรถทุกชนิด รวมไปถึงบุคคลทั้งชายและหญิงอย่างละเอียด เพื่อป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบลักลอบขนวัตถุระเบิด หรืออุปกรณ์ประกอบระเบิดเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่เป้าหมาย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยกำลังต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรงมีความพยายามที่จะลอบวางระเบิดต่อไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดทั้งเดือนเม.ย. เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะครบรอบ 7 ปี ในวันที่ 28 เม.ย.และจะมีการก่อเหตุความรุนแรงต่อไป โดยเฉพาะระเบิดคาร์บอมบ์และจักรยานยนต์บอมบ์
นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ขณะนี้มีแนวโน้มที่กลุ่มคนร้ายกันมาก่อเหตุในพื้นที่เขตเมือง เขตชุมชน รวมถึงเขตเทศบาล ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับมีกระแสข่าวกลุ่มก่อความไม่สงบได้เตรียมเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ในช่วงวันที่ 28-30 เม.ย.นี้ เนื่องจากห้วงเวลาดังกล่าวเป็นวันครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เขตเมืองอย่างเข้มข้นเพื่อเรียกขวัญกำลังใจของประชาชนในระยะนี้เป็นพิเศษ แม้ว่าวันดังกล่าวจะมีความสำคัญแต่เมื่อเทียบกับชาวบ้านส่วนใหญ่ในระดับพื้นที่ไม่อยากให้มีการพูดถึงประเด็นการเชื่อมโยงเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เนื่องจากไม่อยากจุดประเด็น หรือจุดชนวนความรู้สึกเจ็บปวดของผู้ที่เกี่ยวข้องขึ้นมากอีก
"เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศบาลตรวจสอบและเช็คระบบการทำงานของกล้องวงจรปิดที่กระจายติดตั้งอยู่ทั่วเมือง 300 ตัว โดยเฉพาะจุดล่อแหลมที่จะสุ่มเสี่ยงเกิดการลอบสร้างสถานการณ์จากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้กล้องทุกตัวนอกจากจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้ว ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ผ่านกล้องทุกตัวตลอด24 ชั่วโมง โดยหากพบเห็นความผิดปกติให้ประสานไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าตรวจสอบทันที"
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดของกลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งร้านค้า ร้านทอง ธนาคาร อีกหลายแห่งที่อยู่ในภาวะพร้อมปฏิบัติการ 100% ทุกจุดเพื่อช่วยในการเป็นหูเป็นตาเพื่อร่วมสกัดการก่อความรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในระยะนี้
ทางด้าน พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายนำรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค ซุกซ่อนระเบิดมาจอดที่ริมถนนปากทางเข้าสำนักงานแขวงการทางยะลา ถนนสิโรรส เขตเทศบาลนครยะลาแล้วจุดชนวนระเบิดขึ้นจนเจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 นายได้รับบาดเจ็บอีก 23 รายทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้าน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จากที่ได้ติดตามความคืบหน้าของคดีจากเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงาน หลังจากได้มอบหมายงานไปพบว่าจากกรณีเกิดเหตุเมื่อวันที่ 13 และ 21 ก.พ.ที่ผ่านมามีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ในเรื่องของวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะการประกอบระเบิดของกลุ่มคนร้ายที่จะใช้ถังแก๊สขนาดเล็ก รวมทั้งการจุดระเบิดที่ใช้ระบบวิทยุสื่อสาร อีกทั้งการเพิ่มความรุนแรงด้วยการผสมน้ำมันเบนซินที่จะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ รวมทั้งสะเก็ดระเบิด จึงทำให้เชื่อว่าเหตุการณ์ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังคงมีรถยนต์กระบะ ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอีก 1 คัน คือ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น สตราด้า รวมทั้งรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่งที่ถูกขโมยไปที่คาดว่าคนร้ายจะนำมาใช้คาร์บอมบ์ ซึ่งตนได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไปแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีคาร์บอมกลางเมืองยะลา ซึ่ง พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งให้จับตารถกระบะมิตซูบิชิ รุ่น สตราด้า ซึ่งถูกโจรกรรมมาก่อนหน้านี้และคนร้ายอาจจะนำไปใช้ในการทำคาร์บอม เนื่องจากเหตุการณ์ในภาคใต้เริ่มที่จะกลับมารุนแรงอีกครั้งว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องของยี่ห้อรถ แต่เรื่องสถานการณ์ได้คุยกับ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ตลอดเวลา ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็พยายามแก้ไขสถานการณ์ ตนก็เห็นใจท่าน แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เกี่ยวกับมาตรการในการดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น