วานนี้(18 เม.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุเตรียมหารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) ถึงแนวทางกำหนดไม่ให้การเมือง หรือ พรรคการเมือง นำเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองว่า เรื่องดังกล่าวตามกฎหมายมีข้อกำหนดไว้แล้วในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ดังนั้นไม่ว่าใคร หรือนักการเมือง ก็ไม่สามารถทำเรื่องที่เข้าข่ายมาตรา 112 ได้
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เหมือนว่ารัฐบาลพยายามสร้างสถานการณ์ เพื่อข่มขู่ประชาชนให้หวาดกลัว และกลับมาเลือกตัวเอง ทำให้สอดคล้องกับกระแสที่ประชาชนต้องรู้เท่าทัน และกากบาทในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าความจงรักภักดีมีทุกคน แต่จะแสดงออกทางไหนเท่านั้นแต่จะเอามาเกี่ยวกับเรื่องการเมืองคงไม่เหมาะสม
“คงต้องคุยอีกเยอะ การยุบพรรคไม่ใช่เรื่องง่าย กกต.ก่อนจะทำอะไรต้องหารือกับพรรคการเมืองด้วย และเชิญพรรคการเมืองมาประชุมด้วย”นายบรรหารกล่าว
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ความจริงเข้าใจกันผิดและคนละประเด็นการหาเสียงเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ต้องทำ ไปห้ามไม่ได้ กกต.ไม่มีสิทธิไปห้ามหาเสียง ใครก็ตามที่ไปพูดจาหมิ่นประมาทก็ต้องดำเนินตามกฎหมายอาญา ส่วนกกต.จะไปพ่วงว่าจะยุบพรรค ตนว่าเกินไป
“เป็นเรื่องที่พูดกันในครม.คือหนังสือของราชเลขาธิการ (สำนักราชการเลขาธิการ) แจ้งถึงนายกฯ และก็แจ้งให้ทราบเป็นเรื่องที่ว่ามีพรรคการเมืองได้ไปพิมพ์เอกสารขึ้นมาแล้วบอกว่าได้รับพระบรมราชานุญาติ ทางราชเลขาธิการก็ตอบหนังสือปฎิเสธ มาบอกว่าไม่เคยมีพระบรมราชานุญาตแก่ผู้ใด ไม่ว่าพรรคการเมืองใด ๆทั้งสิ้น จบอยู่แค่นั้นเอง เวลานี้สังคมกำลังเข้าใจกันผิด เอามารวมเป็นอันเดียวกันหมด กกต.ก็เต้นไปกับเขาด้วย ”นายชุมพล กล่าวและว่า ไม่รู้ว่านายกฯขยับลักษณะไหนแล้วก็ออกไปรวม ๆกัน เรื่องไม่น่าจะไกลถึงขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯ เสนอเป็นความจำเป็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีบางกลุ่มบางพวกที่ไม่ค่อยคำนึง และทำอะไรโดยทำให้เป็นปัญหา
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวสนับสนุนเรื่องนี้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่ไม่ควรนำสถาบันมาเล่น ส่วนที่ว่า เห็นด้วยกับการที่ให้มีการใบเหลืองใบแดง ผู้ที่พาดพิงสถาบันและเพิ่มคดีอาญาเข้าไปหรือไม่นั้น มองว่า เรื่องนี้ก็มีการฟ้องร้องกันอยู่แล้ว
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า คตนคิดให้ออกกฎหมายแบบนนี้ ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งและสำนักกฎหมายและคดีกำลังพิจารณาปรับปรุงระเบียบข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวเข้าไปในการเลือกตั้งท้องถิ่นมีผู้สมัครนำเรื่องสถาบันเบื้องสูงไปหาเสียง คาดว่าภายในเม.ย.นี้น่าจะออกระเบียบได้ โดยความคิดที่จะร่างระเบียบนี้ ออกมาก่อนหน้าที่นายกฯจะเสนอจึงไม่ใช่เรื่องการรับลูกแต่เป็นความบังเอิญที่ตรงกันมากกว่า
หลักการที่เสนอมานั้น น่าจะออกเป็นระเบียบว่า การหาเสียง ข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามมิให้ปฎิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับ การเลือกตั้งส.ส. และการดำเนินการใดๆ ของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ว่า ไม่ควรที่จะแอบอ้างหรืออ้างถึงสถาบันเบื้องสูง ถ้าระเบียบฯนี้ออกมาแล้วมีการฝ่าฝืน กกต.ก็สามารถให้ใบเหลือง ใบแดงได้ ทั้งกับส.ส. พรรคการเมือง ผู้สมัคร แต่ที่นอกเหนือจากนี้ก็ต้องไปดูกฎหมายที่มีอยู่แล้ว
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เหมือนว่ารัฐบาลพยายามสร้างสถานการณ์ เพื่อข่มขู่ประชาชนให้หวาดกลัว และกลับมาเลือกตัวเอง ทำให้สอดคล้องกับกระแสที่ประชาชนต้องรู้เท่าทัน และกากบาทในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าความจงรักภักดีมีทุกคน แต่จะแสดงออกทางไหนเท่านั้นแต่จะเอามาเกี่ยวกับเรื่องการเมืองคงไม่เหมาะสม
“คงต้องคุยอีกเยอะ การยุบพรรคไม่ใช่เรื่องง่าย กกต.ก่อนจะทำอะไรต้องหารือกับพรรคการเมืองด้วย และเชิญพรรคการเมืองมาประชุมด้วย”นายบรรหารกล่าว
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ความจริงเข้าใจกันผิดและคนละประเด็นการหาเสียงเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ต้องทำ ไปห้ามไม่ได้ กกต.ไม่มีสิทธิไปห้ามหาเสียง ใครก็ตามที่ไปพูดจาหมิ่นประมาทก็ต้องดำเนินตามกฎหมายอาญา ส่วนกกต.จะไปพ่วงว่าจะยุบพรรค ตนว่าเกินไป
“เป็นเรื่องที่พูดกันในครม.คือหนังสือของราชเลขาธิการ (สำนักราชการเลขาธิการ) แจ้งถึงนายกฯ และก็แจ้งให้ทราบเป็นเรื่องที่ว่ามีพรรคการเมืองได้ไปพิมพ์เอกสารขึ้นมาแล้วบอกว่าได้รับพระบรมราชานุญาติ ทางราชเลขาธิการก็ตอบหนังสือปฎิเสธ มาบอกว่าไม่เคยมีพระบรมราชานุญาตแก่ผู้ใด ไม่ว่าพรรคการเมืองใด ๆทั้งสิ้น จบอยู่แค่นั้นเอง เวลานี้สังคมกำลังเข้าใจกันผิด เอามารวมเป็นอันเดียวกันหมด กกต.ก็เต้นไปกับเขาด้วย ”นายชุมพล กล่าวและว่า ไม่รู้ว่านายกฯขยับลักษณะไหนแล้วก็ออกไปรวม ๆกัน เรื่องไม่น่าจะไกลถึงขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯ เสนอเป็นความจำเป็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีบางกลุ่มบางพวกที่ไม่ค่อยคำนึง และทำอะไรโดยทำให้เป็นปัญหา
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวสนับสนุนเรื่องนี้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่ไม่ควรนำสถาบันมาเล่น ส่วนที่ว่า เห็นด้วยกับการที่ให้มีการใบเหลืองใบแดง ผู้ที่พาดพิงสถาบันและเพิ่มคดีอาญาเข้าไปหรือไม่นั้น มองว่า เรื่องนี้ก็มีการฟ้องร้องกันอยู่แล้ว
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า คตนคิดให้ออกกฎหมายแบบนนี้ ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งและสำนักกฎหมายและคดีกำลังพิจารณาปรับปรุงระเบียบข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวเข้าไปในการเลือกตั้งท้องถิ่นมีผู้สมัครนำเรื่องสถาบันเบื้องสูงไปหาเสียง คาดว่าภายในเม.ย.นี้น่าจะออกระเบียบได้ โดยความคิดที่จะร่างระเบียบนี้ ออกมาก่อนหน้าที่นายกฯจะเสนอจึงไม่ใช่เรื่องการรับลูกแต่เป็นความบังเอิญที่ตรงกันมากกว่า
หลักการที่เสนอมานั้น น่าจะออกเป็นระเบียบว่า การหาเสียง ข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามมิให้ปฎิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับ การเลือกตั้งส.ส. และการดำเนินการใดๆ ของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ว่า ไม่ควรที่จะแอบอ้างหรืออ้างถึงสถาบันเบื้องสูง ถ้าระเบียบฯนี้ออกมาแล้วมีการฝ่าฝืน กกต.ก็สามารถให้ใบเหลือง ใบแดงได้ ทั้งกับส.ส. พรรคการเมือง ผู้สมัคร แต่ที่นอกเหนือจากนี้ก็ต้องไปดูกฎหมายที่มีอยู่แล้ว