นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งพรรคพลังชลว่า ในฐานะที่ตนเป็นกรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการคัดสรรผู้สมัครในพื้นที่ภาคกลาง คิดว่าการตั้งพรรคพลังชล ไม่มีผลกระทบต่อพรรคปชป.ในภาคตะวันออก กลุ่มชลบุรี หรือกลุ่มของนายสนธยา คุณปลื้ม มีเฉพาะที่จ.ชลบุรี ที่เสียที่นั่งให้ปชป. ยกจังหวัด 8 ที่นั่ง แต่ด้วยความเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เป็นฐานส่วนหนึ่งที่ทำให้กลุ่มนี้ไปตั้งพรรคใหม่ ไม่แน่ใจว่าเป็นพรรคลูก ของพรรคภูมิใจไทย หรือไม่
" จากการสำรวจที่ จ.ชลบุรี มักจะเลือกผู้นำผู้บริหารพรรคการเมืองนั้นๆ ขณะนี้ไม่ทราบว่าพรรคพลังชลจะมีใครเป็นหัวหน้าพรรค แต่ปชป. ชัดเจนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นที่นิยมของคนภาคตะวันออกเป็นผู้นำ ส่วน จ.ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ จะปักธงเพิ่ม หลังจากการทำโพลคิดว่าจะได้ที่นั่งส.ส.เพิ่ม ส่วนพรรคพลังชลไม่มีฐานเสียง ที่พูดถึงคิดว่าเป็นเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่มีพรรคมัชฌิมาเข้ามา แต่สุดท้ายเวลาที่ประชาชนตัดสินใจเลือก จะเป็นแลนด์สไลด์ ว่าใครเป็นคนมาบริหารประเทศ ดูที่ผู้นำ และตัวผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าจะได้ส.ส.ชลบุรี อย่างน้อย 6 ที่นั่ง แต่ถ้าจะให้ได้ 8 ที่นั่ง ก็ต้องทำการบ้านให้หนักกว่าเดิม" นายสาธิต กล่าว
ส่วนกรณีนายมานิตย์ ภาวสุ ส.ส.ชลบุรี ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะย้ายพรรคชัดเจน แต่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ หรือหยุดเล่นการเมือง หรือย้ายสังกัดไปพรรคการเมืองอื่น ยังพูดคุยกันอยู่ ซึ่งเราเคารพการตัดสินใจว่าจะใช้แนวทางไหน หากนายมานิตย์ ย้ายไปพรรคเพื่อไทย ก็รับได้ แต่ขอเรียกร้องให้ประชาชนตรวจสอบนักการเมืองย้ายพรรค ว่าย้ายด้วยอุดมการณ์ หรือย้ายเพราะการซื้อขายตัว คนที่จะลงโทษส.ส.เหล่านี้ได้ คือประชาชนนั่นเอง ทั้งนี้การจัดสรรคนของพรรค ขณะนี้พร้อม 80-90 % เพราะต้องรอ กกต.ประกาศเขตเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะประกาศวันที่ 20 เม.ย. จากนั้นพรรคก็จะประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ชลบุรีได้
ส่วนกรณีของ พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล ส.ส.ชลบุรี ถ้าได้ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ ท่านก็พอใจ ไม่มีปัญหา ยังหารือกันอยู่ ทั้งนี้การตกลงบนความต้องการทุกคน คงไม่ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลประโยชน์โดยรวมของพรรค
" จากการสำรวจที่ จ.ชลบุรี มักจะเลือกผู้นำผู้บริหารพรรคการเมืองนั้นๆ ขณะนี้ไม่ทราบว่าพรรคพลังชลจะมีใครเป็นหัวหน้าพรรค แต่ปชป. ชัดเจนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นที่นิยมของคนภาคตะวันออกเป็นผู้นำ ส่วน จ.ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ จะปักธงเพิ่ม หลังจากการทำโพลคิดว่าจะได้ที่นั่งส.ส.เพิ่ม ส่วนพรรคพลังชลไม่มีฐานเสียง ที่พูดถึงคิดว่าเป็นเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่มีพรรคมัชฌิมาเข้ามา แต่สุดท้ายเวลาที่ประชาชนตัดสินใจเลือก จะเป็นแลนด์สไลด์ ว่าใครเป็นคนมาบริหารประเทศ ดูที่ผู้นำ และตัวผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าจะได้ส.ส.ชลบุรี อย่างน้อย 6 ที่นั่ง แต่ถ้าจะให้ได้ 8 ที่นั่ง ก็ต้องทำการบ้านให้หนักกว่าเดิม" นายสาธิต กล่าว
ส่วนกรณีนายมานิตย์ ภาวสุ ส.ส.ชลบุรี ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะย้ายพรรคชัดเจน แต่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ หรือหยุดเล่นการเมือง หรือย้ายสังกัดไปพรรคการเมืองอื่น ยังพูดคุยกันอยู่ ซึ่งเราเคารพการตัดสินใจว่าจะใช้แนวทางไหน หากนายมานิตย์ ย้ายไปพรรคเพื่อไทย ก็รับได้ แต่ขอเรียกร้องให้ประชาชนตรวจสอบนักการเมืองย้ายพรรค ว่าย้ายด้วยอุดมการณ์ หรือย้ายเพราะการซื้อขายตัว คนที่จะลงโทษส.ส.เหล่านี้ได้ คือประชาชนนั่นเอง ทั้งนี้การจัดสรรคนของพรรค ขณะนี้พร้อม 80-90 % เพราะต้องรอ กกต.ประกาศเขตเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะประกาศวันที่ 20 เม.ย. จากนั้นพรรคก็จะประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ชลบุรีได้
ส่วนกรณีของ พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล ส.ส.ชลบุรี ถ้าได้ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ ท่านก็พอใจ ไม่มีปัญหา ยังหารือกันอยู่ ทั้งนี้การตกลงบนความต้องการทุกคน คงไม่ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลประโยชน์โดยรวมของพรรค