ด้วยภัยพิบัติแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ และวิกฤตโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ระเบิด จนเกิดการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสี และสารกัมมันตรังสีที่ปนเปื้อนในอากาศ น้ำ ผลผลิตทางการเกษตร ในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น ทำให้ชาวญี่ปุ่นสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งทั่วโลกได้เข้ามาช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทยที่หลายองค์กรออกมาเปิดรับบริจาคเงิน และสิ่งของ เพื่อรวบรวมส่งไปบรรเทาทุกข์ มีข่าวดีที่กรมสรรพากรเข้ามาสนับสนุนการบริจาคช่วยเหลือญี่ปุ่นให้สามารถลดหย่อนภาษีได้
ผู้บริจาคแยกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทบุคคลธรรมดา และประเภทบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กรณีบุคคลธรรมดาจะได้สิทธิเฉพาะการบริจาคเป็นเงินเท่านั้น แต่หากเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะได้สิทธิทั้งการบริจาคเป็นเงิน และทรัพย์สิน
หน่วยงานที่รับบริจาคมีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9, NBT, Thai PBS หรือองค์กรอื่นๆ การจะได้สิทธิต้องเป็นการบริจาคให้ส่วนราชการไทยเป็นการเฉพาะ หรือกรณีบริจาคผ่านตัวแทนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตัวแทนเหล่านั้นต้องนำเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้รับมาทั้งหมดไปมอบให้กับส่วนราชการไทยเท่านั้น
โดยหน่วยงานราชการนั้น เช่น กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องออกหนังสือสำคัญ หรือหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าได้รับการบริจาค โดยมียอดเงิน หรือทรัพย์สินที่เป็นยอดรวมทั้งสิ้นตรงกับยอดที่รับบริจาคมาทั้งจำนวน กรณีนี้ผู้บริจาคทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจึงจะได้รับสิทธินำยอดเงิน หรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักลดหย่อน หรือหักรายจ่ายได้
หากตัวแทนที่รับบริจาคนำเงิน หรือทรัพย์สินไปบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง หรือบริจาคให้สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย กรณีนี้จะไม่ได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีแต่อย่างใด
บัญชีธนาคารที่เปิดรับเงินบริจาคซึ่งจะได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีนั้นต้องเป็นบัญชีเฉพาะเท่านั้น โดยระบุชื่อบัญชีที่แสดงว่าเป็นการรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศญี่ปุ่น
การใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีจำเป็นต้องมีหลักฐานประกอบ ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญ หรือเอกสารการรับเงินหรือทรัพย์สินบริจาคที่ออกโดยส่วนราชการไทย หรือตัวแทน รวมถึงใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป ดังนั้น หากบริจาคเข้าบัญชีธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นของส่วนราชการ หรือของตัวแทน อย่าลืมเก็บสำเนาใบโอนเงิน หรือสลิปธนาคารไว้
สิทธิลดหย่อนภาษีที่จะได้รับ กรณีผู้บริจาคเป็นบุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคตามที่บริจาคจริง ซึ่งเมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นๆ เช่น บริจาคให้วัดวาอาราม สภากาชาดไทย สถานพยาบาล และสถานศึกษาของทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล สถานศึกษาเอกชน สถานสาธารณกุศล กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ และกองทุนต่างๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิ
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นำเงิน หรือทรัพย์สินที่บริจาคมาหักรายจ่ายได้ตามจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ โดยที่การบริจาคสินค้าที่ผู้ประกอบการได้บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเหตุอันสมควรที่ไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม
เอกสารหลักฐานการบริจาคใช้ประกอบการยื่นแบบสำหรับปีภาษี 2554 ที่จะยื่นในปี 2555 ชาวไทยที่ประสงค์จะบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่นจึงสามารถร่วมบริจาคได้ตลอด แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีฐานะร่ำรวยกว่าประเทศไทย แต่ความเป็นเพื่อนแท้สามารถพิสูจน์ได้ในยามทุกข์ยาก ผู้มีน้ำใจ และเมตตาในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นอกจากจะได้อนุโมทนาบุญนี้แล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
การบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่นและสิทธิลดหย่อนภาษี
หมายเหตุ หากตัวแทนที่รับบริจาคนำเงิน หรือทรัพย์สินไปบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง หรือบริจาคให้สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย กรณีนี้จะไม่ได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษี
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2553-8111 หรือที่ head@boi.go.th
ผู้บริจาคแยกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทบุคคลธรรมดา และประเภทบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กรณีบุคคลธรรมดาจะได้สิทธิเฉพาะการบริจาคเป็นเงินเท่านั้น แต่หากเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะได้สิทธิทั้งการบริจาคเป็นเงิน และทรัพย์สิน
หน่วยงานที่รับบริจาคมีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9, NBT, Thai PBS หรือองค์กรอื่นๆ การจะได้สิทธิต้องเป็นการบริจาคให้ส่วนราชการไทยเป็นการเฉพาะ หรือกรณีบริจาคผ่านตัวแทนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตัวแทนเหล่านั้นต้องนำเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้รับมาทั้งหมดไปมอบให้กับส่วนราชการไทยเท่านั้น
โดยหน่วยงานราชการนั้น เช่น กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องออกหนังสือสำคัญ หรือหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าได้รับการบริจาค โดยมียอดเงิน หรือทรัพย์สินที่เป็นยอดรวมทั้งสิ้นตรงกับยอดที่รับบริจาคมาทั้งจำนวน กรณีนี้ผู้บริจาคทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจึงจะได้รับสิทธินำยอดเงิน หรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักลดหย่อน หรือหักรายจ่ายได้
หากตัวแทนที่รับบริจาคนำเงิน หรือทรัพย์สินไปบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง หรือบริจาคให้สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย กรณีนี้จะไม่ได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีแต่อย่างใด
บัญชีธนาคารที่เปิดรับเงินบริจาคซึ่งจะได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีนั้นต้องเป็นบัญชีเฉพาะเท่านั้น โดยระบุชื่อบัญชีที่แสดงว่าเป็นการรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศญี่ปุ่น
การใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีจำเป็นต้องมีหลักฐานประกอบ ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญ หรือเอกสารการรับเงินหรือทรัพย์สินบริจาคที่ออกโดยส่วนราชการไทย หรือตัวแทน รวมถึงใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป ดังนั้น หากบริจาคเข้าบัญชีธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นของส่วนราชการ หรือของตัวแทน อย่าลืมเก็บสำเนาใบโอนเงิน หรือสลิปธนาคารไว้
สิทธิลดหย่อนภาษีที่จะได้รับ กรณีผู้บริจาคเป็นบุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคตามที่บริจาคจริง ซึ่งเมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นๆ เช่น บริจาคให้วัดวาอาราม สภากาชาดไทย สถานพยาบาล และสถานศึกษาของทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล สถานศึกษาเอกชน สถานสาธารณกุศล กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ และกองทุนต่างๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิ
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นำเงิน หรือทรัพย์สินที่บริจาคมาหักรายจ่ายได้ตามจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ โดยที่การบริจาคสินค้าที่ผู้ประกอบการได้บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเหตุอันสมควรที่ไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม
เอกสารหลักฐานการบริจาคใช้ประกอบการยื่นแบบสำหรับปีภาษี 2554 ที่จะยื่นในปี 2555 ชาวไทยที่ประสงค์จะบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่นจึงสามารถร่วมบริจาคได้ตลอด แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีฐานะร่ำรวยกว่าประเทศไทย แต่ความเป็นเพื่อนแท้สามารถพิสูจน์ได้ในยามทุกข์ยาก ผู้มีน้ำใจ และเมตตาในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นอกจากจะได้อนุโมทนาบุญนี้แล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
การบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่นและสิทธิลดหย่อนภาษี
หมายเหตุ หากตัวแทนที่รับบริจาคนำเงิน หรือทรัพย์สินไปบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง หรือบริจาคให้สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย กรณีนี้จะไม่ได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษี
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2553-8111 หรือที่ head@boi.go.th
