xs
xsm
sm
md
lg

ถอนเจบีซีจากสภา พธม.เดินสายชูโหวตโน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.มีมติถอนบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ออกจากรัฐสภา พันธมิตรฯ ลั่นเป็นชัยชนะของภาคประชาชนที่บ่งชี้สิ่งที่ต่อสู้มาถูกต้องทุกประการ เดินหน้าชู "โหวตโน" คู่ขนานปกป้องแผ่นดิน เตรียมเดินสายรณรงค์ที่ขอนแก่นและอุดรธานี 17-18 เม.ย.นี้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติถอนบันทึกผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ทั้ง 3 ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา ว่า เนื่องจากได้ดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และได้ขอความเห็นจากนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเลขาฯ กฎษฎีกาได้บอกว่า ในคำวินิจฉัยที่เขียนในบันทึกมีความชัดเจนว่าจะต้องมีการเจรจาอย่างต่อเนื่องต่อไป เพราะฉะนั้นก็ยังไม่ถึงขั้นตอนที่ศาลจะต้องพิจารณา ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่าการที่จะมีการเจรจาต่อไปนั้น คือ ยังไม่มีข้อตกลงที่เป็นข้อยุติที่จะเป็นไปตามเงื่อนไขของมาตรา 190 วรรค 2 เพราะฉะนั้นคิดว่าน่าจะถอนออกมาจากสภา และให้ผู้ที่มีหน้าไปดำเนินการเจรจากับทางกัมพูชาต่อไป

"หลังจากถอนร่างบันทึกเจบีซีออกจากสภาฯ ก็หมายความว่าการเจรจาก็ต้องทำต่อไป เมื่อเห็นว่ามีข้อยุติถึงขั้นที่จะเป็นหนังสือสัญญาก็ต้องให้สภาฯ ให้ความเห็นชอบ"

**ลั่นเป็นชัยชนะของภาคประชาชน

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวภายหลังทราบว่าครม.มีมติให้ถอดร่างบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ออกจากวาระการประชุมร่วมของรัฐสภา ว่า เป็นชัยชนะของประชาชนอีกขั้นหนึ่ง แม้ว่าไม่ใช่เป้าหมายหลักก็ตาม แต่ได้แสดงให้เห็นว่าความพยายามผลักดันของรัฐบาลที่จะนำร่างบันทึกการประชุมเจบีซี เข้าที่ประชุมรัฐสภาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่พันธมิตรฯ ต้องทำทุกวิถีทาง ทั้งการชุมนุม หรือยื่นหนังสือกดดัน เพื่อชะลอความพยายามของรัฐบาลนั้น สะท้อนให้เห็นว่า ที่สุดแล้วความดื้อแพ่งของรัฐบาลก็ไม่อาจต้านทานข้อเท็จจริงและข้อมูลของประชาชนได้

"เป็นชัยชนะในแง่ของการใช้ปัญญา และข้อมูลว่าสิ่งที่พันธมิตรฯ คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย และภาคประชาชน ต่อสู้มานั้น ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ถูกต้องทุกประการ" นายปานเทพ กล่าว

** พันธมิตรฯเดินหน้ารณรงค์โหวตโน

นายปานเทพกล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมของแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 2 รุ่น ร่วมกับคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร เพื่อหารือถึงแนวทางการเคลื่อนไหวให้มีเอกภาพ และชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ประชุมได้มีมติว่า หากมีการเลือกตั้ง จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือโหวตโน เพราะถือว่าการเมืองในระบบเก่าไม่ว่าจะเป็นขั้วไหนไม่ใช่ความหวังของประชาชนและประเทศชาติ ไม่ต้องการให้สิทธิ์ของประชาชนไปสร้างความชอบธรรมแก่นักการเมืองเพื่อทำร้ายประเทศอีก ทั้งการทุจริตคอร์รัปชัน ภาวะข้าวยากหมากแพง หรือแม้กระทั่งการสุ่มเสี่ยงอาจการสูญเสียดินแดน

โดยหลังเทศกาลสงกรานต์ จะมีการเปลี่ยนฉากบนเวที เพื่อระบุ 2 แนวทางหลัก ทั้งเรื่องปัญหาเขตแดน และการรณรงค์โหวตโน เพื่อเป้าหมายในการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ และหลังจากนี้จะมีการส่งผู้แทนบางส่วนเดินสายให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการโหวตโนกับประชาชนทั่วประเทศ

***จี้สอบเหตุ10เม.ย.-ยิง"สนธิ"

นายปานเทพยังได้กล่าวถึงโอกาสครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 ที่ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งประชาชน และทหารว่า ผ่านมา 1 ปียังไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนหาผู้กระทำผิด ซ้ำร้ายทหารกลับถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ทำร้ายประชาชน ทั้งที่มีความชัดเจนว่าทหารไม่ได้พกอาวุธ และมีกองกำลังชุดดำแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งไม่ทราบว่ารัฐบาลทำการสืบสวนสอบสวนจับกุมได้ความคืบหน้าอย่างไร ทำให้ไม่มีความเป็นธรรมให้แก่ทั้งทหาร และประชาชน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องให้ความจริงจังในการสืบสวนให้มากกว่านี้ ไม่ปล่อยให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ตลอด เนื่องจากรัฐบาลก็ใช้เหตุการณ์ในช่วง เม.ย.-พ.ค. กล่าวหาว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเป็นผู้เผาบ้านเผาเมือง แต่อีกด้านกลับให้การสนับสนุนประกันตัว ทั้งแกนนำและผู้ต้องสงสัย เป็นความขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงที่ต้องตอบประชาชนให้ได้

เช่นเดียวกับเหตุการณ์ลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ที่ 2 ปีผ่านมา ก็ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับปากเองว่า จะเร่งสืบสวนและจับกุมคนร้ายให้ได้ แต่บัดนี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

** จวกรัฐบาล-ทหารปล่อยเสื้อแดงเหิม

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพความขัดแย้งแตกต่างทางความคิด มีการเผชิญหน้า โดยเฉพาะมีแนวคิดท้าทายสถาบันเบื้องสูง ไม่เคารพกฎกติกาของบ้านเมือง แต่รัฐบาลก็นิ่งเฉย ไม่ทำหน้าที่ในการดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย กลับปล่อยปละละเลย โดยในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ยังสะท้อนให้เห็นว่า มีความมุ่งมั่นท้าทายต่อสถาบันสูงสุด อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกองทัพในการระงับยับยั้ง แต่ตอดลเวลาที่ผ่านมายังไม่ปรากฏว่าออกมาทำหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติด้วย

ส่วนกรณีที่คณะนายทหารผู้บัญชาการเหล่าทัพ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ตบเท้าเข้ามุทิตาจิต พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี แต่กลับไม่ดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่โจมตี พล.อ.เปรม อย่างรุนแรง ไม่ให้เกียรติ จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร

**หนุนทหารไล่เขมรพ้นพื้นที่ 4.6 ตร.กม.

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตนสนับสนุนนายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง ที่เสนอในที่ประชุมวุฒิสภาว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ยอมรับแล้วว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารเป็นพื้นที่ของไทย และเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ตามที่ประกาศในพระราชกฤษฎีกา 2541 จึงควรดำเนินการผลักดันให้ทหาร และประชาชนชาวกัมพูชาที่ได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวออกไปจากเขตแดนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราแสดงจุดยืนมานานแล้ว แม้ว่าอาจจะช้าไปบ้าง แต่ทำก็ดีกว่าไม่ทำ

** 17-18 เม.ย.รณรงค์"โหวตโน" ที่อีสาน

รายงานข่าวแจ้งว่า เวที “โหวตโน” ที่ จ.ขอนแก่น จะจัดขึ้นในวันที่ 17 เม.ย.นี้ ในเวลา 13.00น.-18.00น. ที่โรงแรมโฆษะ อ.เมือง จ.ขอนแก่น และวันที่ 18 เม.ย. ที่โรงแรมอุดรโฮเต็ล จ.อุดรธานี เวลา 18.00น.-21.00 น. โดยมีนายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายประพันธ์ คูณมี และนายสุนันท์ ศรีจันทรา ร่วมให้ความรู้ โดยมีวงดนตรีเศก ศักดิ์สิทธิ์ ให้ความบันเทิง ทั้งนี้ เป็นการหักค่าใช้จ่ายเงินที่ที่เหลือสนับสนุน ASTV ไม่ให้จอดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น