xs
xsm
sm
md
lg

อ่วมรับสงกรานต์ น้ำมันขึ้น30-50สต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ผู้ใช้รถอ่วมรับสงกรานต์ ปตท.-บางจาก อั้นไม่อยู่ ประกาศขึ้นน้ำมันกลุ่มเบนซิน ลิตรละ 50 สตางค์ อี85 ลิตรละ 30 สตางค์ ตรึงราคาดีเซล มีผลตี5 วันนี้ (12 เม.ย.) ย้อนหลังต้นปีถึงปัจจุบัน ขึ้นรวม 5 บาทต่อลิตร

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประกาศขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ลิตรละ 50 สตางค์ น้ำมันอี 85 ลิตรละ 30 สตางค์ ตรึงราคากลุ่มดีเซล มีผล เวลา 05.00 น. วันนี้ (12 เม.ย.) ทำให้ราคาน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาใหม่เป็นดังนี้ ราคาน้ำมัน กรีนพลัส91 ลิตรละ 43.74 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 38.84 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 36.34 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี20 ลิตรละ 35.44 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 ลิตรละ 22.92 บาท และน้ำมันดีเซล ลิตรละ 29.99 บาท

อนึ่ง ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเบนซิน หากย้อนไปดูตั้งแต่ช่วงต้นปี 54 จะพบว่า ราคาขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 6 ม.ค.ราคาน้ำมันเบนซิน 91 อยู่ที่ 38.64 บาทต่อลิตร ก่อนจะปรับราคาขึ้นใหม่ ตัวเลขล่าสุดเมื่อวันศุกร์ ที่ 8 เม.ย.อยู่ที่ 43.24 บาทต่อลิตร ดังนั้น รวมแล้วมีการปรับราคาขึ้นมากกว่า 5 บาท

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่ 4-8 เม.ย. 54 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนทุกชนิดราคา น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 5.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 114.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ เบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 6.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ 122.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ เวสเท็กซัส (WTI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ 109.73 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบรนท์ และเวสต์เท็กซัสทำสถิติสูงสุดในรอบสองปีครึ่งในวันที่ 8 เม.ย. 54 อยู่ที่ระดับ 117.21 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล, 126.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และ 112.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ 127.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 6.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ 138.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคา ได้แก่ 1. สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ อาทิ ลิเบียมีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นโดยมีการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันดิบได้รับความเสียหาย 2. บริษัทเอกชนในบาห์เรนปลดพนักงานมุสลิมนิกาย ชีอะห์มากกว่า 100 คนออกจากงาน เนื่องจากพนักงานดังกล่าวหยุดงานประท้วงต่อต้านคณะรัฐบาลที่นับถือมุสลิม นิกายสุหนี่ 3. องค์กรนิรโทษกรรมสากลรายงานมีผู้เสียชีวิตใน ประเทศไนจีเรียแล้วมากกว่า 50 คน จากความรุนแรงทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 16 เม.ย. นี้ ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจเกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมขึ้นบริเวณแหล่งผลิตน้ำมัน

4.นักลงทุนมีการซื้อขายน้ำมันดิบ ICE Brent ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า Inter Continental Exchange (ICE) ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในเดือน มี.ค. 54 ทำสถิติซื้อขายสูงสุด โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 26% อยู่ที่ 11.1 ล้านสัญญา 5. อัตราการว่างงานของประเทศสหรัฐฯ ลดลง 4 เดือนติดต่อกัน รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของ สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 เม.ย. 54 เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 357.7 ล้านบาร์เรล และ Distillates เพิ่มขึ้น 0.2 MMB อยู่ที่ระดับ 153.5 MMB อย่างไรก็ตามปริมาณสำรอง Gasoline ลดลง 0.4 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 216.7 ล้านบาร์เรล เป็นระดับสำรองที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.7 ล้านบาร์เรล 7. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ระดับ 1.25% นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน ก.ค. 2551

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ ในระยะสั้นคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent จะแกว่งตัวอยู่ ที่ระดับ 107-116 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และ 120-130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันจากโรงกลั่นในยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นใน เดือน เม.ย. 54 ภายหลังเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงในเดือน ก.พ. - มี.ค. และการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลลิเบียกับฝ่ายต่อต้านยังไม่ยุติ
กำลังโหลดความคิดเห็น