xs
xsm
sm
md
lg

“ปลาไหล” ลื่นแพ้ “มาร์ค”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

00 ไม่น่าเชื่อว่า ปลาไหลที่ว่าลื่น จับได้ยากแล้ว ยังเทียบไม่ได้กับ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมไปถึงประเภทพูด “จงใจ” ให้วกวนจนเวียนหัว สรุปสาระสำคัญไม่ได้ ก็ต้องยกให้คนๆนี้ ล่าสุดเมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) ออกมา “ตามน้ำ” เอาตัวรอด ด้วยการแสดงท่าทีชัดเจนเป็นครั้งแรกว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหารเป็นของไทย จะไม่ยอมให้ทหารอินโดฯ เข้ามาสังเกตการณ์เป็นอันขาด เป็นการพูดตามหลังผู้นำกองทัพที่ประกาศขัดขวางไปก่อนแล้ว
00 คำถามต่อไปก็คือ ปัทโธ่ ! ทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้ ทำไมไม่พูดตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกับกัมพูชา และหากยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย ทำไมไม่สั่งให้กองทัพผลักดันทหารเขมร และชุมชนที่ตั้งอยู่แถบนั้นออกไปให้หมด ปล่อยให้ทหาร “ตายฟรี” ทำไม และยังต้องถามต่อไปว่า ในเมื่อวัดแก้วศิขาฯ บังเกอร์ ถนนหนทาง ที่เขมรสร้างขึ้นมาก็ต้องรื้อทิ้งให้หมด เพราะสร้างในพื้นที่ 4.6 ที่เป็นของไทยใช่หรือไม่ ดังนั้นอย่า “ดีแต่พูด” วันนี้ต้องสั่งให้ “ทหารอ้วน” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ รมว.กลาโหม ผลักดันรื้อทิ้งให้หมด “กล้าหรือเปล่า” ล่ะ.. ทุด !!
00 เมื่อวานนี้ ( 10 เม.ย.) “หัวโจก” คนเสื้อแดงลูกน้อง “ไอ้เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร พยายามสร้างกระแสว่าเป็นวันที่ “แดงถูกฆ่า” โดย “พูดซ้ำๆ” กรอกหูอยู่ทุกวัน เป้าหมายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการกลบเกลื่อนความจริง ให้ข้อมูลอยู่ด้านเดียว จนชาวบ้านหรืออย่างน้อยทำให้พวก “คนเสื้อแดงด้วยกันเอง” ที่ก่อนหน้านี้เริ่มลังเลว่า ตัวเองเคยถูกหลอก ถูกพาไปตาย เป็นเครื่องมือให้พวกหัวโจก “สร้างราคา” อัพเกรดขึ้นมาโดดเด่นอยู่แถวหน้า ให้อารมณ์หันกลับมาเชื่อแบบฝังหัวกันต่อไป
00 เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าก่อนหน้านี้บรรดาหัวโจก อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตเคยหากินอยู่กับ “สภาโจ๊ก” เป็นแค่คนเลียนเสียง “สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี พูดจาให้สำเนียงทองแดง แต่หลังจากถูกผลักให้เป็นแกนนำเสื้อแดง ใช้กระแส “แม้ว” เป็นเครื่องมือ อาศัยพูดจามีวาทศิลป์ จนบัดนี้กลายเป็นขวัญใจแม่ยกคนเสื้อแดง มีระดับเป็น “วีรบุรุษ” โดดเด่นเหนือกว่า “ไอ้เก่งลิเก” การุณ โหสกุล ไม่เห็นฝุ่นเสียแล้ว
00 ส่วน“ไอ้ตู่” ความเป็นมาก็ไม่ต่างกัน หลังจากใช้เวลาหลายปีในรั้วพ่อขุน หมอนี่ก็อาศัยวาทะเป็นตัวเบิกทางไม่ต่างกัน เริ่มต้นทางการเมืองในพรรคไทยรักไทย สมัยนั้นเป็นเด็กติดตาม “ไอ้ก้านยาว” ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ก็ยังเงียบๆไม่มีอะไรโดดเด่น จนกระทั่งพรรคถูกยุบ “แถวแรก” ถูกสั่งห้ามยุ่งการเมืองหน้าฉาก ทำให้พวกปลายแถวอย่างเขาได้แจ้งเกิด ใช้สถานการณ์เป็นตัวขับดัน มาถึงบัดนี้ ยกตัวอย่างอีกคนให้เห็นภาพ อย่าง “ขวัญชัย ไพรพนา” หรือ ขวัญชัย สาราคำ แดงอุดรฯ ที่หนังสือหนังหา อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า แต่ก็สามารถยกระดับมายืนอยู่แถวหน้า เตรียมตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรือแม้แต่ “เหวง โตจิราการ” ที่ก่อนหน้าเคยด่า ทักษิณ “ขายชาติ” แต่ก็พลิกลิ้นมาเป็นตรงกันข้าม หน้าตาเฉย
00 ที่ต้องยกตัวอย่างพวกหัวโจกคนเสื้อแดงแบบเรียงตัวก็เพื่อให้เห็นภาพว่าแต่ละคนมีความเป็นมาอย่างไรเท่านั้น และไม่น่าเชื่อว่า จากเหตุการณ์ก่อจลาจล-เผาเมือง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ต่อเนื่องมาถึงพฤษภาฯ มีหลักฐานทั้งภาพและเสียงเห็นกันจะจะ แต่เพราะความ “ห่วยแตก” ของรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคง กลับปล่อยให้คนพวกนี้สร้างกระแสโกหกอยู่เป็นรายวัน ทำท่าจะกลายสภาพจาก “ผู้ร้าย เป็นพระเอก” เสียฉิบ.. ทุด !!
00 เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) ถ้าพูดให้ตรงกับข้อเท็จจริงก็คือ เป็นครบรอบวัน “สังหาร พล.อ.รุ่มเกล้า ธุวธรรม” นายทหารที่ “จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” ตัวจริง น่าจะเป็นวันที่ต้องร่วมกันสดุดีนายทหารกล้าพร้อมกับพวกที่ต้องเสียสละชีวิตและอวัยวะของร่างกายต่างหาก แต่ผลที่ออกมากลายเป็นตรงข้าม ปล่อยให้พวกคนชั่วย่ำยีหทารกล้าหน้าตาเฉย
00 ปรากฏการณ์ที่ผิดเพี้ยน “วิปริต” ดังกล่าวเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความไม่เอาไหนของรัฐบาลโดยเฉพาะ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่ยอมชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านมาตั้งแต่ต้น ที่ผ่านมาทำตัวให้เห็นว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ สร้างภาพเรื่อง “ปรองดอง” แล้วตอนนี้เป็นไง สำนึกแล้วหรือยัง มารู้สึกตัวเอาตอนนี้มันสายไปแล้ว ไม่ว่าจะออกหนังสือ “อย่าให้ใครเผาฯ” อีกกี่หมื่นเล่ม หรือการพูดแบบเร่งโหมโรงว่า “แม้วตัวการป่วน” ทุกรูปแบบในเวลานี้ มันก็ไม่มีความหมาย เพราะสายไปเสียแล้ว คำถามก็คือทำไมไม่เร่งมือในช่วงที่เกิดเหตุ มาพูดตอนนี้นอกจากไม่ได้ผลแล้ว ยังถูกฝ่ายแดงนำไปขยายผลบิดเบือนว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” เสียอีก !!
กำลังโหลดความคิดเห็น