xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวเมืองมะละกา

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ผมเพิ่งไปมะละกา มาเลเซียมากับลูกสาว การท่องเที่ยวมาเลเซียเชิญพลอยไปเที่ยว เขาให้เลือกปีนัง ลังกาวี และมะละกา เราเลือกมะละกาเพราะเป็นเมืองเก่าอายุ 600 ปี และเป็นเมืองของพวก “บ้าบ๋า-นอนย่า” หรือพวกชาวจีนฮกเกี้ยนที่แต่งงานกับชาวพื้นเมืองมาเลย์

ผมเคยไปมะละกามาแล้ว แต่อยู่เฉพาะในสนามกอล์ฟชื่อ ฟอร์โมซา เลยไปนิดเดียวก็ถึงเมืองเก่า คราวนี้เขาให้อยู่ที่รีสอร์ตเปิดใหม่ เป็นล็อกเคบินทำจากไม้สนได้ความว่า เขาสั่งไม้สนมาจากรัสเซีย รีสอร์ตอยู่บนเขาเตี้ยๆ มี 200 หลัง แต่เงียบไม่พลุกพล่าน เราอยู่ที่นั่น 2 คืน คืนสุดท้ายย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเก่า โรงแรมเล็กๆ มีไม่กี่ห้อง ในเมืองเก่ามีบ้านที่พวกบ้าบ๋า-นอนย่า นำมาดัดแปลงเป็นที่พัก แต่ละบ้านมีความสวยงามมาก

สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ ความสะอาดของเมือง ยิ่งบ้านชาวมาเลย์ที่ติดคลองด้วยแล้วยิ่งสะอาดดูเป็นระเบียบ ส่วนถนนหนทางนั้น เขาดีอยู่แล้ว ไม่ขรุขระ และการจัดการจราจรดีมากในเขตเมืองเก่า เขาให้รถวิ่งทางเดียวตลอด

เราไปชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นบ้านเก่า ลักษณะบ้านข้างหน้าแคบข้างในกว้าง นัยว่าสมัยก่อนอังกฤษเก็บภาษีตามความกว้างของหน้าบ้าน บ้านใครประตูใหญ่ก็เก็บแพง คงคล้ายๆ เวียดนามที่บ้านแคบทรงสูง เพราะเก็บภาษีตามความกว้างของด้านหน้าเหมือนกัน

พวกบ้าบ๋า-นอนย่า มีวัฒนธรรมจีน-มาเลย์ และอังกฤษผสมผสานกัน ฝ่ายหญิงแต่งกายแบบจีนผสมมาเลย์-ผู้ชายแต่งสูทแบบฝรั่ง ส่วนเครื่องใช้ในบ้านเป็นของอังกฤษ เฟอร์นิเจอร์พวกประตูหน้าต่างเป็นลวดลายจีน โต๊ะเก้าอี้เป็นแบบจีน

ในห้องนอนที่พื้นมีช่องเล็กๆ เอาไว้เปิดดูเวลามีคนมาบ้าน ช่องนี้เจาะตรงกับหน้าบ้านพอดี หากมีคนมาหาที่ไม่อยากต้อนรับ ก็จะสาดน้ำลงไปถือเป็นการไล่ สิงคโปร์เคยทำหนังชีวิตของพวกบ้าบ๋า-นอนย่า

ที่มะละกานี้ หากใครมาก็จะได้รับคำแนะนำให้ไปกินอาหารนอนย่า กับอาหารโปรตุเกส เพราะโปรตุเกสเคยมาอยู่ ปัจจุบันก็ยังมีหมู่บ้านหลงเหลืออยู่ แต่พอเข้าไปดู ปรากฏว่าเหลือบ้านเล็กๆ เพียงหลังเดียว

ผมไม่ค่อยชอบอาหารที่นี่ แต่เรากินเฉพาะอาหารโปรตุเกสกับอาหารนอนย่า ผมเคยกินอาหารโปรตุเกสที่มาเก๊าอร่อยกว่าที่มาลักกา ส่วนอาหารนอนย่านั้น ก็คล้ายๆ อาหารไทยที่ไม่อร่อย ขนมแบบขนมต้มไส้มะพร้าว และลอดช่องก็มีขายทั่วไป แต่ก็สู้ลอดช่องวัดเกตุของเราไม่ได้

ไกด์ที่พาเราไปไหนมาไหนเป็นคนไทยมาจากปีนัง เล่าว่าสมัยอาภัสรามาเรียนปีนังก็อยู่ที่บ้านพ่อ-แม่เขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน เมืองมะละกาเล็ก และเป็นรัฐเล็กที่สุดไม่มีสุลต่าน วันเดียวก็เที่ยวหมดแล้ว เทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวของเราไม่ได้เลย แต่มาเลเซียก็มีความพยายามมากในการส่งเสริมการท่องเที่ยว แม้ว่าที่เที่ยวจะน้อยกว่าเรา

เมื่อไปมาเลเซียแล้ว ก็นึกถึงบ้านเรา และการท่องเที่ยวเมืองไทยเราได้เปรียบ เรามีรีสอร์ตตั้งแต่ระดับหรูสุดแบบบ้านเป็นวิลล่ามีสระน้ำเล็กๆ ทุกหลัง ไปจนถึงโรงแรมห้องพักคืนละร้อยสองร้อยบาทก็ยังมี แม้เราจะไม่มีกาสิโน แต่การท่องเที่ยวของเราก็ยังคึกคัก เพราะคนไทยเรามีอัธยาศัยไมตรีดี และที่สำคัญก็คือ มีอาหารการกินที่อร่อยและมีความหลากหลายมาก

แต่การท่องเที่ยวก็ทำให้อาหารไทยของเราเพี้ยนไปเหมือนกัน ตั้งแต่รสชาติไปจนถึงการทำ มีร้านของชาวต่างประเทศ เช่น Blue Elephant เปิดหลายสาขาทั้งในไทย และในต่างประเทศ เวลานี้มีเชฟไทยที่โด่งดังในอเมริกาหลายคนได้ดัดแปลงอาหารไทยให้มีการเสิร์ฟแบบฝรั่ง คือ เสิร์ฟทีละจานไม่มาเป็นสำรับ ที่ชิคาโกชุดละ 90 เหรียญ ต้องจองกันเป็นเดือนจึงจะได้กิน

ร้านอาหารไทยที่หลงเหลืออยู่ และยังทำอาหารแบบเดิมๆ ก็มีร้านฟูดดี้ มีสองสาขาที่สีลม และในซอยหมู่บ้านปูนซิเมนต์ไทย ที่อร่อยก็มีข้าวแช่ และอาหารไทยๆ ทุกอย่าง นอกจากนั้นก็มีร้านในตลาดบางแห่งที่ยังคงทำของอร่อยๆ เช่น ห่อหมกนางเลิ้ง และศรีย่าน นอกนั้นทำห่อหมกกันไม่เป็นแล้ว

ที่น่าเสียดายก็คือ ข้าวมันส้มตำ เวลานี้เหลือให้กินน้อยมาก มีแต่ข้าวมันไก่ซึ่งอร่อยกว่าที่เมืองมาลักกามาก ที่นั่นมีร้านเก่าแก่ ข้าวมันเขาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ไก่ตัวผอมๆ สู้ข้าวมันไก่ของสิงคโปร์ไม่ได้เลย

พูดถึงข้าวมันส้มตำ ผมลองมาหลายร้านปรากฏว่าทำข้าวมันเป็น แต่ไม่รู้ว่าส้มตำที่เขากินกับส้มตำนั้น เขาไม่ได้ทำเหมือนกับส้มตำทั่วไป ที่กินกับข้าวเหนียวไก่ย่าง ส้มตำที่กินกับข้าวมันนั้น จะต้องซอยมะละกอเป็นฝอยเล็กๆ แต่ทุกแห่งที่ผมลองไปกิน มะละกอฝานเป็นชิ้นใหญ่ๆ และไม่มีกุ้งแห้งป่น ส้มตำขนานแท้ต้องมีกุ้งแห้งป่นโรย และใส่ส้มมะขามเปียกผสมไปกับมะนาวด้วย จะมีรสแหลม นอกจากนั้นยังต้องมีเนื้อฝอยหวานๆ และแกงไก่เป็นเครื่องเคียงด้วย ข้าวมันส้มตำขนานแท้นี้ ไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อร้าน ผมไปกินมา 4-5 ร้านแทบกินไม่ลงเลย

อาหารไทยอย่างข้าวมันส้มตำ หมี่กรอบ ห่อหมก พวกนี้น่าจะมีการอนุรักษ์ไว้ เพราะมีความสำคัญต่อการท่องเที่ยว และเพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้รู้ไว้ เวลานี้มีแต่หนังสือแนะนำที่กินอร่อยๆ แต่ไม่มีหนังสือบอกว่าของไทยที่อร่อยๆ หากินได้ที่ไหน เพราะอยู่กระจัดกระจายอย่างเช่น หมี่กรอบที่บ้านถนนสุโขทัย เป็นต้น พวกสถาบันที่เปิดสอนการทำอาหาร น่าจะลองคิดและทำกันอย่างจริงๆ จังๆ ไม่เช่นนั้นอีกไม่นานก็จะสูญหายไปหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น