xs
xsm
sm
md
lg

10เมษา53กับคนเสื้อแดง ความเลวทรามที่ลืมไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ผ่านความวิปโยคมาเกือบครบขวบปี หลังชายชุดดำปรากฏตัวโจมตีทหารกลางสี่แยกกคอกวัว จนเป็นเหตุแห่งโศกนาฏกรรม วันที่ 10 เมษายน 2553 เป็นสิ่งที่คนไทยควรจะได้เรียนรู้จากสถานการณ์ มากกว่าที่จะปล่อยให้คนเสื้อแดงอย่าง “เหวง โตจิราการ” ออกมาบิดเบือนประวัติศาสตร์ด้วยการประณามกระทรวงศึกษาธิการ ที่สอดแทรกความจริงวันแดงเผาเมืองไว้ในบทเรียนของเยาวชน
เพราะความจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะมันแจ่มชัดยิ่งว่า ใครออกแบบให้ชาติก้าวสู่หุบเหวแห่งหายนะ จึงมีความจำเป็นที่คนไทยควรจะได้ย้อนรอยระลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อจะได้ตระหนักระแวดระวังคนไทยที่เป็นศัตรูชาติ
**91 ศพ ที่ "คางคกตู่" จตุพร พรหมพันธ์ พยายามลากเข้าสภาด่าทอรัฐบาลจะไม่เกิดขึ้นเลย หากพรรคเพื่อไทยจะไม่เดินออกจากข้อตกลงร่วมของวิปสามฝ่าย ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามคำสั่งของทักษิณ ชินวัตร ป่านนี้ก็คงมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไปแล้ว
จะไม่มีความตาย 91 ศพในบ้านเมืองนี้ ถ้าเศษแดนแดงจะไม่เดินออกจากโต๊ะเจรจากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ยื่นข้อเสนอยุบสภาภายใน 9 เดือน ตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการชุมนุม
จะไม่มีความตาย 91 ศพในบ้านเมืองนี้ ถ้าไม่มีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมคนเสื้อแดง
จะหยุดความตายไม่ให้ถึงศพที่ 91 ได้ ถ้าคนเสื้อแดงจะไม่ยื้อถ่วงเวลาที่จะยุติการชุมนุมเดินหน้าแผนปรองดอง 5 ข้อ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤศจิกายน 2553 ตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี
10 เมษายน 2553 เกิดเหตุการณ์นองเลือด ช็อกคนทั้งประเทศได้อย่างไร ลองลำดับเหตุการณ์ดูก็จะรู้ว่า ใครออกแบบวางแผน
ใกล้เที่ยงของวันที่ 10 เมษายน ขวัญชัย ไพรพนา นำฮาร์ดคอร์แดงหลายร้อยคน บุกกองทัพภาคที่ 1 กดดันทหารที่กำลังรวมพลรอปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ จนเกิดเหตุปะทะกัน ระหว่างทหารและคนเสื้อแดงที่บุกไปยั่วยุทหาร
จากนั้นทหารนำกำลังออกปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ตลอดช่วงบ่ายจนถึงเย็น มีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะกันแต่ไม่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต จนกระทั่งใกล้ค่ำ ไอ้กีร์ “อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” ประกาศกลางเวทีราชประสงค์ว่า “สงครามเต็มรูปแบบกำลังจะเริ่มต้น”
**ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ปรากฏภาพชายชุดดำโจมตีทหารจนเป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และนายทหารอีกจำนวนหนึ่งเสียชีวิต ตามมาด้วยความสูญเสียครั้งใหญ่กลางสี่แยกคอกวัว
ทันทีที่กลิ่นคาวเลือดโชย ความตายก็ถูกนำไปหามแห่บนเวทีของคนเสื้อแดง ปลุกระดมรุกไล่ ขับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้พ้นจากประเทศไทย
นี่คือโมเดลใช้ศพเป็นบันไดคืนสู่อำนาจที่ถูกออกแบบไว้ล่วงหน้า ซึ่งหากเราย้อนไปมองภาพเหตุการณ์วันที่ 13 เมษายน ปี 2552 ทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับ อาชิช โจชิ ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ ของอังกฤษ จากนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวลาประมาณ 18.22 น. ของวันที่ 13 เมษายน ตรงกับเวลา 00.22 น. ของวันที่ 14 เมษายน ตามเวลาในประเทศไทย ก็จะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
**“ไม่มีใครสามารถทำให้ประเทศสงบสุขได้ในตอนนี้ นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมขอเรียกร้องให้พระองค์ท่านได้โปรดลงมาคลี่คลายสถานการณ์ หากพระองค์ยังไม่ทรงใช้พระราชอำนาจเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในคืนนี้ (14 เม.ย. 52) คุณจะเห็นประชาชนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก”
ผ่านเหตุการณ์เมษาแดงถ่อยไปหนึ่งปี มาถึงปี 53 มีศพให้แห่ มีเลือดคนไทยให้ ทักษิณ ก้าวข้าม และวาทกรรมเดิมที่ ทักษิณ เคยใช้เมื่อปีที่แล้ว ก็ออกจากปากของ "จิ๋ว" คนทรยศชาติ
**“หวังในสิ่งนี้ว่าจะมีพระมหากรุณาธิคุณให้พวกเรายุติความขัดแย้งที่มีมานานพอสมควร และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาล กระผมคิดว่า ถ้าไม่มีพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว กระผมไม่แน่ใจต่อการสูญเสียภายใน 1-2 วันข้างหน้านี้ มันจะเป็นตราบาป หรือสิ่งที่พี่น้องคนไทยไม่ต้องการจะเห็นในชีวิต”
คงเห็นภาพชัดเจนว่า ความตายและความสูญเสียของชาติล้วนเกิดจากความตั้งใจที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นจอมบงการทั้งสิ้น ผ่านพรรคเพื่อไทย มวลชน และกองกำลัง ที่เดินทางไปรับงานจาก ทักษิณ ถึง ดูไบ
แต่ฟ้ามีตา เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่ ทักษิณ คาด สังคมส่วนใหญ่ร่วมกันปฏิเสธคนที่ใช้ความรุนแรง จนเป็นสาเหตุสำคัญที่หนุนเนื่องให้ อภิสิทธิ์ ประคับประคองสถานการณ์ในขณะนั้นมาได้
วันนี้กำลังจะครบ 1 ปี โศกนาฏกรรม 10 เมษายน 2553 ไม่ว่าบนเวทีคนเสื้อแดง ในวันที่ 10 เมษายน 2554 จะโกหกอย่างไร ก็คงมิอาจหนีความจริงที่ว่า
ทักษิณ คือจอมบงการ ใช้พรรคเพื่อไทย กองกำลัง และมวลชน เป็นเครื่องมือในการทวงคืนอำนาจโดยไม่คำนึงถึงความย่อยยับของบ้านเมือง
**แม้ว่าในวันหนึ่งหากฟ้าเปลี่ยนสี อำนาจเปลี่ยนไปอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย ก็อย่าหวังว่าจะบิดเบือนประวัติศาสตร์จากความจริงที่ว่า “เสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง” ไปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น